เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 – ตอนที่ 74 ตกลงหมั้นหมาย

ตอนที่ 74 ตกลงหมั้นหมาย

 พวกเจ้าเป็นอะไรกัน?  ซูหวานหว่านถามออกมา

 ไม่มีอะไร  ฉีเฉิงเฟิงส่ายศีรษะ เหลือบมองไปที่ซูหวานหว่านครู่หนึ่งแล้วหันกลับมา  ข้าเพียงแค่สงสัยว่าคุณชายถังต้องการให้ข้าช่วยเหลือสิ่งใดเพียงเท่านั้น? 

คุณชายถังแสร้งส่งเสียงไอพร้อมทั้งหยิบหยกขาวบริสุทธิ์ราวกับขนแกะออกมาสองชิ้น พร้อมกระดาษที่มีโครงร่างวาดลวดลายเอาไว้ออกมา  ข้าอยากจะให้เจ้าช่วยแกะสลักจี้หยกคู่นี้ให้แก่ผู้สูงศักดิ์ของข้า หากเจ้าตอบตกลง ข้าจะรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง 

เมื่อเอ่ยจบ คุณชายถังก็หยิบเงินออกมา  นี่เป็นเงินมัดจำ 100 ตำลึง ข้าหวังว่าเจ้าจะตอบตกลงแกะสลักของจี้หยกชิ้นนี้ให้ข้า 

 ท่านไม่จำเป็นต้องให้เงินมัดจำแก่ข้าหรอก ข้ากับหวานหว่านเราเป็นสหายที่ดีต่อกัน แต่ดูเหมือนว่าคุณชายถังกับแม่นางซูจะมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกันเป็นพิเศษ ข้าสามารถช่วยท่านแกะสลักจี้หยกชิ้นนี้ได้ และข้าไม่ต้องการเงิน  ฉีเฉิงเฟิงกล่าวออกมาพร้อมเหลือบมองซูหวานหว่านอีกครั้ง

จากการที่ฟังทั้งสองเจรจากันแล้ว ซูหวานหว่านเหมือนรู้ว่าตัวเองกำลังเป็นเมียน้อยหรือนางสนมที่อยู่ในวัง คำพูดของฉีเฉิงเฟิงเปรียบเหมือนหนามทิ่มแทงเสียดสีนางและคุณชายถัง ราวกับว่านางกับคุณชายถังเป็นชู้กัน!

ซูหวานหว่านจับคางของตัวเองและจ้องไปที่ฉีเฉิงเฟิง ฉีเฉิงเฟิงเองก็มองมาที่นางราวกับว่าเขากำลังโกรธนางโดยไม่มีเหตุผล

คุณชายถังยิ้มและส่ายหัวออกมาเบา ๆ เขาวางเงินเอาไว้บนโต๊ะแล้วพูดว่า  ข้ากับแม่นางซูมีความบริสุทธิ์ใจต่อกัน ไม่มีความสนิทสนมชิดเชื้ออะไรทำนองนั้นและเจ้าก็ควรรับเงินที่เจ้าสมควรได้รับเอาไว้ด้วย 

เมื่อกล่าวจบ คุณชายถังก็หยิบจี้หยกที่เอวของเขาขึ้นมายื่นให้กับซูหวานหว่านพร้อมกับยิ้มแล้วกล่าวว่า  แม่นางซู จี้หยกชิ้นนี้มันเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าที่เจ้าคิดเอาไว้นะ เจ้าควรเก็บรักษามันเอาไว้ให้ดี อย่าให้คนอื่นไปทั่ว 

เมื่อเอ่ยจบ คุณชายถังก็หมุนตัวเดินจากไป

สองคนนี้กำลังคุยเรื่องอะไรกัน? ซูหวานหว่านเตรียมหันกลับแล้วเดินตามออกไป แต่จู่ ๆ ก็มีมือใหญ่มาโอบเอวนางเอาไว้ก่อน

ฉีเฉิงเฟิงออกแรงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นซูหวานหว่านก็พลิกตัวหันหลังกลับมาอยู่ในอ้อมแขนของเขาเสียแล้ว

ชายหนุ่มจ้องมองไปที่ซูหวานหว่านด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสับสน เมื่อมองไปที่ริมฝีปากสีแดงสดราวกับลูกท้อของซูหวานหว่าน เขารู้สึกว่าดวงตาของตนเองรู้สึกร้อนผ่าวและค่อย ๆ ก้มหน้าลงไป

