นัยน์ตาซูหวานหว่านแพรวพราวแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์
คุณชายถังขบคิดเกี่ยวกับท่าทางของซูหวานหว่านในตอนนี้ ว่านางคิดจะลงมือทำการอันใด เขาคิดว่าซูหวานหว่านเป็นเด็กสาวที่เฉลียวฉลาด อีกทั้งยังเป็นคนที่มีรสมือในการปรุงอาหารที่เยี่ยมยอดคนหนึ่ง ตอนนี้นางจะต้องการเงินจำนวนเท่าใดที่จะขายน้ำปรุงรสนี้ให้แก่เขากัน?
ซูหวานหว่านกล่าวออกมา ข้าต้องการให้ท่านแบ่งกำไร 20 ส่วนจากรายได้ทั้งหมดของร้านอาหารเจวียเซ่อให้แก่ข้า
คุณชายถังยกยิ้มออกมาในทันใดราวกับว่าคำพูดของซูหวานหว่านเป็นเรื่องน่าขัน แม่นางซู เจ้ากำลังพูดเรื่องตลกอันใดกัน เจ้าต้องการเงินเรื่องนั้นข้าทราบดี แต่การที่เจ้าต้องการส่วนแบ่งกำไร 20 ส่วนจากร้านอาหารข้า เช่นนั้นจะไม่มากเกินไปหรอกหรือ?
ก็ใช่ ซูหวานหว่านยักไหล่พลางส่ายศีรษะ ข้าต้องการลงทุนในร้านอาหารของท่าน ไม่ใช่เพียงแค่ขายน้ำปรุงรสนี้ให้แก่ท่านเท่านั้น และแน่นอนว่าข้ามีความสามารถมากพอในการเพิ่มผลกำไรให้กับร้านอาหารของท่านอีกด้วย และหากว่าท่านต้องการซื้อความเห็นอื่น ๆ จากข้าไป ท่านจะต้องเพิ่มส่วนแบ่งกำไรของข้ามากขึ้น
อ่า คุณชายถังหัวเราะแผ่วเบา นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ซูหวานหว่านไม่ได้เป็นเพียงเด็กสาวธรรมดา ๆ คนหนึ่ง แต่นางยังมีความเข้าในใจด้านการค้าเช่นนี้อีกด้วยหรือ?
ถึงแม้ว่าในใจของเขาจะคิดเช่นนั้น ทว่าเขาก็ยังรู้สึกว่าตนต้องฟังสิ่งที่ซูหวานหว่านเสนอออกมาก่อน ถ้าหากว่านางสามารถเพิ่มรายได้ให้กับร้านขึ้นเป็นสองเท่าได้จริง เขาก็ยินดีที่จะแบ่งกำไรให้กับซูหวานหว่านห้าสิบห้าสิบ
ข้าไม่ได้เป็นคนที่ฟังผู้อื่นพูดแล้วจะตกปากรับคำเลยทันที หากข้าบอกว่าจะยอมแบ่งกำไร 20 ส่วนจากรายได้ทั้งหมดของร้านอาหารให้แก่เจ้า เจ้ามีความเห็นเช่นไรเกี่ยวกับการพัฒนาร้าน? คุณชายถังถามออกมา
ซูหวานหว่านหยุดคิดไปครู่หนึ่ง นางหยิบกิ่งไม้ที่อยู่ในครัวมาท่อนหนึ่งก่อนจะนั่งลงยอง ๆ วาดบางสิ่งลงบนพื้นกองทราย เมื่อเห็นเช่นนั้นคุณชายถังจึงเดินเข้าไปดู กิ่งไม้ถูกลากวาดไปวาดมากับพื้นกองทราย เพียงชั่วครู่ก็ปรากฏขึ้นเป็นภาพวาดร้านอาหารเจวียเซ่อ
