บทที่ 369 ทิวทัศน์งดงาม
บทที่ 369 ทิวทัศน์งดงาม
อวี้ฮ่าวหรานครุ่นคิดในใจ และเห็นว่าตนคงกลับไปรับถวนถวนกลับบ้านไม่ทันอย่างแน่นอน
“เดี๋ยวก่อนนะครับ ผมขอโทรศัพท์ก่อน”
เขาลงจากรถ และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“หลี่หรงเหรอ?”
“ใช่ พี่เขย? มีอะไรเหรอ?”
“พอดีพี่ติดธุระ ถ้าเธอเลิกงานแล้วแวะไปรับถวนถวนที่บริษัททีนะ”
“หา? คืนนี้พี่จะไม่กลับบ้านเหรอ?” หลี่หรงแปลกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“อืม น่าจะนะ”
เขาไตร่ตรองและคิดว่าหากตนต้องอยู่จัดการเรื่องนี้ เกรงว่าคงต้องใช้เวลาไม่น้อย
“พี่เขย…พี่อยู่กับผู้หญิงคนอื่นเหรอ?” หญิงสาวปลายสายคาดเดาได้ในทันที
“หืม?”
อวี้ฮ่าวหรานชะงัก เขาหันไปมองซูหว่านเอ๋อซึ่งจัดเสื้อผ้าอยู่ในรถ
จะบอกว่าเป็นอย่างที่เธอว่าก็ไม่ผิดนัก…
“อะแฮ่ม ไม่ต้องคิดมากหรอก พี่มาทำธุระเฉย ๆ น่ะ”
“อ๋อ… แล้วพรุ่งนี้จะกลับหรือยัง? ช่วงนี้งานที่บริษัทค่อนข้างยุ่ง ฉันไม่มีเวลาดูแลถวนถวนน่ะ”
ดูเหมือนเธอจะแค่ถามไปตามประสา ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
“อยู่แล้วสิ”
เขารับปากก่อนวางสาย
ซูหว่านเอ๋อได้ยินเขาคุยโทรศัพท์ รู้ว่าการเดินทางครั้งนี้ยาวนานเกินไป จึงรีบเอ่ยขอโทษเขา
“ขอโทษด้วยนะคะที่ฉันไม่ได้บอกคุณก่อนหน้านี้…”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ลากคุณออกมา เป็นผมที่ใจร้อนเอง”
เขาไม่คิดโทษเธอ อย่างไรเสียเขาก็เป็นฝ่ายที่พาเธอออกมาโดยไม่ถามไถ่ก่อน
ตอนนี้เกรงว่าเธอจะเป็นฝ่ายงุนงงมากกว่า
เธอสวมชุดกระโปรงยาวสีเบจ มือยังถือกุญแจห้องของสะสมเอาไว้ สภาพไม่พร้อมจะออกมานอกบ้านแต่อย่างใด
“ไปกันเถอะค่ะ โชคดีที่บ้านของลุงที่ฉันรู้จักอยู่แถวนั้นพอดี”
แม้ซูหว่านเอ๋อจะไม่มั่นใจนัก ถึงอย่างไรเธอก็เคยมาที่นี่เพียงครั้งเดียว หากแต่ยังเป็นฝ่ายพูดเสนอออกมา
“ครับ อย่างนั้นก็ไปกันเถอะ”
อวี้ฮ่าวหรานไม่คิดลังเลใจ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว สายเกินกว่าจะกลับไป สู้ไปดูให้รู้แล้วรู้รอดดีกว่า
ทั้งคู่ลงเดินตามถนนลูกรังสายหนึ่งซึ่งห่างจากเมืองฮ่วยอัน ทิวเขาสูงต่ำมากมายปรากฏเบื้องหน้าพวกเขา
เดินทางมาตลอดทาง ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจน 4 โมงเย็น ดวงอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลับยอดเขาไป สายลมพัดโชย ถนนสายนี้ยิ่งดูเงียบสงบ
“ใกล้ถึงแล้วค่ะ ครั้งก่อนฉันเดินครึ่งชั่วโมงกว่าเลย รอบนี้เร็วขึ้นมากแล้วค่ะ”
เธอไม่รู้สึกเหนื่อยแต่อย่างใดและเดินนำทางไปเรื่อย ๆ ซึ่งมันชวนให้อวี้ฮ่าวหรานแปลกใจเล็กน้อย
