Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 2330 พัฒนาเต๋า

ตอนที่ 2330 พัฒนาเต๋า
“ศิษย์พี่หยุน โอสถแหวนเงินจันทราเมฆของข้านั้นมันเหมือนขาดๆ อะไรอยู่ตลอด ท่านช่วยชี้ปัญหาให้แก่ข้าจะได้หรือไม่?”
“ศิษย์พี่หยุน ท่านจะช่วยดูศาสตร์หลอมหมอกม่วงอมตะให้ข้าหน่อยได้หรือไม่? มันยังมีจุดบกพร่องใดหรือไม่?”
“ศิษย์พี่หนิง ศาสตร์ควบคุมไฟหลังสัจธรรมของท่านนี้มันช่างสมบูรณ์แบบเสียจริง!”
ในหอโอสถเวลานี้มันมีเหล่าจอมเทพโอสถแปดดาวมากมายกำลังรายล้อมหยุนยี่และหนิงซืออวี๋อยู่ พูดคุยกันอย่างไม่มีทีท่าจะหยุดปากลง
ก่อนหน้าพวกเขานั้นเป็นยอดคนที่มีแต่คนนับหน้าถือตา
เพราะจะอย่างไรพวกเขานั้นก็ล้วนเป็นยอดฝีมือนักหลอมโอสถที่ปกครองภูมิภาค
มีจอมเทพโอสถแปดดาวคนใดบ้างที่จะไม่ได้รับการยอมรับกราบไหว้? ในมหาพิภพถงเทียนนั้นพวกเขาทั้งหลายต่างล้วนเป็นยอดคนที่อยู่สูงล้ำฟ้า
แต่ในที่นี้พวกเขานั้นเป็นได้แค่เด็กนักเรียนผู้หนึ่ง
ในตอนที่พวกเขาทั้งหลายเพิ่งมาถึงนั้น คนทั้งหายต่างจะคิดอยากได้การสั่งสอนโดยตรงจากเย่หยวน
แต่เย่หยวนนั้นย่อมจะไม่มีเวลาพอและส่งต่อให้หยุนยี่และหนิงซืออวี๋จัดการสั่งสอนต่อจนคนทั้งหลายไม่อาจเถียงใดๆ กลับไป
เพราะพวกเขาทั้งหลายเหล่าจอมเทพโอสถแปดดาวนั้นกลับไม่อาจจะเอาชนะศิษย์ของเย่หยวนลงได้!
มันเป็นเวลานี้เองที่ยอดคนทั้งหลายได้เข้าใจว่าวิธีการบ่มเพาะฝึกฝนของเย่หยวนมันยอดเยี่ยมปานใด!
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงได้วางทิ้งศักดิ์ศรีลงและเริ่มเรียนรู้ทุกสิ่งอย่างจากหยุนยี่และพวกทุกวี่วัน
แต่ยิ่งได้เรียนรู้ไปพวกเขาก็ยิ่งรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งใจ
เพราะความรู้ความเข้าใจที่หยุนยี่และคนอื่นๆ มีนั้นมันทำให้พวกเขาแทบอยากมุดแผ่นดินหนีที่เคยเรียกตัวเองว่ายอดคน
เพราะจะอย่างไรเสียหยุนยี่นั้นก็ยังมีอาณาจักรความรู้ที่ต่ำอยู่มาก
หลังจากอาณาจักรบ่มเพาะของเขาพุ่งสูงขึ้นไปกว่านี้แล้วเหล่ายอดคนทั้งหลายนั้นคงพ่ายแพ้ย่อยยับ
แต่จู่ๆ มันก็เกิดเสียงร้องฮือฮาขึ้นมาจากด้านนอกพร้อมเงาร่างของผู้คนที่เดินเข้ามา
หยุนยี่และหนิงซืออวี๋ที่ได้เห็นหน้าผู้มาเยือนนั้นต้องรีบลุกขึ้นก้มหัวลงคารวะทันที
“อาจารย์! ท่านศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล!”
เย่หยวนพยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้ม “หลายวันมานี้พวกเจ้าทั้งสองได้ความรู้บ้างหรือไม่?”
ทั้งสองจึงตอบกลับไปอย่างพร้อมเพรียง “ได้รับมากล้น!”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “อืม ทุกผู้คนที่อยู่ในที่นี้ต่างล้วนเป็นยอดคนมากอาวุโสผู้มีนามเขย่าฟ้าดิน พวกเจ้าจงจดจำและเรียนรู้จากพวกเขาทั้งหลายให้มาก”
คนทั้งสองรีบตอบกลับมาทันที “ศิษย์ทราบแล้ว!”
เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายที่ได้ยินต่างก็ต้องก้มหน้าต่ำอย่างอับอาย เพราะคำพูดของเย่หยวนนี้มันเหมือนการตบหน้าของพวกเขาดีๆ นี่เอง!
หลายวันมานี้มันมีแต่พวกเขาเท่านั้นที่ก้มหัวเรียนรู้วิชาจากพวกหยุนยี่ทั้งหลาย
หากจะพูดถึงการเรียนรู้แล้ว มันคงเป็นฝ่ายพวกเขามากกว่าที่ได้ประโยชน์
จักรพรรดิเทพสวรรค์ผู้หนึ่งอดไม่ได้จึงตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มขมขื่น “สหายหนุ่มเย่ นี่เจ้าจะไม่จบหน้าคนแรงเกินไปหน่อยหรือ? มหาหนุ่มหยุนนี่แค่ยังบ่มเพาะไม่ถึงขั้น ไม่เช่นนั้นแล้วคนเฒ่าๆ อย่างเราทั้งหลายนั้นจะยังมีค่าใด? รองมหาปราชญ์ พวกเราเหล่าคนเฒ่าแก่ทั้งหลายนั้นก็ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าแม้แต่ศิษย์ของเจ้าก็จะยังเก่งกาจได้ปานนี้! สมแล้วจริงๆ ที่วังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์อินทรีสวรรค์นี้ได้รับยกย่องเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งไป!”
จักรพรรดิเทพสวรรค์ผู้นี้มีนามว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์น่าวหัว เขานั้นเป็นจอมเทพโอสถแปดดาวขั้นปลายมีตำแหน่งสุดอาวุโสและมีอำนาจในวงการโอสถอย่างเหนือล้น
หลายวันมานี้เขาได้ยอมรับความเก่งกาจของหอโอสถอย่างสุดใจ
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “พี่น่าวหัวเข้าใจผิดแล้ว! เรื่องแรกที่เย่ผู้นี้สั่งสอนศิษย์คือเรื่องความไม่โอหังอวดอ้างตัว อย่าได้คิดหลงตัวเองให้มากมาย ไม่ว่าเราจะเก่งกาจมากมายเพียงแต่ ไม่ว่าจะมีฝีมือล้นฟ้าแค่ไหนมันก็ไม่อาจจะประมาทศัตรูไปได้ หินจากบ้านอื่นนั้นมันอาจจะมาขัดให้หินจากบ้านเราสะอาดขึ้นได้ เรียนรู้จากจุดแข็งของผู้คนเพื่อกลบจุดอ่อนของตนนั้นคือวิธีพัฒนาตนที่ดีที่สุด”
เมื่อคนทั้งหลายได้ยินพวกเขาต่างก็ต้องสั่นสะท้านไปทั้งใจ
ที่แท้แล้วเย่หยวนไม่ได้ถ่อมตัวใดๆ เขาแค่กล่าวพูดตามความเป็นจริง
ในจิตใจของเย่หยวนนั้นหยุนนี่เก่งกาจกว่าพวกเขาไปมาก!
แต่ถึงจะเก่ง เขาก็ยังสอนให้ศิษย์อย่าถือตัวและเรียนรู้จากผู้คน
คิดย้อนกลับไปหลายวันมานี้หยุนยี่เองก็ยังคงรักษาท่าทีเคารพคนทั้งหลายอย่างมากไม่เคยจะถูกเย้ยหยันใดๆ แม้แต่ครั้งเดียว
เป็นตอนนั้นเองที่เหล่านักหลอมโอสถทั้งหลายได้เข้าใจว่ายอดคนของวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์อินทรีสวรรค์นี้มันแตกต่างจากผู้คนตั้งแต่ภายในมาแล้ว
พวกเขาทั้งหลายนั้นยืนอยู่บนจุดสูงส่งมายาวนาน เป็นตัวตนที่อยู่เหนือฟ้าดินแต่ละคนล้วนมีศักดิ์ศรีค้ำคอ
การเรียนรู้จากผู้อ่อนแอกว่าตนเองนั้นมันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่คิดจะทำ
แต่เวลานี้พวกเขาได้รู้ถึงตัวตนของคนที่เก่งกาจกว่าพวกเขาไปมากล้นแต่ก็ยังอ่อนน้อมกว่าพวกเขาไปมากหลาย
ความถ่อมตนนี้มันมิใช่แค่ท่าทางหรือคำพูด แต่มันเป็นการถ่อมตนที่ความคิด
มีแต่คนที่คิดถ่อมตนให้เกียรติคนอื่นเท่านั้นที่จะดึงเอาจุดแข็งของผู้คนมาเรียนรู้ได้
คำพูดถ่อมตนใดๆ นั้นเย่หยวนย่อมไม่คิดสนใจมัน
เรื่องที่ว่าเขาเก่งกาจนั้นมันคือความเป็นจริงที่ไม่มีใครเถียงออก!