ซูหวานหว่านใช้ไม้ชี้แล้วอธิบายออกมา ร้านอาหารเจวียเซ่อมีพื้นที่กว้างขวาง แต่การจัดรูปแบบของร้านไม่เหมาะสม ส่งผลให้มีพื้นที่ในการจัดเรียงโต๊ะน้อยลง ถึงแม้ในตอนนี้จะมีแขกมากขึ้น การที่เราเอาโต๊ะใหม่มาจัดวางจึงวุ่นวายและแออัดมากขึ้น สิ่งนี้จะทำให้แขกที่เข้ามาใช้บริการรู้สึกอึดอัด และการขึ้นอาหารก็เป็นไปด้วยความยากลำบากอีกด้วย
พอพูดเช่นนี้แล้วซูหวานหว่านยังชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่ควรปรับปรุงภายในร้านอาหาร อีกทั้งชี้ให้เห็นถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของห้องครัว คุณชายถังก็อดไม่ได้ที่จะพูดคุยกับนางเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลังจากการเอาความคิดของคนทั้งสองมาหารือกัน ซูหวานหว่านได้เสนอให้ร้านควรจะจัดทำโต๊ะไม้เอาไว้ขึ้นอาหาร มีสองชั้นเพื่อที่จะเอาไว้ขึ้นอาหารได้โดยไม่ต้องพึ่งวิธีเดิม ๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่ซูหวานหว่านพูดนำเสนอ เขาก็ได้แต่พยักหน้าแต่ก็ไม่ได้ถามถึงข้อมูลเชิงลึกแต่อย่างใด
เมื่อซูหวานหว่านเห็นปฏิกิริยาของคุณชายถังเป็นเช่นนี้ ก็อดคิดไม่ได้ว่าทฤษฎีของนางสามารถพิชิตใจของคุณชายถังได้ นางยังคงพูดอีกว่า หากท่านตอบตกลง ข้าไม่เพียงแต่จะคิดรายการอาหารใหม่ให้แก่ท่านเปล่า ๆ เท่านั้น แต่ยังจะช่วยท่านจัดการวางแผนตั้งวางโต๊ะของร้านใหม่ ทำกลไกการส่งอาหารขึ้นไปบนชั้นสองอีกด้วย ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง?
ไม่ คุณชายถังถึงกับส่ายหัว
ไม่ตอบตกลงหรือ? ฉะนั้นอย่ามาเสียใจทีหลังล่ะ ซูหวานหว่านพูดพลางปิดขวดน้ำปรุงรสเห็ดหอม
ทำไมโกรธง่ายจัง? คุณชายถังยิ้มน้อย ๆ ที่ข้าบอกว่าไม่ ข้าหมายถึงว่าข้าจะไม่แบ่งกำไรให้เจ้าเพียง 20 ส่วน หากเจ้าทำสัญญากับข้า ข้าจะให้เจ้าเป็นเจ้าของร้านอาหารร่วมกันกับข้า ช่วยข้าดูแลจัดการทุกอย่างภายในร้าน ข้าถึงจะแบ่งกำไรให้กับเจ้าเป็นห้าสิบห้าสิบ เช่นนี้เป็นอย่างไร?
ซูหวานหว่านไม่ได้คาดหวังว่านางจะได้ส่วนแบ่งกำไร 50 ส่วน ดังนั้นจึงรีบตอบตกลงทันที นางรีบกุลีกุจอหยิบพู่กันจีน หมึกและกระดาษออกมา งั้นท่านควรจะร่างข้อตกลงเดี๋ยวนี้เลย
นางได้เตรียมของมาครบเรียบร้อย! พู่กัน หมึก กระดาษวางไว้ในครัวเรียบร้อยแล้ว!
