บทที่ 22 คนขี้ขโมย?
1,000 ตำลึง ทันทีที่ซูหวานหว่านพูดจบ แววตาของฉีเฉิงเฟิงก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์ตอนที่นำโสมไปขายที่ร้านขายยาเหรินเฮอ เขาพลันรู้สึกโกรธขึ้นมา เพราะร้านขายยาเหรินเฮอให้ราคาโสมที่เขานำไปขายเพียงแค่ไม่กี่ร้อยตำลึงเท่านั้น!
แม้ว่าภายในใจของชายหนุ่มจะรู้สึกไม่พอใจ ทว่าเขาก็ไม่ได้ซักถามอะไรเด็กสาว ชายหนุ่มพาซูหวานหว่านเดินออกมาส่ง เมื่อทั้งคู่เดินจนถึงหน้าประตู ซูหวานหว่านก็ไม่ลืมที่จะหันมาหาชายหนุ่มและกล่าวขอบคุณเขา ขอบใจเจ้ามาก
ไม่ต้องขอบใจข้าหรอก เพราะเราตัดสินใจแบ่งกันอยู่แล้ว ฉีเฉิงเฟิงส่ายหน้าขณะเก็บตราไม้ไว้อย่างดี
ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องโสม ข้า…หมายถึงที่เจ้าเป็นคนสอนวิธีแกล้งตายให้กับพ่อของข้าต่างหาก หากไม่ได้เจ้า ครอบครัวของข้าก็คงจะถูกรังแกและกดขี่ต่อไป ส่วนการแยกครอบครัวของพวกข้าก็คงจะไม่ได้ราบรื่นเช่นนี้
เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบใจข้า ข้าแค่ออกความเห็นเท่านั้น จะทำหรือไม่ทำก็ล้วนขึ้นอยู่พ่อของเจ้า ข้าไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร ฉีเฉิงเฟิงหันกลับและปิดประตูลง ชายหนุ่มเดินไปจุดตะเกียงน้ำมันเพื่อให้แสงสว่างแก่ห้องนี้ เขาต้องการวาดภาพที่ยังค้างอยู่ให้เสร็จ ชายหนุ่มหยิบพู่กันขึ้นมาอีกครั้งพลางนึกย้อนไปถึงตอนที่ซูหวานหว่านแอบมองเขาเงียบ ๆ อยู่นานสองนาน ทำให้เกิดความฉงนขึ้นในใจอย่างหาคำตอบไม่ได้ขึ้นมา
เหตุใดซูหวานหว่านถึงรู้เรื่องที่เขาแนะนำให้ซูต้าเฉียงแกล้งตายเพื่อพิสูจน์ความจริง?
เขามั่นใจว่ากระซิบบอกกับซูต้าเฉียงอย่างเบาที่สุดแล้ว!
ขณะนี้จิตใจของชายหนุ่มไม่ได้จดจ่ออยู่กับภาพวาดตรงหน้า จึงไม่ทันที่จะยกพู่กันขึ้น และด้วยความไม่ทันระวัง ทำให้น้ำหมึกจากปลายพู่กันหยดลงบนภาพวาดทิวทัศน์อันงดงาม กลายเป็นรอยเปื้อนด่างดำเด่นสะดุดตา
ในขณะเดียวกันก่อนที่ประตูจะปิดลง เด็กสาวพลันเหลือบเห็นเปลือกแตงโมที่อยู่บนพื้น ซึ่งเมื่อไตร่ตรองอย่าถี่ถ้วนแล้วก็คิดว่าฉีเฉิงเฟิงดูไม่น่าจะเป็นคนทิ้งเปลือกแตงโมไว้ที่พื้นเช่นนี้
แล้วใครกันที่เป็นคนโยนเจ้าเปลือกแตงโมทิ้งเอาไว้? ใครกันที่เป็นคนนำมันมาโยนไว้ในบ้านของฉีเฉิงเฟิง ทำให้เกิดเรื่องน่าอายขึ้นกับเขาสองคน!
เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ใบหน้าของเด็กสาวพลันขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่
ซูหวานหว่านเดินไปได้สักพัก นางก็พบว่าฮวงอี๋ฮวนยืนอยู่ไม่ไกลจากตนเท่าไหร่ และที่ข้างกายของอีกฝ่ายก็ยังมีชายวัยกลางคนยืนมองมาที่เด็กสาวด้วยความโกรธ
เจ้าคือซูหวานหว่านใช่หรือไม่! บังอาจมาก! ไม่มีใครในหมู่บ้านกล้ารังแกลูกสาวข้า เจ้าเป็นคนแรก!
หื้อ? คนผู้นี้คือ ‘ฮวงชุนหยวน’ พ่อของฮวงอี๋ฮวนงั้นหรือ? ช่างน่าสิ้นหวังเสียจริง ๆ ดูแล้วฮวงอี๋ฮวนคงจะร้องไห้ไปฟ้องพ่อแม่ว่าถูกนางทำร้าย ทว่าหากถ้าไตร่ตรองสักนิดจะรู้ว่าคนผิดก็คือตัวฮวงอี๋ฮวนนั่นแหละ!
ซูหวานหว่านถอนหายใจให้กับท่าทางอันหยิ่งสโยของฮวงชุนหยวนที่แสดงออกมา จนอดคิดไม่ได้ว่านิสัยเหมือนฮวงชุ่นเจินเป๊ะ ไม่แปลกใจที่เป็นพี่น้องกัน…
สงสัยจังว่าเหตุใดฮวงชุนหยวนถึงมาหาเรื่องซูหวานหว่านในเวลานี้ ในเมื่อฮวงชุ่นเจินน้องสาวของเขากำลังโดนพ่อเฒ่าซูไล่ล่าจนหนีเข้าป่าไป แล้วป่าที่ว่านั่นมันคือทิศทางตรงกันข้ามกับที่นี่ซะด้วย ไม่คิดห่วงน้องเลยสักนิดงั้นหรือ?
ทว่ากลับมาที่นี้เพื่อทุบตีนาง …ยอดเยี่ยมไปเลย!
ซูหวานหว่านตอบกลับฮวงชุนหยวนไปอย่างไม่เกรงกลัวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ใช่ ข้าคือซูหวานหว่าน ที่ท่านบอกว่าข้ารังแกลูกสาวท่านข้าเกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องจริง ท่านได้ถามลูกสาวของท่านหรือไม่ว่าทำอะไรไว้บ้าง หากข้าไม่ทำร้ายนาง อีกหน่อยก็คงโดนผู้อื่นทำร้ายอยู่ดี นี่ข้าเบาแรงลงเยอะแล้ว ข้าว่าท่านควรสั่งสอนลูกสาวเสียบ้างว่าอย่าทำตัวกร่างไปทั่ว ไม่เช่นนั้นชาวบ้านจะว่าเอาได้ว่าท่านไม่สั่งสอนนาง!
หลังฟังซูหวานหว่านร่ายยาวจนจบ ฮวงชุนหยวนก็โกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขาหยิบท่อนไม้ที่ตกอยู่ตามพื้นขึ้นมาหวังจะทำร้ายซูหวานหว่าน นังเด็กปากเสีย! เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จักลูกสาวตัวเองงั้นหรือ? ลูกสาวของข้าทั้งอ่อนโยน งดงาม และยังมีจิตใจที่ดีงามอีกด้วย นางแทบจะเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในระยะสิบลี้จากแปดเมืองเลยก็ว่าได้!!
…
เขาคิดเช่นนั้นจริง ๆ งั้นหรือ? ซูหวานหว่านที่ยืนฟังอยู่ถึงกับพูดไม่ออก และในขณะที่ซูหวานหว่านกำลังสมเพชกับความคิดของฮวงชุนหยวนนั่นเอง นางก็ไม่ได้ทันระวังจนท่อนไม้ในมือของฮวงชุนหยวนถูกเหวี่ยงมาหวังให้โดนใบหน้า ซึ่งซูหวานหว่านรู้ตัวว่าหลบไม่ทันจึงทำได้แค่ยกแขนขึ้นมาบังใบหน้า!
ในขณะที่ท่อนไม้กำลังจะสัมผัสโดนหน้าของเด็กสาว กลับมีมือคู่หนึ่งของใครบางคนมาขวางและจับท่อนไม้ไว้ได้ทันเวลา
เจ้าเด็กพู่กันอีกแล้วหรือ? อย่าเข้ามายุ่ง!!
ท่านพี่เฉิงเฟิง! ฮวงอี๋ฮวนกล่าวอย่างประหลาดใจ
ฮวงชุนหยวนกระชากท่อนไม้กลับด้วยความขัดใจ ทว่าถูกยื้อไว้โดยชายหนุ่มอย่างฉีเฉิงเฟิงที่มีพละกำลังมากกว่า และในขณะที่ฮวงชุนหยวนออกแรงเพื่อดึงท่อนไม้นั้นกลับอีกครั้ง พลันใดนั้นฉีเฉิงเฟิงจึงแกล้งปล่อยมือออกจากท่อนไม้ ทำให้ฮวงชุนหยวนตีลังกาหงายหลังล้มลงบนพื้น
ท่านพ่อ! ท่านเป็นอะไรหรือไม่? ฮวงอี๋ฮวนรีบวิ่งไปพยุงพ่อของนาง
โถ่เว้ย น่าโมโหนัก!! ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนอย่างข้าจะรับมือเด็ก ๆ อย่างพวกเจ้าสองคนไม่ได้! ฮวงชุนหยวนสบถก่อนจะมองซ้ายมองขวา เมื่อเหลือบไปเห็นเศษหินตามพื้น เขาจึงหยิบมันขึ้นมา
ท่านพ่อ! อย่าทำร้ายพี่เฉิงเฟิงนะ! ฮวงอี๋ฮวนร้องออกมาด้วยความตกใจและยื้อมือพ่อของตนเอาไว้
ซูหวานหว่านยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจกับการกระทำของสองพ่อลูกคู่นั้น นางหันไปมองยังฉีเฉิงเฟิงด้วยความงุนงง
คุณชายฉีถึงกับออกมาเองเลยหรือ? ท่านไม่กลัวมีข่าวลือแปลก ๆ หากเข้ามายุ่มย่ามเรื่องของหญิงสาวสองคนหรือไร แล้วในตอนนี้ท่านยังเข้ามาขวางท่อนไม้แทนอีก ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้ท่านอาจจะถูกจับคู่กับข้าและกลายเป็นที่ซุบซิบสนุกปากของพวกชาวบ้านได้
เรื่องสนุกปาก? ฉีเฉิงเฟิงครุ่นคิดถึงคำพูดของอีกฝ่าย ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งมาทางนี้ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็ได้พบกับคนกลุ่มหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบ ก่อนจะพูดบางอย่างอย่างร้อนรน ให้ตายเถอะ! พ่อของฮวงอี๋ฮวน! เร็วเข้าเกิดเรื่องที่ตระกูลซูแล้ว พวกท่านรีบไปดูเร็ว! พ่อเฒ่าซูกำลังทำร้ายน้องสาวของท่านอยู่ พวกเขาจะฆ่านางแล้ว!
ซูหวานหว่านไม่ได้ตกใจอะไรกับคำพูดที่ชาวบ้านวิ่งมาบอกแก่พ่อของฮวงอี๋ฮวนเท่าใดนัก นางคิดไว้อยู่แล้วว่าฮวงชุ่นเจินคงหนีตาเฒ่าซูไม่พ้นหรอก นางฮวงชุ่นเจินทั้งอ้วนและบาดเจ็บอยู่จะหนีไปไหนได้ไกลกันเชียว?
อะไรนะ!! เกิดอะไรขึ้นนะ! ฮวงชุนหยวนตกใจเป็นอย่างมาก หินในมือของเขาร่วงหล่นลงกับพื้นในทันที และช่างบังเอิญเหลือเกินที่หินก้อนนั้นดันหล่นลงบนเท้าของฮวงอี๋ฮวนอย่างพอดิบพอดี
ฮวงอี๋ฮ่วนที่โดนหินหล่นใส่ก็ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ฮวงอี๋ฮวนล้มลงไปกุมเท้าพร้อมทั้งร้องโอดควรญด้วยความเจ็บปวด
ทว่าผู้เป็นพ่อกลับไม่ได้สนใจลูกสาวของตน เขาหันหลังให้และรีบวิ่งไปยังบ้านตระกูลซู ส่วนฮวงอี๋ฮวนก็ทำได้เพียงใช้เท้าอีกข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บยันตัวยืนขึ้นและกระโดดหยอง ๆ ตามพ่อของนางไป ท่านพ่อ! รอข้าด้วย!
ด้วยท่าทางการเดินแปลก ๆ ของฮวงอี๋ฮวน ทำให้เกิดเสียงหัวเราะ พวกชาวบ้านต่างล้อเลียนท่าทางของนางอย่างสนุกสนาน
ฮวงอี๋ฮวนเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกอับอายขึ้นมาและหันไปขอความช่วยเหลือจากฉีเฉิงเฟิงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความน่าสงสาร ท่านพี่เฉิงเฟิง ท่านพอจะแบกข้าไปยังบ้านของท่านป้าได้หรือไม่…
น้ำเสียงของฮวงอี๋ฮวนอ่อนหวานและนุ่มนวลจนทำให้ซูหวานหว่านขนลุกชัน เด็กสาวทิ้งฉีเฉิงเฟิงไว้เบื้องหลังและเดินหันหลังกลับไปตามทางเส้นทางเล็ก ๆ ของหมู่บ้านแทน ก่อนนางจะเคาะมุมด้านล่างกำแพงสองสามครั้ง พลันมีหนูบ้านจำนวนหนึ่งยื่นหัวออกมาส่งเสียงจี๊ด ๆ
ไปสอดแนมที่ตระกูลซูให้ข้าที บอกข้าด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น ซูหวานหว่านกระซิบพร้อมยื่นเมล็ดแตงโมแห้งไปให้พวกมัน หลังเสร็จธุระ เด็กสาวก็เดินไปอีกทางเพื่อกลับบ้านไปหาครอบครัวของตน
พวกสัตว์อย่างหนูบ้านหนูป่าเหล่านั้นน่าเชื่อใจเสียยิ่งกว่ามนุษย์ด้วยกันเองเสียอีก ช่างน่าขัน ซูหวานหว่านบ่นกับตัวเองอย่างเหนื่อยใจ
ณ เวลาเดียวกัน ที่บริเวณทางเข้าของบ้านตระกูลซูที่รายล้อมไปด้วยผู้คนจำนวนมาก
พ่อเฒ่าซู! นี่ท่านทำอะไรลงไป! อย่าใจร้อนไปเลย ท่านกะเอาให้ถึงตายกันเลยหรือไง!
ใช่แล้ว ๆ แม้ว่าฮวงชุ่นเจินจะทำอะไรไม่ดีไปบ้าง ทว่าอย่างน้อยนางก็ให้กำเนิดหลานชายของท่านขึ้นมานะ!
…
ชาวบ้านที่เข้ามามุงดูเหตุการณ์ตรงหน้าพยายามเอ่ยชักจูงพ่อเฒ่าซูที่กำลังง้างไม้ในมือขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว พวกเจ้าอย่ามาไร้สาระ ถ้าไม่รู้อะไรก็หุบปากไปเสีย! พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่านังนี่มันทำอะไรเลว ๆ ลงไปบ้าง! หากไม่ได้คนแถวนี้พามันกลับมา ชาตินี้ข้าคงไม่ได้เจอมันอีกแล้วกระมัง!