เรื่องนี้แค่ได้ฟังคำพูดของเขาก็เข้าใจได้ทันที
“ทุกคน ข้านั้นได้ปรึกษากับผู้อาวุโสศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลท่านและตัดสินใจกันว่าอีกไม่นานนี้วังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์อินทรีสวรรค์เราจะจัดงานบรรยายเต๋า! มันจะเริ่มขึ้นจากเย่ผู้นี้และหลังจากเย่ผู้นี้ต้องเดินทางไปทำธุระมันก็จะได้ผู้อาวุโสศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลท่านสานต่อให้ ตัวท่านเองก็ได้ติดต่อกับเหล่าบรรพกาลทั้งหลายไว้และพวกเขานั้นก็ได้ตอบตกลงจะมาร่วมงานกันสิ้น ที่ข้ามาหาพวกท่านทั้งหลายวันนี้ก็เพราะหวังว่าจะวานพวกท่านให้แจ้งข่าวต่อกันไป ใครก็ตามตราบเท่าที่พวกเขาสนใจในเต๋าโอสถนั้นก็ขอให้มาที่เมืองอินทรีสวรรค์เรานี้เพื่อร่วมรับฟังบรรยายเต๋า!” เย่หยวนบอก
เมื่อเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายได้ยินพวกเขาต่างก็ต้องหน้าถอดสีลงตามๆ กัน
เพราะสิ่งที่เรียกว่าบรรยายเต๋านี้มันคือการนำเอาเต๋าของตนที่สั่งสมมาค่อยๆ บอกเล่าต่อผู้คนที่เข้ามาฟังเต๋า
มันหมายความว่าพวกเขาทั้งหลายจะต้องเอายอดเต๋าของตัวเองมาเปิดเผยต่อหน้าคนทั้งโลกหล้า
คนที่บรรลุเต๋ามาได้นั้นต่างล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์แตกต่าง ความยากลำบากที่ผ่านๆ มาของพวกเขานั้นมันได้สร้างสมให้พวกเขาก้าวขึ้นมาถึงจุดที่ยืนอยู่นี้ได้
แน่นอนว่าคนทั้งหลายย่อมจะมีความลับมากมายเป็นของตัวเอง
ความลับที่ถึงขนาดต่อให้จะมีศิษย์พวกเขาก็ยังไม่สั่งสอนออกมา
เพราะหากสั่งสอนไปหมดแล้วพวกเขาก็คงกลายเป็นคนไร้ค่าไป
หากลองคิดดูแล้ว ถ้าคนผู้หนึ่งมีศิษย์มากพรสวรรค์เก่งกาจเรียนรู้รวดเร็วก้าวขึ้นมาอยู่เหนือหัวตน มันจะทำให้เกิดความรู้สึกเช่นใด?
เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นคนที่ใกล้ตายเต็มที พวกเขาทั้งหลายนั้นจึงจะบอกเล่าความลับถ่ายทอดให้แก่ศิษย์ไป
แต่เย่หยวนนั้นกลับคิดทำมัน!
เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นต่างได้แต่ยืนอ้าปากค้างฟังเรื่องราวอย่างสั่นสะท้านไปทั้งใจ
ต้องเป็นคนที่มีจิตใจกว้างขวางปานใดจึงจะกล้าทำเรื่องเช่นนั้น!
เย่หยวนนั้นคิดสั่งสอนผู้คนไม่เลือกหน้า เป็นการสร้างคุณประโยชน์แก่ทุกชีวิต!
ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของมหาพิภพถงเทียนนั้นมันไม่เคยมีใครจะใจกว้างได้ขนาดนี้
แต่เย่หยวนกลับเลือกที่จะทำ!
และมิใช่แค่เขาที่เลือกจะทำ เขายังไปลากตัวมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลมาร่วมด้วย
เหตุผลที่เย่หยวนมาหาเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นมันย่อมเป็นเพราะว่าพวกเขานี้มีอำนาจและชื่อเสียงมากล้นในวงการโอสถ
เพราะตัวเย่หยวนนั้นอยากให้มีคนมากฟังบรรยายเต๋านี้ให้ได้มากที่สุด
เพราะว่ายิ่งเต๋าโอสถของมนุษย์พัฒนาไปมากเท่าใด มันก็จะเป็นภัยต่อเผ่าเทวาไปมากเท่านั้น!