เมื่อเห็นเช่นนี้ คุณชายถังพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เขาได้ร่างทำข้อตกลงเอาไว้ 2 ฉบับ เพื่อที่พวกเขาทั้งสองจะได้มีไว้อยู่ในครอบครองคนละ 1 ฉบับ หลังจากที่ทำข้อตกลงกันเรียบร้อยแล้วคุณชายถังจึงเตรียมตัวเดินทางกลับ
ซูหวานหว่านจึงขอให้ซูต้าเฉียงมาช่วยขนย้ายน้ำปรุงรสเห็ดหอมไปที่รถม้าของคุณชายถัง ทว่าคุณชายถังยังไม่ได้ขึ้นรถม้ากลับไปแต่อย่างใด ส่วนซูหวานหว่านก็ได้หันมาพูดกับพวกชาวบ้านว่า ท่านลุง ท่านป้าทั้งหลายเจ้าคะ คุณชายถังกับข้าได้ทำข้อตกลงซื้อขายระหว่างกันเอาไว้ ตอนนี้ข้าจะประกาศให้พวกท่านได้ทราบถึงวัตถุดิบของภูเขาที่ข้าขายให้แก่เขา หากพวกท่านจะไปเก็บวัตถุดิบจากภูเขาลงมาและนำขายแก่พวกเรา ราคาของมันจะอยู่ที่ 10 จิน ต่อ 16 เหรียญ
16 เหรียญ!
ราคาแพงกว่าเนื้อหมูเสียอีก! ชาวบ้านทุกคนตกใจมองไปที่ซูหวานหว่าน
ซูหวานหว่านพยักหน้า ใช่แล้ว หากคุณภาพของวัตถุดิบที่ท่านเก็บมาสดใหม่ มีคุณภาพดี ราคาของมันก็จะเพิ่มขึ้นตามสถานการณ์
ชาวบ้านตกใจอีกครั้ง แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีชาวบ้านคนหนึ่งพูดออกมาว่า ซูหวานหว่าน เจ้าจะไม่กดราคาใช่หรือไม่? ข้าเกรงว่าที่เจ้าขายให้คุณชายถังจะมีราคาที่สูงกว่านี้น่ะสิ!
อันที่จริงซูหวานหว่านตั้งราคาออกมาแตกต่างกันมาก! มุมปากของคุณชายถังกระตุกยิ้มบาง ๆ เมื่อเขานึกถึงเรื่องที่ว่าซูหวานหว่านจะต้องเป็นคนหาวัตถุดิบบนภูเขามาให้ มันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
คุณชายถังที่ยืนอยู่ตรงลานบ้านพูดออกมาอย่างเฉยเมยว่า นางก็พูดกับข้าเช่นนี้เหมือนกัน จากนี้ก็แล้วแต่พวกท่านจะพิจารณา
เขาพูดเช่นนั้นออกมา ทว่าภายในใจของเขาก็คิดว่าเป็นวิธีที่เขาจะได้พักผ่อนแล้ว และให้คนอื่นมาหาเงินแทนตัวเอง
ณ บนถนน
คุณชาย ของทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว พวกเราจะกลับกันเลยหรือไม่ขอรับ? คนขับรถม้าวิ่งเข้ามาถาม
ไม่ต้องรีบ คุณชายถังส่ายศีรษะเบา ๆ ชายหนุ่มเดินไปหาซูหวานหว่านพร้อมกับกระซิบ แม่นาง ผู้ใดเป็นคนทำจี้หยกที่เจ้านำมาขายให้ข้าครั้งล่าสุดรึ? พอดีข้าอยากจะพบเขาและขอความช่วยเหลือจากเขาเสียหน่อย
หากต้องการความช่วยเหลือแสดงว่าต้องได้เงินน่ะสิ? นางรู้สึกว่าตนกำลังหารายได้ดี ๆ ให้กับฉีเฉิงเฟิงได้แล้ว! จึงพยักหน้าตอบตกลง ก่อนจะนำทางเขาและจุดหมายของพวกเขาคือบ้านของฉีเฉิงเฟิง
ชาวบ้านที่อยู่ในลานบ้านต่างก็เอียงคอมองดูพวกเขาทั้งสองเดินออกไป หลังจากทั้งคู่เดินไปจนลับสายตา ชาวบ้านต่างพากันดึงตัวของแม่เจิ้นและซูต้าเฉียงมาถามว่าวัตถุดิบบนภูเขามันคือของชนิดใด
แม่เจิ้นรอให้ความวุ่นวายนี้สงบลง นางนำวัตถุดิบจากภูเขาออกมาให้กับพวกชาวบ้านดูว่ามันคือสิ่งใด และเมื่อเห็นว่ามันคือสิ่งใดพวกชาวบ้านก็ยิ้มและเดินจากไป
ฉีเฉิงเฟิงกำลังนั่งอยู่ภายในบ้านของตน เขาถอดจี้หยกที่อยู่รอบเอวของเขาออกแล้วจับมันเล่น เมื่อนึกถึงเจ้าของจี้หยกอีกซีกหนึ่ง ริมฝีปากของเขาก็เผยรอยยิ้มขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ตามด้วยความรุนแรงและความถี่ของการเคาะ เขารู้ได้ทันทีว่าคนที่ยืนเคาะประตูอยู่นั้นคือซูหวานหว่าน ชายหนุ่มจึงรีบเอาจี้หยกซ่อนเอาไว้ในแขนเสื้อของตัวเองทันที และเดินออกไป
ฉีเฉิงเฟิง! ทำไมเจ้ายังไม่ยอมมาเปิดประตูอีก ข้าอยากจะให้เจ้า…
ยังไม่ทันที่ซูหวานหว่านจะเอ่ยจบ ฉีเฉิงเฟิงก็ได้เปิดประตูออกมา ทำให้ซูหวานหว่านไม่ทันได้ตั้งตัวนั้นล้มลงไป
เฉิงเฟิงตกใจอย่างมากและกำลังจะอ้าแขนไปรับเอาไว้ แต่นางก็ถูกประคองเอาไว้โดยชายหนุ่มชุดขาวที่เขาไม่รู้จักเสียก่อน
เขาจ้องมองไปยังคนทั้งคู่ และเหลือบไปเห็นว่าชายหนุ่มในชุดขาวผู้นั้นกำลังจับอยู่ที่เอวของซูหวานหว่าน ชายหนุ่มชุดขาวกลายมาเป็นศัตรูของเขาโดยไม่รู้ตัว ดวงตาของเขาก็เลื่อนลงไปมองอีกครั้ง และเขาก็ได้เห็นจี้หยกที่เขาคุ้นเคยอยู่ที่เอวของชายหนุ่มชุดขาว
นั่นไม่ใช่จี้หยกที่เขามอบให้กับซูหวานหว่านงั้นหรอกหรือ? แล้วเหตุใดมันถึงไปอยู่ที่เอวของผู้ชายคนนี้ได้กัน?
อย่างไรก็ตามซูหวานหว่านรู้เกี่ยวกับความหมายของการให้จี้หยกนั้นไปหรือไม่? เมื่อคิดได้เช่นนี้คิ้วของฉีเฉิงเฟิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างเย็นชา
ซูหวานหว่านแนะนำพวกเขาทั้งสองให้รู้จักตามปกติ นี่คือฉีเฉิงเฟิง เขาเป็นคนดูแลและออกแบบจี้หยกทั้งหมด ส่วนนี่คือเป็นเจ้าของร้านหยกหยู่เซิงเหยียน ที่ครั้งก่อนข้าได้นำจี้หยกไปขายให้
ใช่แล้ว ฝีมือของการแกะสลักจี้หยกอันนั้นมันช่างวิจิตรงดงามยิ่ง และข้าชอบมันมาก ที่ข้ามาในครั้งนี้ก็เพราะอยากจะขอความช่วยเหลือจากเจ้า คุณชายถังพยักหน้าเบา ๆ และอธิบายถึงความตั้งใจของตนที่ได้มาในวันนี้ แต่ทันใดเขาก็ได้เหลือบไปเห็นจี้หยกครึ่งซีกที่แขนเสื้อของฉีเฉิงเฟิง
เขาชะงักไปครู่หนึ่ง เหมือนกับจี้หยกของซูหวานหว่านที่มอบให้กับเขาเลย ดูเหมือนว่ามันจะเป็นจี้หยกคู่กับฉีเฉิงเฟิง…
ชายหนุ่มสองคนจ้องหน้ากันโดยที่ไม่มีผู้ใดเอ่ยอะไร บรรยากาศรอบตัวดูเหมือนจะอึมครึมขึ้นมา