บทที่ 10 เลิกเสแสร้ง นี่มันของแท้!
คนอย่างเจ้าหรือจะนำของมาขาย หนำซ้ำยังมาเข้าพบเถ้าแก่ของข้าอีก เหลวไหลสิ้นดี ไสหัวไปให้พ้น! เจ้ากำลังทำให้ข้าเสียเวลา!
ชายผู้นั้นไม่แม้แต่จะชำเลืองมองสิ่งของที่นางนำมาเสียด้วยซ้ำ เขาผลักซูหวานหว่านให้พ้นทางจนโสมบนห่อผ้ากระเด็นตกลงบนพื้น และในตอนที่สิ่งนั้นตกลงบนพื้น ก็ได้มีคนตาดีสังเกตเห็นแล้วโวยวายขึ้นมา
เจ้าบอกว่าร้านคงจะไม่มีโสมเหลือแล้ว แล้วสิ่งนี้มันคืออะไรกัน ข้ามีเงินและต้องการมันมา เร็วเข้า! รีบตัดมันมาให้ข้า!
ห๊ะ? โสม ไหนเล่าโสม? ชายหนุ่มมองไปยังห่อผ้าสีดำของซูหวานหว่านที่มีโสมอยู่ด้วยแววตาเป็นประกาย จะ..เจ้า โสมนี้เป็นของเจ้าใช่หรือไม่ เจ้าขายมันในราคาเท่าใดโปรดบอกข้า ร้านยาของเราต้องการมันมาก ๆ
เฮ้อ! ซูหวานหว่านถอนถอนหายใจ นางหยิบโสมขึ้นมาเก็บเอาไว้ในห่อผ้าดังเดิม ข้าว่า ข้าไม่ขายมันแล้วดีกว่า ข้าคิดไปเองว่าร้านยาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองจะมีเมตตามากกว่านี้ แต่ไม่เลย กลายเป็นว่าคนที่นี่กลับดูถูกผู้อื่นเยี่ยงหมูเยี่ยงสุนัข
ซูหวานหว่านหันหลังเดินแหวกฝูงชนออกไป หลบหน่อย หญิงสาวกล่าวเสียงเข้ม
แม่นาง อย่าเพิ่งไป! เจ้าตัดแบ่งขายให้ข้าสัก 2 ชิ้นได้หรือไม่? ข้าจะให้ท่าน 2 ไม่สิ 20 ตำลึงเงินไปเลย! ชายที่โวยวายกับร้านขายยาเมื่อครู่ได้มาดึงตัวของหญิงสาวไว้ นางจึงยกคิ้วสูงมองไปยังชายผู้นั้น นางไม่ทราบถึงราคาของโสม ทว่าการที่ชายคนนี้ได้เพิ่มราคาให้มันอย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่านางจะวิ่งหนีหายไปไม่แบ่งขายโสมให้เขา เหตุผลนี้ก็เห็นได้ชัดเลยว่าโสมเป็นของที่มีค่ามากทีเดียว
ท่าทางลังเลของซูหวานหว่าน ทำให้ชายหนุ่นร้านขายยาที่ลอบมองสถานการณ์อยู่กลัวว่าอีกฝ่ายจะขายให้กับคนอื่น เขาจึงตัดสินใจพูดด้วยท่าทีสุภาพนอบน้อมต่างจากเมื่อครู่ แม่นาง ท่านทราบหรือไม่ว่าโสมนั้นเป็นที่ต้องการสำหรับคนไข้มากมาย หากท่านขายให้ข้ามันจะเป็นเรื่องที่ดีมาก
จริง ๆ แล้วสิ่งที่เขาพูดมามันก็ถูกต้อง แต่นางยังรู้สึกแค้นใจอยู่เล็กน้อยที่เมื่อครู่อีกฝ่ายกล้าดูถูกนาง ดังนั้นก็อย่าหวังว่านางจะขายของสิ่งนี้ให้กับเขาเลย!
เหตุใดเจ้าจึงไม่คิดถึงตอนที่เจ้ามองข้าอย่างดูถูกดูแคลน เจ้าคิดว่าข้าเป็นพวกหัวอ่อนหรืออย่างไร? ให้ตายเถอะ! ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้นะ ข้าพูดคำไหนคำนั้น หากบอกว่าไม่ขาย ข้าก็ไม่มีวันขายมันให้กับเจ้า!