ใบหน้าของชายหนุ่มเคลื่อนเข้าใกล้ซูหวานหว่านเรื่อย ๆ ระยะห่างของพวกเขาค่อย ๆ ลดลง ทำให้ซูหวานหว่านรู้สึกตกใจ  ฉีเฉิงเฟิง! เจ้าคิดจะทำอะไร…อื้ม 

ริมฝีปากร้อนของชายหนุ่มทาบลงบนริมฝีปากของเด็กสาว ซูหวานหว่านนิ่งงันด้วยความตกตะลึง พลันใดใบหน้าของนางก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ เพียงครู่เดียวฉีเฉิงเฟิงจึงถอนริมฝีปากออกมา  ไม่เคยพบเห็นคนโง่เช่นนี้มาก่อน ตกใจเสียจนลืมหายใจ 

ฉีเฉิงเฟิงกำลังหัวเราะเยาะนาง ซูหวานหว่านขมวดคิ้วแน่น นางคว้าไปที่ปกเสื้อของฉีเฉิงเฟิงและกระชากเขาเข้ามาพร้อมกับกดริมฝีปากของตนเองลงไปที่ริมฝีปากของฉีเฉิงเฟิงอีกครา

ทันใดนั้นซูหวานหว่านเหมือนจะรู้สึกตัวได้สติขึ้นมาว่าตนกำลังทำสิ่งใด จึงหยุดการกระทำนั้น

เหตุใดนางถึงจูบตอบฉีเฉิงเฟิง? เป็นเพียงเพราะอารมณ์โกรธงั้นหรือ? ดูเหมือนจะไม่ใช่ หากเป็นเช่นนั้นแล้วมันเป็นเพราะเหตุผลใดกัน หรือความจริงแล้วนางชอบฉีเฉิงเฟิง?

ซูหวานหว่านขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ พลันใดก็ได้ยินเสียงของฉีเฉิงเฟิงหัวเราะออกมา  ไม่ใช่ว่าเจ้าเก่งกล้าสามารถมากหรือไง? เหตุใดถึงไม่ทำต่อล่ะ? 

จะพูดง่าย ๆ ก็คือเขาเพียงแค่อิจฉา

 เจ้า!  ซูหวานหว่านหน้าแดงก่ำ แต่นางไม่กล้ามองสบตาฉีเฉิงเฟิงตรง ๆ เพราะนางไม่รู้จะตอบไปอย่างไรดี

ฉีเฉิงเฟิงคิดว่าเรื่องนี้มันกะทันหันมากเกินไป ทว่าตอนนี้มันก็ได้เกิดขึ้นแล้ว  พรุ่งนี้ข้าจะไปที่บ้านเช่าของเจ้าเพื่อทำการหมั้นหมาย เจ้าว่าอย่างไร? 

 หะ!  ซูหวานหว่านจ้องมองไปที่ฉีเฉิงเฟิง  ข้าถูกเจ้าเอาเปรียบไปเมื่อครู่ก็มากพอแล้วนะ นี่เจ้ายังคิดจะเอาเปรียบข้าไปตลอดชีวิตเลยอย่างงั้นหรือ? 

 ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ได้เอาเปรียบเจ้าไปแล้ว เพราะฉะนั้นเจ้าถือว่าเป็นคนของข้า ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามมาสู่ขอเจ้า  ฉีเฉิงเฟิงพูดพลางยิ้มออกมา

ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ซูหวานหว่านอีกครั้ง ซูหวานหว่านก้าวถอยหลังหนีด้วยความตกใจพร้อมกับพูดว่า  เจ้าอย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้น ข้าเพียงแต่เสียริมฝีปากไปให้กับเจ้าเท่านั้น ข้าไม่ถือ หากข้าจะต้องแต่งงานกับผู้อื่นก็คงจะไม่เป็นไรเช่นกัน 

 เจ้ากล้าอย่างงั้นรึ!  ฉีเฉิงเฟิงขมวดคิ้วแน่น ชายหนุ่มอุ้มซูหวานหว่านขึ้นแล้ววางนางลงบนเตียง

ขนตาที่ยาวของเขาเหมือนปีกผีเสื้อ ปลายจมูกลากผ่านแก้มซูหวานหว่าน การเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวทว่าสัมผัสของมันเหมือนกับมดคลานไปทั่วร่างกาย

 เหตุใดหัวใจของเจ้าถึงเต้นแรงถึงเพียงนี้ เจ้าป่วยงั้นหรือ?  ฉีเฉิงเฟิงยิ้มเจ้าเล่ห์ จากนั้นก็กดริมฝีปากสีแดงสดของตนลงไปประกบลงบนริมฝีปากของซูหวานหว่านอีกครั้ง

เหตุใดนางถึงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาเป็นคนที่ไร้ยางอายมากเช่นนี้! ซูหวานหว่านเปิดริมฝีปากของตัวเองออก ลิ้นร้อนของฉีเฉิงเฟิงก็สอดเข้ามาในปากของนาง พวกเขาจูบกันอย่างดูดดื่ม ซูหวานหว่านก็อดไม่ได้ที่จะร้องคร่ำครวญออกมาว่า  ประตู…ไม่ได้ปิด…! 