นึกไม่ถึงว่าทั้งที่เธอดูบอบบาง แต่กลับเดินขึ้นเขาได้โดยไม่ปริปากบ่นแม้แต่น้อย
“ฉันออกมาเที่ยวนอกบ้านบ่อยน่ะค่ะ ร่างกายของฉันจึงแข็งแรงขึ้นมากแล้ว”
ซูหว่านเอ๋อหันมาแถลงไข ดูท่าเธอจะภาคภูมิใจมาก เขาจึงพยักหน้าเห็นด้วย
“ครับ คุณบอกก่อนหน้านี้ว่าตอนเด็กมักจะป่วยออด ๆ แอด ๆ แต่ตอนนี้ดูไม่เป็นอย่างนั้นเลยครับ”
“ค่ะ ตอนเด็กพ่อไม่ให้ฉันออกไปข้างนอกเลย พอฉันโตขึ้น มีความคิดเป็นของตัวเอง ฉันเลยออกมาเที่ยวเล่นทุกวันค่ะ”
เธอเดินไปเรื่อย ๆ พลางเล่าเรื่องในอดีต
“ทีแรกพ่อไม่ยอมให้ฉันออกไป แต่พอเห็นว่าฉันร่างกายแข็งแรงขึ้นก็ยอมให้ฉันออกมา แต่ทุกครั้งก็จะให้บอดี้การ์ดมาคอยตามดูแลตลอดค่ะ”
“มิน่าล่ะ คุณถึงได้เป็นคนเงียบขนาดนี้”
อวี้ฮ่าวหรานเข้าใจได้ทันทีว่าเหตุใดเธอถึงได้ท่าทางกระอักกระอ่วนแบบนั้นตอนที่เจอกันครั้งแรก
“ค่ะ เราใกล้ถึงแล้วล่ะค่ะ”
ซูหว่านเอ๋อหันไปมองหมู่บ้านทางซ้ายมือ เป็นข้อพิสูจน์ว่าเธอไม่ถนัดพูดคุยกับผู้คน เรื่องที่เธอมีเพื่อนฝูงน้อยก็คงเป็นเรื่องจริง
แม้จะได้ออกไปข้างนอก แต่เธอก็มีบอดี้การ์ดคอยทำทุกอย่างให้
อวี้ฮ่าวหรานเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินคำเธอ เพียงแค่เห็นซีกแก้มของอีกฝ่าย มันก็ชวนให้เขาใจสั่นไหว
เหงื่อเม็ดเล็กไหลตามหน้าแก้มเนียนใส ดวงตาสุกสกาวราวไข่มุกดำจ้องมองไปทางหมู่บ้านซึ่งอยู่ไม่ห่างออกไปด้วยแววกระตือรือร้น
งดงามเหลือเกิน!
เสียงชมเชยดังก้องในใจเขา แม้ใช้ชีวิตในฐานะมหาจักรพรรดิแห่งมวลเทพมาแล้วสามหมื่นปี หากแต่น้อยนักที่จะได้เห็นภาพที่งดงามขนาดนี้
“คะ? มองอะไรเหรอคะ? ไปกันเถอะค่ะ”
ซูหว่านเอ๋อเห็นเขาจับจ้องตนเอง ริ้วแดงก็ปรากฏบนแก้มขาวของเธอ ทั้งคู่ก้าวเดินต่ออีกสิบนาทีให้หลังก็ถึงทางเข้าหมู่บ้าน
“ช่วงนี้ฉันไม่มีอะไรกินเลย พรุ่งนี้ว่าจะไปล่าหมาในหมู่บ้านข้าง ๆ ไม่ยากมากแล้วก็ขายได้เงินด้วย”
“พี่หลิว พาฉันไปด้วยสิ พี่จะใช้ชีวิตอย่างนี้ตลอดไม่ได้หรอก”
“ได้สิ ได้ เราสนิทกันอยู่แล้วนี่”
“…”
เมื่อมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน อวี้ฮ่าวหรานก็เห็นชายหนุ่มท่าทางเหมือนอันธพาลสองคนนั่งยอง ๆ คุยกันข้างกำแพง
เรื่องที่บอกว่าจะไปขโมยสุนัขทำให้เขาไม่พอใจนัก หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงไม่ได้ถือสา
หากแต่เพราะตอนนี้ถวนถวนเลี้ยงสุนัขอยู่สองตัว มันจึงยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกปล่อยวางไม่ได้
พวกเขาสังเกตเห็นเขาในจังหวะนี้
ต่อให้ไม่คิดจะสนใจ แต่ความสวยของซูหว่านเอ๋อก็ยังเป็นที่สะดุดตา!