เจ้า! ชายหนุ่มหน้าแดงด้วยความโกรธ เจ้า เหตุใดเจ้าถึงเป็นคนหยาบคายเช่นนี้ ข้าพูดเพราะว่าข้ากำลังรีบ แม่นางอย่างได้คิดมากไปเลย…
ซูหวานหว่านเหลือบไปเห็นหญิงสาวหน้าตางดงามคนหนึ่ง นางพยักหน้าลงนิด ๆ เพื่อเชื้อเชิญให้ซูหวานหว่านเดินเข้าไปหา พลันใดนั้นซูหวานหว่านรู้ได้ทันทีเลยว่าตนไม่จำเป็นต้องง้อร้านขายยาเฮงซวยนี่อีก มันถึงเวลาที่จะบอกลาชายหนุ่มมารยาททรามคนนี้แล้ว!
เก็บปากของเจ้าไว้หว่านล้อมคนอื่นเถอะ! ข้าขอตัว! หญิงสาวเชิดหน้าขึ้น สะบัดหน้าไปอีกทางและเดินออกไปอย่างไม่สนใจใยดีโดยไม่ลืมที่จะจูงมือผู้เป็นแม่ออกมาด้วย
ซูหวานหว่านแหวกผู้คนออกไป และเมินคำร้องขออ้อนวอนของชายหนุ่ม รอบตัวซูหวานหว่านเต็มไปด้วยฝูงชนที่รายล้อมเพื่อขอซื้อโสมป่าจากหญิงสาว แม่นางจ๊ะ โสมนั่นแบ่งขายให้ข้าได้ไหม ข้าต้องการเพียงแค่ชิ้นหนึ่งเท่านั้น เพียงชิ้นเล็ก ๆ เท่านั้น ชิ้นบาง ๆ ก็ได้!
ซูหวานหว่านกระชับห่อผ้าไว้แน่นเพราะเกรงว่าคนพวกนี้จะมาทำร้ายแย่งโสมของนางไป
ชายหนุ่มร้านขายยามองไปยังฝูงชนที่แห่เข้าไปรุมล้อมซูหวานหว่านอย่างรู้สึกตื่นตระหนก เนื่องจากโสมเป็นของที่มีค่าและยังหายากมาก ๆ อีกทั้งโสมยังเป็นสิ่งที่สามารถนำมาซึ่งกำไรมากมายให้กับร้านยา เขาจะไม่ยอมให้คนพวกนั้นได้โสมตัดหน้าร้านขายยาเหลินเฮอแห่งนี้ไปหรอก
ชายหนุ่มร้านขายยาคิดไม่ตกและกังวลอย่างมาก
เขาจะทำอย่างไรดี!
ชายหนุ่มตัดสินใจวิ่งไปหาเถ้าแก่เจ้าของร้านที่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะสนใจเขาเลย ทว่าเมื่อเอ่ยปากเล่าเรื่องโสมของซูหวานหว่านให้ฟัง เถ้าแก่ก็รีบลุกขึ้นและวิ่งออกไปหน้าร้านพร้อมชายหนุ่มทันที
แม่นาง เจ้าให้ข้าดูโสมนั่นได้หรือไม่?
ได้สิ… ซูหวานหว่านหันกลับไปมอง นางพิจารณาดูแล้วว่าเถ้าแก่ร้านยาผู้นี้ดูเป็นมิตรมากกว่าลูกจ้างของเขาเป็นไหน ๆ หญิงสาวจึงตอบตกลงและยื่นโสมนั้นไปให้อีกฝ่ายดู
เถ้าแก่ได้พิจารณาโสมที่หญิงสาวอย่างถี่ถ้วน ดวงตาของเขาลุกโชนด้วยความละโมบโลภมาก ทว่าท่าทางของเขาสงบนิ่งและเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง นี่มันไม่ใช่โสม
ทุกคนมองหน้ากันอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน จะเป็นไปได้อย่างไรที่ของสิ่งนั้นไม่ใช่โสม
เถ้าแก่ร้านยาลูบเคราของตนเองด้วยท่าทีนิ่งเฉย ไร้ความกังวลหรือร้อนรนตกใจ สิ่งนี้คือรากดอกลูกโป่ง ลักษณะของมันอาจจะดูคล้ายโสมแต่ไม่ใช่
เชื่อก็บ้าแล้ว! คิดว่าจะโกหกข้าได้งั้นหรือ?
นางอุตส่าห์คิดว่าเถ้าแก่คนนี้จะแตกต่างจากชายหนุ่ม แต่ไม่คิดเลยว่าทั้งสองคนนี้จะมีนิสัยเหมือน ๆ กัน! สมแล้วที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างกัน นิสัยแย่เหมือนกันไม่มีผิด!!