ความสำคัญของเรื่องนี้มันเห็นได้ชัดเจนจากแผนของหยวนเว่ย!
“หึๆ ตอนที่เฒ่าผู้นี้ได้ยินเรื่องราวครั้งแรกข้าก็ยืนนิ่งไม่ต่างจากพวกเจ้าหรอก แต่เมื่อลองคิดดูแล้ว เต๋าโอสถของเย่หยวนในเวลานี้มันคงไม่ด้อยไปกว่าเฒ่าคนนี้แล้วด้วยซ้ำ และขนาดเขายังไม่คิดหวง มีหรือที่เฒ่าคนนี้จะยังไม่ยอมรับไปได้?” มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลหัวเราะลั่น
จักรพรรดิเทพสวรรค์น่าวหัวนั้นทำหน้าตาตื่นกลับขึ้นมาตอบรับ “รองมหาปราชญ์นั้นช่างสร้างเรื่องราวยิ่งใหญ่ให้มนุษย์เรา! มีหรือที่น่าวหัวผู้นี้จะยังกล้าเก็บซ่อนความรู้ใดๆ? หากท่านอยากได้ข้าร่วมงานด้วยข้าย่อมพร้อมรับเสมอ!”
“ข้าด้วย!”
“ข้าด้วยคน!”
เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นต่างกล่าวรับคำขึ้นมาตามๆ กัน
เพราะการกระทำของเย่หยวนนี้มันสุดแสนจะเหนือล้ำ เขานั้นเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ที่งานประชุมโอสถสหภูมิภาคและตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
กลับกัน พวกเขาทั้งหลายนั้นรู้สึกอับอายกับความไร้ค่าของตนขึ้นมาในใจ
แม้ว่าเต๋าของพวกเขานั้นมันจะไม่ได้เหนือล้ำใดๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าเต๋าของเย่หยวนแต่จะอย่างไรครั้งนี้พวกเขาก็จะไม่ยอมถูกทิ้งไว้
เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะคนทั้งหลายด้วยรอยยิ้ม “หากมนุษย์เราชนะศึกนี้กลับมาได้ โลกใบนี้คงได้ถูกพวกท่านทั้งหลายช่วยเหลือไว้แล้ว!”
ทุกผู้คนต่างร้องว่า มิกล้าๆ ออกมาพร้อมๆ กัน
เวลานี้เมื่อโอสถบรรพกาลหายสาบสูญไป คนทั้งสองนี้ย่อมจะเป็นผู้ปกครองวงการโอสถของโลกหล้า
ด้วยกำลังฝีมือของพวกเขาทั้งหลายนั้นมีหรือที่จะกล้ามายกตัวเองเทียบกับบรรพกาลทั้งสอง?
ข่าวเรื่องการบรรยายเต๋านั้นมันกระจายไปทั่ววงการโอสถอย่างรวดเร็ว
เหล่ายอดฝีมือของอาณาจักรทหัยเมฆานั้นล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือของยอดฝีมือ
แม้แต่ยอดคนอย่างเทพสวรรค์ดันหยู่ทั้งหลายนั้นยังต้องลำบากหาเส้นสายกว่าจะเบียดเสียดเอาตัวเข้าไปร่วมงานได้ แค่นี้มันก็แสดงได้ชัดเจนแล้วว่าคนทั้งหลายนั้นสูงส่งเท่าใด
และในวงการโอสถนี้มันมีนักหลอมโอสถมากมายล้ำอย่างที่ไม่อาจนับได้
การที่เย่หยวนคิดสั่งสอนอย่างไม่เลือกชนชั้นเช่นนี้มันย่อมทำให้คนทั้งหลายที่สามารถมาได้ต่างคิดมาร่วมฟังสิ้น
เวลานี้มันจึงเกิดนักหลอมโอสถจำนวนมากมายมหาศาลมุ่งหน้าไปยังวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์อินทรีสวรรค์นั้น
…………………………
Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ

Status: Ongoing
จักรพรรดิโอสถแห่งยุคได้ถูกก่อกบฏโดยผู้ทรยศ
ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา…แผ่นดินไร้ซึ่งนาม ฉิงหยุนซี และผู้ได้รับ แพรไหมหมื่นปี ก่อนที่จะสิ้นชีพลง….
กาลเวลาผ่านไป…เขาได้กลับมาอีกครั้ง ขณะที่ร่างกายเจ้าของคนเก่ากำลังเดินเล่นอยู่ใน สำนัก…
ข้าจะทลายสวรรค์ให้สิ้น…ด้วยโอสถในมือข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท