ซูหวานหว่านเดินเข้าไปใกล้พวกเขา ซูต้าจ้วงก็พลันรู้สึกถึงแรงกดดันแพร่กระจายออกมา ทำให้เขาหายใจแทบไม่ออก
ซูหวานหว่านใช้พลังวิเศษพูดคุยกับมดที่เดินอยู่ใต้ดิน นางแอบบดขนมชิ้นเล็ก ๆ ที่นางซ่อนไว้ในมิติฟาร์มโยนทิ้งลงพื้นอย่างเงียบ ๆ ซึ่งถือว่านี่เป็นข้อตกลงระหว่างนางกับมดเหล่านั้น
อีกครู่คงจะมีเรื่องสนุก ๆ ให้ดู
ริมฝีปากสีแดงของซูหวานหว่านคลี่ยิ้ม คำนวณว่ามดไต่ขึ้นไปตามร่างกายเท่าใดแล้ว เงินแค่ 1,000 ตำลึงอย่างงั้นหรือ? ซูหวานหวานยิ้ม ทว่าดวงตาของนางเหมือนลูกแมวป่าตัวเล็ก ๆ นัยน์ตาช่างเย็นชาและน่ากลัว
ซูต้าจ้วงเกิดอาการหวาดกลัวขึ้นมาในใจอย่างไร้เหตุผล ทว่ายังแสร้งเป็นไม่รู้สึกอะไร ใช่!
รอยยิ้มบนริมฝีปากของซูหวานหว่านกว้างขึ้นจนเห็นไรฟันเล็กน้อย ราวกับดอกไม้ที่เบ่งบานสวยงาม แต่แฝงเอาไว้ด้วยความน่ากลัวเช่นเดียวกัน
ซูหวานหว่าน! ให้เงินเขาไปเร็ว! ไม่เช่นนั้นแล้วพี่ฮู่จะฆ่าพวกเจ้า! ซูต้าจ้วงกัดฟันพูด
ฆ่านางหรือ! น่าขันสิ้นดี!
ถ้าหากนางไม่อยากตาย ใครหน้าไหนก็ไม่สามารถฆ่านางได้!
ซูหวานหว่านหัวเราะเย้ย คนที่ต้องคืนเงินสมควรเป็นท่านมากกว่า!
ชาวบ้านต่างกังวลเรื่องครอบครัวของซูหวานหว่าน ตอนนี้พวกเขาได้ยินการโต้เถียงไปมาภายในบ้าน พวกเขาทั้งหมดเข้ามามุงดูด้วยความสนใจ ทว่าพวกเขากลับพบว่าซูต้าจ้วงไม่ได้มาที่นี่เพื่อเอาใจครอบครัวนาง แต่มาที่นี่เพื่อให้ครอบครัวนางช่วยชดใช้หนี้พนันให้แก่เขา จึงเกิดการถกเถียงขึ้น
ซูต้าจ้วงไม่ได้เข้าเมืองไปเพื่อทำงานหรอกหรือ? ที่แท้ก็ไปเล่นพนัน! ทั้งยังเป็นหนี้ถึง 1,000 ตำลึง! ช่างน่าสมเพชจริง ๆ!
ใช่แล้ว! ตนเองเป็นหนี้แล้วยังไม่ใช้หนี้ตนเองอีก ยังมีหน้ากลับมาให้น้องชายตนเองใช้หนี้ให้ ช่างไร้ยางอายเสียจริง ๆ!
ข้าว่ามันก็ไม่จริงทั้งหมด! เขาบอกว่าเขาเป็นหนี้ถึง 1,000 ตำลึง แต่ข้าคิดว่าอย่างมากคงเป็นเป็นหนี้แค่ 100 ตำลึงเท่านั้นแหละ หากเป็นหนี้ 100 ตำลึงแล้วยังไม่คืนหนี้เดิม บ่อนพนันที่ไหนเขาจะให้ยืมถึง 1,000 ตำลึงกัน!
…
เหล่าชาวบ้านรู้จริงเสียเหลือเกิน
ใบหน้าซีดเซียวของซูต้าจ้วงเต็มไปด้วยความโกรธ ฮู่ต้าเฉิงรีบส่งสัญญาณให้ลูกน้องตนเอง หยุดพูดจาไร้สาระ! หากเจ้าไม่ให้เงินแก่พวกข้า ข้าจะพังบ้านเจ้าเสีย!
หากไม่กลัวติดคุก ก็ทุบมันเสียสิ ซูหวานหว่านได้พูดออกมาพร้อมกับมองไปที่พื้นข้าง ๆ ของพวกเขา นางเห็นฝูงมดเป็นหย่อม ๆ ที่กำลังเดินอยู่โดยไม่มีใครสังเกตเห็น
ข้ารู้จักคนที่เป็นพลลาดตระเวน ฮู่ต้าเฉิงที่ยิ่งใหญ่คนนี้ก็ไม่กลัวใคร จากนั้นเขาก็สั่งลูกสมุนของตัวเองเข้ามาค้นของภายในบ้าน เจ้าเป็นคนบีบบังคับให้ข้าต้องทำเช่นนี้เอง!
นางไม่รู้ว่าเขาจะมีคนรู้จักเป็นพลลาดตระเวรจริงหรือไม่ มันทำให้นางนึกถึงเหตุการณ์คราวก่อนที่มีการจับกุมเกิดขึ้น พลันใดนั้นเด็กสาวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เจ้าหน้าที่บอกว่าจะมาเยี่ยมนาง นางนับวันภายในใจและดูเหมือนว่ามันจะเป็นวันนี้! ว่าแล้วมุมปากของนางก็ยกขึ้น
คนเหล่านั้นกำลังจะบุกเข้าไปรื้อข้าวของภายในบ้าน แต่ก็มีชาวบ้านจำนวนมากเข้ามาช่วยขวางเอาไว้ ทว่าถูกซูหวานหว่านกล่าวออกมาว่า ทุกคนอย่าตื่นตระหนก ให้พวกเขาค้นไปเถอะ! ข้าจะดูสิว่าพวกเขาจะค้นหาข้าวของได้เท่าใดกัน!
สิ้นเสียงซูหวานหว่านสถานการณ์ก็สงบลง ฮู่ต้าเฉิงกลัวว่านางจะซ่อนเงินไว้นอกบ้าน จึงสั่งลูกน้องว่า พวกเจ้าไปค้นรอบนอกด้วย!
ซูหวานหว่านไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาทำแค่เพียงกลอกตา
เห็นทีความสามารถด้านการทำความเข้าใจของคนเหล่านี้จะมีปัญหา? นางก็พูดชัดเจนแล้วเหตุใดพวกเขายังไม่เข้าใจอีก?
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะขุดดินลงไปถึง 3 ฉื่อ พวกเขาจะไม่มีวันพบเงินแม้แต่เหรียญเดียว!
เพราะนางเอาเงินไปซ่อนไว้ในมิติฟาร์มตั้งนานแล้ว!
ฮู่ต้าเฉิงคิดว่าตัวเองคิดถูกจึงรู้สึกมีความสุขมากและกำลังจะไปช่วยค้นหา ทว่าเมื่อก้าวออกไปเพียงไม่กี่ก้าว พลันใดร่างกายส่วนล่างของเขาก็รู้สึกคันและอดไม่ได้ที่จะเกามัน
เอ๊ะ! นี่มันอะไรกัน!
ท่าทางของคนเหล่านี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก พวกเขาเการ่างกายส่วนล่างราวกับลิงที่เกาแข้งเกาขา ทำให้พวกชาวบ้านพากันหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางของพวกเขา
พวกเจ้าเป็นอะไรไป? อย่ามัวแต่ยืนเกา! มันทำให้ข้าขายหน้าไปหมดแล้ว รีบหาเงินเดี๋ยวนี้…โอ๊ย…โอ๊ย ฮู่ต้าเฉิงเอ่ยสั่งลูกน้องของตนเอง ทว่าเขาก็รู้สึกคันจากร่างกายส่วนล่างของตนเช่นกัน
พลันใดสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาเกาไปที่ร่างกายส่วนล่างของตัวเอง 2 – 3 ครั้ง มันคันจนเขาทนไม่ไหวจนต้องเอามือเข้าไปในกางเกงและเกา เดิมทีชาวบ้านต่างคิดว่านี่เป็นเรื่องตลกขบขัน แต่พอมองไปไม่นานกลับรู้สึกว่าน่าขายหน้าเสียเหลือเกิน
ที่นี่ยังมีผู้หญิงและเด็กยืนอยู่ด้วยนะ!
กลุ่มชายร่างสูงใหญ่กำลังเกาไปยังบริเวณของลับของตนเองตอนกลางวันแสก ๆ!
ช่างบัดสีบัดเถลิงนัก!
กลุ่มชาวบ้านถึงกับเดือดดาล ต้องไล่ภรรยาและเหล่าเด็ก ๆ ให้กลับบ้านไปก่อน จากนั้นพวกเขาก็เอาไม้ออกมาไล่ทุบตีกลุ่มชายฉกรรจ์พวกนั้น
นี่คือเจ้าหนี้ของเขา! จะถูกคนเหล่านี้ตีได้อย่างไร! ซูต้าจ้วงตะโกนออกมาและเอาตัวเข้ามาขวางเอาไว้ อย่าตี! อย่าตีเลย! มีอะไรค่อย ๆ พูดกันดีกว่านะ!
ทว่าซูต้าจ้วงเองก็รู้สึกคันขึ้นมา และอดไม่ได้ที่จะล้วงมือเข้าไปเกายังส่วนลับของตน จนจับมดออกมาได้เป็นฝูง ทว่าพวกชาวบ้านไม่รู้ว่าเป็นมดแต่กลับคิดว่ามันเป็นหมัด จึงพูดตะโกนใส่หน้าซูต้าจ้วง ซูต้าจ้วง! เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ? เจ้ามาทำให้หมู่บ้านเราเสียหน้าหมดแล้ว!
กลุ่มชายฉกรรจ์ของหมู่บ้านต่างทุบตีไปที่ซูต้าจ้วงอย่างโหดร้าย ซูต้าจ้วงก็ได้แต่ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แต่กลับไม่มีใครห้ามปรามพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
ซูหวานหว่านยิ้มออกมาเมื่อเห็นผลงานของตนเอง นางขยิบตาส่งสัญญาณให้ซูต้าเฉียง เมื่อเขาเห็นแบบนั้นก็รีบเดินเข้าไปช่วยอีกแรง
เพียงเวลาไม่ถึง 1 ก้านธูป ชาวบ้านก็เริ่มเหนื่อยจากการทุบตี ส่วนซูต้าจ้วงและพวกลูกน้องคนอื่น ๆ ต่างนอนลงกับพื้นและไม่สามารถพยุงตัวลุกขึ้นมาได้
ซูหวานหว่านนำน้ำหวานมาแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน อีกทั้งขนมที่เหลืออยู่ในบ้านก็ได้ถูกนำมาด้วย และไม่สนใจว่าซูต้าจ้วงจะอยากได้มันด้วยเช่นกันหรือไม่
ขนม 1 ชิ้นมีราคาถึง 3 เหรียญ มันเป็นของกินที่ดีเลยทีเดียว!
ชาวบ้านถึงกับตาร้อนทันที รู้ตัวว่าพวกเขาจะต้องประจบประแจงเอาใจต่อครอบครัวซูหวานหว่านถึงจะเป็นการดีที่สุด
ฮู่ต้าเฉิงมองหน้าลูกน้องครู่หนึ่ง จากนั้นก็พากันวิ่งหนีไป ชาวบ้านกำลังจะวิ่งไล่ตามไปแต่ถูกซูหวานหว่านห้ามขึ้นมาก่อน ไม่ต้องตามไปหรอก ปล่อยพวกเขาไปเถอะ
หลังจากนั้นไม่นาน ฮู่ต้าเฉิงและเหล่าลูกน้องก็วิ่งกลับมาโดยมีพลลาดตระเวนแต่งตัวใส่เสื้อผ้าที่รัดกุมกำลังเดินนำมา ซูหวานหว่านจำได้ทันทีว่าคนที่เดินนำมาคือ ไป๋หยวนซู
ฮู่ต้าเฉิงไม่รู้ตัวเลยว่าได้ตกลงไปในตาข่ายที่ซูหวานหว่านได้วางเอาไว้เข้าอย่างจัง เขาชี้ไปที่ซูหวานหว่านพร้อมกับตะโกนออกมา ท่านเจ้าหน้าที่! เป็นนาง! นางเป็นหนี้ข้าแล้วไม่ยอมคืน อีกทั้งยังมาทำร้ายร่างกายพวกข้าอีก! นางจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้!
หือ? ไป๋หยวนซูขมวดคิ้วและมองไปที่ซูหวานหว่าน จากนั้นก็มองไปที่ฮู่ต้าเฉิง เขาส่งสัญญาณให้กับลูกน้องของตนเอง ซึ่งในเพียงไม่กี่วินาทีต่อมากลุ่มคนของฮู่ต้าเฉิงก็ถูกเจ้าหน้าที่ได้จับตัวและกดลงบนพื้น
ชาวบ้านต่างนิ่งชะงัก พวกเขายังไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาเลยสักคำ! เหตุใดพลลาดตระเวนถึงรู้ว่าเป็นคนเหล่านี้เป็นคนผิด?
เจ้าจับผิดคนแล้ว! ฮู่ต้าเฉิงพูดออกมาด้วยความโกรธ
คนที่จะถูกจับก็คือเจ้านั่นแหละ! ไป๋หยวนซูเตะไปที่ขาของฮู่ต้าเฉิงจนตัวของเขาล้มลงนอนอยู่ที่พื้น ไป๋หยวนซูแตะไปที่เอวก็พบว่าตนเองไม่ได้นำเชือกมาด้วย จึงรู้สึกขายหน้าเล็กน้อย
ใครจะไปรู้ว่าเมื่อพวกเขามาที่บ้านของซูหวานหว่านอีกครั้ง จะมีเรื่องเกิดขึ้น ทว่าพวกเขาก็ต้องการช่วยซูหวานหว่านในการแก้ไขปัญหา
ชาวบ้านคนหนึ่งเหมือนจะรับรู้ว่าเหล่าพลลาดตระเวนลืมเอาเชือกมาจึงเอ่ยว่า ที่บ้านข้ามีเชือก! เดี๋ยวข้าจะไปเอาเชือกมาให้!
ส่วนชาวบ้านคนอื่น ๆ เองก็วิ่งกลับไปเอาเชือกที่บ้านของตัวเองด้วยเช่นกัน ผ่านไปสักพักพวกเขาก็กลับมาพร้อมกับเชือกจำนวนมาก
หลังจากฮู่ต้าเฉิงและบรรดาลูกน้องได้ถูกจับมัดเอาไว้แล้ว ซูหวานหว่านก็ได้นำน้ำหวานออกมาให้เหล่าเจ้าหน้าที่ ขอบคุณพวกท่านมากนะเจ้าคะ
ซูต้าจ้วงมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความงงงวย เขาวิ่งเข้าไปหาไป๋หยวนซูและบอกว่า ท่านพลลาดตระเวน! ท่านต้องช่วยข้านะ! น้องชายของข้ามีเงินแล้วไม่ยอมแบ่งมันให้กับข้า ท่านคิดว่าเขาเลวทรามหรือไม่?
เมื่อชาวบ้านได้ยินแบบนั้นต่างก็พากันส่ายหน้า
ซูต้าจ้วงยังคงไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่าพวกเขาเป็นคนของซูหวานหว่าน
ซูหวานหว่านมองไปที่ซูต้าจ้วงพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มที่เยาะเย้ย ท่านลุง ท่านอย่ามาเล่นกับไฟเลย และอย่ามาพูดจาซี้ซั้วไร้สาระ
เรื่องดี ๆ จะเข้ามาก็ต่อเมื่อเราสู้มันอย่างหลังชนฝา หากว่าเรากลัวจะพลาดสิ่งที่ดี ๆ ไป