ซูหวานหว่านไม่พอใจกับคำโกหกของชายชรา นางหันหลังเดินออกไป แต่ก็ต้องสะดุดกับคำพูดหนึ่งที่เขากล่าว แม่นาง ถึงแม้ว่ารากดอกลูกโป่งนี้มันจะเป็นของธรรมดา แต่เพื่อเป็นการขอโทษ ข้าจะรับซื้อมันไว้ในราคาสูงแล้วกัน เจ้าคิดว่าอย่างไร?
ราคาสูงงั้นเหรอ? แล้วมันเป็นเงินเท่าใดกัน? ซูหวานหว่านเอ่ยถาม เถ้าแก่คนนี้พยายามกดราคาตั้งแต่การบอกว่าโสมนี้เป็นรากดอกลูกโป่งแล้ว ทั้งยังกล้าพูดว่าจะซื้อมันจากข้าด้วยราคาสูงอีก นี่มันกลเม็ดวิธีของนักต้มตุ๋นเลยไม่ใช่หรือไง!?
ราว ๆ หนึ่งตำลึงเงิน
ห๊ะ? ซูหวานหว่านอึ้งกับคำพูดนั้น สุดยอดกลโกงเลยนะนั่น นางไม่ได้หูฝาดไปใช่หรือไม่?
เถ้าแก่พูดด้วยสีหน้าจริงจังดูน่าเชื่อถือ รากดอกลูกโป่งเป็นพันธ์ุไม้ที่มีอายุมากและสามารถใช้เป็นยาได้เช่นกัน แต่น่าเศร้าที่มูลค่าของมันไม่สูงนัก ข้าให้เจ้าหนึ่งตำลึงก็นับว่าเป็นเงินที่สูงแล้ว
ล้อกันเล่นหรือไง!
นี่อีกฝ่ายเป็นเถ้าแก่หรือว่าโจรกันแน่ หากว่านางขายให้กับคนอื่นที่ต้องการโสมคนละชิ้น แค่เพียงชั่วครู่นางก็คงได้เงินมากกว่า 500 ตำลึงเลยด้วยซ้ำ!
คืนโสมข้ามาเถิด ข้าไม่ต้องการขายมันแล้ว ซูหวานหว่านเอ่ยอย่างเหนื่อยใจ นางจับสังเกตได้ว่าเถ้าแก่ไม่อยากจะคืนส่งให้นางเท่าไรนัก ดังนั้นนางจึงรีบคว้าโสมกลับมาอย่างรวดเร็วและส่งยิ้มไปให้เถ้าแก่ร้านขายยา ตอนนี้ข้าก็ยังไม่รู้แน่ชัดหรอกว่าสิ่งนี้คือโสมใช่หรือไม่ ในเมื่อท่านบอกว่ามันไม่ใช่โสม เหตุใดจึงจะช่วยซื้อมันในราคาที่ต่ำ เอ้ย สูงขนาดนี้ ที่ท่านโกหกว่ามันเป็นเพียงแค่รากดอกลูกโป่ง ทั้งที่แท้จริงแล้วมันคือโสม แสดงว่าท่านคงคิดจะซื้อมันไปในราคาต่ำแล้วขายให้แก่ชาวบ้านราคาสูงเพื่อกำไรหลายพันตำลึงใช่หรือไม่?
ราวกับคำพูดของหญิงสาวแทงใจดำเถ้าแก่ผู้นั้นเข้าอย่างจัง ใบหน้าของเขาซีดเผือด เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก ซูหวานหว่านมองดูชายตรงหน้าด้วยแววตาสะใจ และรอฟังว่าอีกฝ่ายจะว่าอย่างไรต่อ
แม่นาง ได้โปรดให้ข้าลองดูใหม่อีกรอบเถิด ข้าจะให้ราคามากกว่า 1 ตำลึง โปรดขายรากลูกโป่งนี้ให้ข้าด้วยเถิดเพื่อเห็นแก่ความพยายามในการขุดมันออกมาของเจ้า
ผู้คนที่อยู่รอบข้างต่างรู้สึกเช่นเดียวกับซูหวานหว่าน พวกเขาถอนหายใจกับคำพูดอันไร้เหตุผลของเถ้าแก่ผู้นี้ จะเป็นไปได้อย่างไรที่รากดอกลูกโป่งจะมีราคามากถึงขนาดที่เขาจะต้องร้องอ้อนวอนหญิงสาวเพื่อให้ได้มันมาครอบครอง พวกเขารู้ว่าเถ้าแก่ต้องมีสิ่งใดแอบแฝงอยู่เป็นแน่ จึงพยายามหลอกให้ซูหวานหว่านขายมัน
เจ้าไม่เห็นเหรอว่าเจ้านี่ไม่ใช่รากดอกลูกโป่งแต่เป็นโสมจริง ๆ หญิงสาวพูดอย่างหมดความอดทน
แม่นาง… เถ้าแก่ผู้นี้เคยเป็นหมอมาก่อน เขาไม่มีวันที่จะโกหกท่านหรอก
ใช่แล้ว ๆ! ร้านขายยาเหลินเฮอใหญ่โตและมีความน่าเชื่อถืออย่างมากเลยทีเดียว เสียงของคนในฝูงชนบางส่วนเอนเอียงไปทางเถ้าแก่มิจฉาชีพ
…
หญิงสาวขมวดคิ้ว พอได้แล้ว ๆ ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อข้าล่ะก็ ทำไมไม่ลองเอารากดอกลูกโป่งนี่ไปขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่ผ่านทางมาแถวนี้ดู แต่เอาเถอะ อย่างไรก็ตามข้าไม่อยากจะทำให้โสมของข้ากลายเป็นรากดอกลูกโป่งราคาถูกหรอก
เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างทำตัวไม่ถูก ซูหวานหว่านห่อโสมให้เรียบร้อยดังเดิมพร้อมชูมันขึ้นเพื่อพูดบางอย่าง ท่านพ่อค้า ๆ ท่านช่วยดูรากต้นลูกโป่งของข้าทีสิ ข้าว่ามันค่อนข้างใหญ่อยู่นะ คงจะได้สักตำลึง หรือไม่ก็ครึ่งนึงก็ยังดี! ท่านคิดว่าอย่างไร?
…
‘นางคิดว่าจะขายรากดอกลูกโป่งได้ถึง 1 ตำลึงงั้นเหรอ? รากดอกลูกโป่งนั้นมีค่าอย่างมากก็แค่ 20 เหรียญทองแดงเท่านั้นล่ะ’ เถ้าแก่ร้านขายยาคิดในใจโดยไม่ปริปากเอ่ยคำใด เขาไม่คิดว่าหญิงสาวตรงหน้าเขาจะโต้เขากลับเช่นนี้
พ่อค้าที่สัญจรผ่านมาได้แต่ยืนงงที่ถูกลากเข้ามาในสถานการณ์อันแสนวุ่นวายนี้ ส่วนชายหนุ่มร้านขายยาอีกแห่งก็มองเห็นสายตาแปลก ๆ ของเถ้าแก่ร้านจึงบอกกับซูหวานหว่านว่า แม่นาง เชิญเข้ามาในร้านของเราก่อนเถอะ ข้าจะดูมันเอง
ซูหวานหว่านเบื่อหน่ายกับคำหลอกลวงของคนเหล่านี้เต็มทน นางจึงแสยะยิ้มดึงผู้เป็นแม่ออกจากสถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้โดยไม่สนใจคนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย
หวานหว่าน ทำไมเจ้าไม่ขายมันไปล่ะ? เขาจะให้เราถึง 2 ตำลึงเงินเชียวนะ แม้ว่าเราจะนำปิ่นเงินไปจำนำ ก็ยังได้ไม่ถึงครึ่งตำลึงเลยนะลูก!
ซูหวานหว่านถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจ ไม่คิดเลยว่าท่านแม่จะคล้อยตามเถ้าแก่มิจฉาชีพคนนั้นไปด้วย ท่านแม่… นั่นคือโสม ไม่ใช่รากดอกลูกโป่ง ราคาของมันไม่มีทางน้อยไปกว่า 2 ตำลึงแน่นอน! ซูหวานหว่านพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เจ้าก็ได้ยินแล้วไม่ใช่หรือ เถ้าแก่ผู้นั้นเขาเป็นถึงหมอเลยนะเขาไม่โกหกเจ้าหรอก แม่เจิ้นรู้สึกสับสนและเหนื่อยมากเพราะตั้งแต่ขึ้นเกวียนมาก็มีเรื่องเกิดขึ้นไม่หยุด
ซูหวานหว่านอยากจะบอกให้แม่ของตนได้เข้าใจอะไรมากกว่านี้ แต่ก่อนที่จะได้อธิบายอะไรให้แม่ของตนฟัง จู่ ๆ ก็มีชายชุดดำวิ่งเข้ามาฉกของในมือของนางไป
เมื่อนางก้มหน้ามาดูในมือห่อโสมก็ไม่ได้อยู่ในมือของนางแล้ว!!