พ่อเฒ่าซูวิ่งเข้าไปกระชากสัมภาระที่ฮวงชุ่นเจินกอดอยู่แล้วเปิดออก นี่เจ้าขโมยเงินออกมาจากบ้านของข้าด้วยงั้นหรือ!
แม่เฒ่าเจี๋ยที่ยังไม่หายดีจากอาการอาเจียนเป็นเลือดเมื่อช่วงกลางวัน เมื่อเห็นว่าเงินถูกขโมยไป ความโกรธนางก็เพิ่มขึ้นจนทำให้ความดันขึ้นแล้วหมดสติไปอีกครั้ง
เมื่อชาวบ้านทุกคนได้เห็นสิ่งนี้ ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไป
ฮวงชุ่นเจินเป็นคนขโมยของมาจริง ๆ ด้วย
ไม่หรอก ข้าไม่คิดว่านางจะทำอะไรแบบนั้นได้ง่าย ๆ อีกอย่างถ้าหากนางเป็นคนขโมยจริง ๆ นางก็ไม่ควรโดนตีจนปางตายเช่นนี้!
หรือว่านางจะคบชู้ด้วย?
…
ฝูงชนกำลังพูดคุยสนทนากันอย่างสนุกปากด้วยเรื่องของฮวงชุ่นเจิน
นานมาแล้วที่หมู่บ้านแห่งนี้ไม่ได้มีสีสันและมีชีวิตชีวาแบบนี้
ฮวงชุนหยวนที่พึ่งมาถึงกำลังเดินเบียดฝูงคนเข้ามาจ้องเขม็งไปยังฝูงชนคนเหล่านั้นด้วยความโมโห พวกเจ้าพูดอะไรกัน ช่างไร้สาระเสียจริง!! น้องสาวของข้าจะเป็นเป็นคนเช่นนั้นได้อย่างไร!
ชายหนุ่มคนหนึ่งอายุวัยประมาณ 30 ปีในฝูงชนได้ส่ายหัวและแสดงสีหน้ารังเกียจ พร้อมทั้งพูดออกมาด้วยเสียงดังฟังชัด ก็ใช่น่ะสิ!
ใช่ ๆ เสียงหนึ่งดังสนับสนุนออกมาจากฝูงชน และก็มีอีกหลายเสียงที่กล่าวตามมารวดเร็วอย่างเห็นด้วย
นอกเหนือจากนี้คำกล่าวหาเชิงด่าทอจากฝูงชนก็ยังมีเพิ่มมากขึ้น ทั้งยังดังมาอย่างไม่หยุดหย่อน สตรีที่อ้วนกว่าหมูจนหาความงามไม่ได้เช่นนี้ ใครจะอยากนอกใจไปคบชู้กับนาง!
น้องสาวของข้าไม่ได้เป็นเช่นนั้นนะ อย่าพูดอะไรไม่เข้าเรื่อง!! ฮวงชุนหยวนโกรธมาก เขาก้มลงไปหาเศษหินเพื่อนำมาขว้างปาใส่ชายเบื้องหน้าที่พูดจาว่าร้ายน้องสาวของตน ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือชายคนนั้นก็เอ่ยออกมาว่า ก่อนที่ท่านจะลงไม้ลงมือกับข้า ทำไมท่านไม่เอาเวลาไปดูน้องสาวของท่านล่ะว่านางยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
พ่อเฒ่าซูที่สังเกตเห็นฮวงชุนหยวนเข้าพอดีก็รู้สึกโมโหขึ้นมาอีกรอบ ข้าจะบอกอะไรให้ฟังนะ ไม่ว่าอย่างไงวันนี้เจ้าก็ไม่สามารถปกป้องน้องสาวของเจ้าได้ นางทำผิดร้ายแรงกับตระกูลของข้า เรื่องที่นางทำถือว่าหนักหนานัก จะไม่ให้ข้าทุบตีนางเลยหรือไร!