“เฮ้ย สาวสวยคนนี้มาจากไหนกัน!”
คนที่ถูกเรียกว่าพี่หลิวเอ่ยขึ้นก่อน สายตาลุกวาวในทันใด!
“นี่ไม่ใช่… คนที่มาหมู่บ้านครั้งก่อนหรอกเหรอ…แล้วอีกคนเป็นใครกัน?”
ชายหนุ่มอีกคนจำเธอได้
“อย่าไปยุ่งกับเธอเลย ครั้งก่อนเธอเอาบอดี้การ์ดมาตั้งเยอะ น่าจะรวยมาก”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เห็นไหมว่าวันนี้มีไอ้หนุ่มผอมบางอยู่แค่คนเดียว”
ใครได้ฟังก็รู้ว่าพวกเขามีเจตนาร้าย พี่หลิวจ้องซูหว่านเอ๋อเขม็ง สายตาส่อแววหื่นกระหาย
“ฉันไม่เคยเห็นคนสวยขนาดนี้เลย! ให้ตายเถอะ ถ้าฉันได้…”
ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นในใจอย่างช่วยไม่ได้
พวกเขาเข้ามาขวางทางอวี้ฮ่าวหรานเอาไว้ทันที
“เดี๋ยวก่อน! ใครให้แกเข้ามาในหมู่บ้าน?” คนนำเอ่ยขึ้นอย่างอวดดี
“ใช่แล้ว! แกจะเข้าไปได้ก็ต่อเมื่อพี่หลิวอนุญาตเท่านั้น!” ลูกน้องอีกคนเอ่ยสำทับ
“พี่หลิวงั้นเหรอ?” อวี้ฮ่าวหรานมองเหยียด
“ใช่! เรียกได้ดีนี่ แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าแกจะเรียกว่าอะไร วันนี้ฉันจะปล่อยให้ผู้หญิงข้างหลังแกเข้าไปได้เท่านั้น!”
อันธพาลหนุ่มที่ได้ชื่อว่าพี่หลิวท่าทีกระหยิ่มใจ
“อย่าคิดขัดขืนเชียว ดูแขนขาเล็ก ๆ ของแกสิ กระจอก ฉันซัดแกทีเดียวก็ล้มไปกองแล้ว!”
เขาง้างหมัดข่มขู่ชายหนุ่มตรงหน้า เขาเป็นชายวัยสามสิบปี หุ่นกำยำ มีกล้ามแขนกล้ามขา
อวี้ฮ่าวหรานส่งสีหน้าทะมึน
“ขยะอย่างแกไม่อยากตายดีสินะ?”
คนประเภทนี้ไม่แม้แต่จะเคยฝึกกำลังภายใน อ่อนแอขนาดนี้ ยังกล้ามาขวางทางเขาอีกหรือ?
“ไอ้เวรนี่! เสียสติไปแล้วเหรอ?”
ความคิดจองหองของพี่หลิวสูงเสียดฟ้า เขารู้สึกราวกับถูกสาดน้ำเย็นใส่ สีหน้าพลันฉายแววเกรี้ยวกราดเต็มที!
วันนี้ได้เห็นดีกันแน่!
** มาแล้วผู้อ่านจ๋าาา เปิดนิยายให้อ่านฟรี กว่า 700 ตอน **คัดสรรนิยาย 4 เรื่อง 4 แนว สุดฮิตมาให้อ่านกันตลอดช่วงซัมเมอร์นี้ ต้องรีบไปอ่านแล้ววว ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย – 18 เม.ย. นี้อ่านได้เลยที่ www.enjoybook.coติดตามผลงานและข่าวสารจากเราได้ที่ เพจ EnjoyBook