เมื่อพูดออกมาเช่นนั้น ซูหวานหว่านก็อยากจะตบปากตัวเองที่บอกว่าประตูไม่ได้ปิด แสดงว่านางกำลังจะสื่ออะไรบางอย่างกับฉีเฉิงเฟิงใช่หรือไม่?

ฉีเฉิงเฟิงหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับขยับร่างของตนออกมา  ข้าไม่แกล้งเจ้าแล้ว ข้าไม่เคยเห็นเจ้าเป็นคนโง่เหมือนตอนนี้มาก่อนเลย 

 เจ้าน่ะสิโง่!  ซูหวานหว่านสูดลมหายใจเข้าออกพร้อมกับเช็ดความอบอุ่นออกจากริมฝีปากของตน นางรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญมากเมื่อเห็นท่าทีที่เฉยชาของฉีเฉิงเฟิง

ฉีเฉิงเฟิงจัดเสื้อผ้าของตัวเองเบา ๆ จากนั้นเขาจึงหยิบจี้หยกที่คุณชายถังถอดเอาไว้ขึ้นมา ผูกเอาไว้ที่รอบเอวของซูหวานหว่าน

จากนั้นหยิบจี้หยกบนข้อมือของเขาซ้อนทับกับจี้หยกของซูหวานหว่าน และเมื่อนำจี้หยกสองซีกประกบเข้าด้วยกันแล้วส่องแสงมองดูกับดวงอาทิตย์ มันก็จะปรากฏคำว่า ‘หว่าน’ ให้เห็นอย่างชัดเจน คนออกแบบหรือสลักมันออกมาได้ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการทำมันออกมา

 เจ้ารู้ความในใจของข้าแล้วหรือยัง? 

ซูหวานหว่านมองไปที่แก้มของฉีเฉิงเฟิง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกได้ว่าชายผู้นี้เป็นคนที่ไม่เลวเลยจริง ๆ ทว่าพอนางกำลังจะปฏิเสธออกมา ฉีเฉิงเฟิงก็เดินไปที่โต๊ะเพื่อเขียนอะไรบางอย่าง เขานำกระดาษมาวางพร้อมกับเขียนข้อตกลงขึ้นมา

 นี่คือคำมั่นสัญญาของข้าที่มีต่อเจ้า มันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปตลอดชีวิต 

เห็นคำว่า ‘สัญญา’ สองคำที่เขียนอยู่บนกระดาษ ในบรรทัดถัดมาก็มีตัวหนังสือเรียบหรูเขียนเอาไว้ว่า….. ตราบเท่าที่เจ้าต้องการข้า เจ้าก็จะมีข้าอยู่

 เจ้าเคยบอกว่า ในชีวิตนี้ของเจ้าจะต้องเป็นคู่ชีวิตของใครสักคนเพียงแค่คนเดียว และข้าให้สัญญากับเจ้าได้เลย ว่ามันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง 

คำพูดของเขาเหมือนจะดูดี ทว่าเราจะเชื่อคำพูดของผู้ชายได้อย่างไรกัน? ซูหวานหว่านยังคงไม่เชื่อในตัวฉีเฉิงเฟิง นางส่ายหัวไปมาอย่างไม่ต้องการสนใจเรื่องนี้อีกต่อไป แต่นางก็ได้รับกระดาษแผ่นนั้นเอาไว้พร้อมกับพูดว่า  งั้นพอแค่นี้เถอะ ข้าขอกลับก่อนนะ 

 เดี๋ยวก่อน  ฉีเฉิงเฟิงรั้งซูหวานหว่านเอาไว้  เจ้าคิดว่าข้าควรไปสู่ขอเจ้าเมื่อใดดี? หากเจ้าไม่บอกข้า พรุ่งนี้ข้าจะไปบ้านเจ้าอย่างแน่นอน 

ฉีเฉิงเฟิงกำลังเร่งเร้านางรึ? เหตุใดถึงรีบร้อนเพียงนี้?

ซูหวานหว่านหยุดคิดชั่วครู่ พร้อมกับเอ่ยถามออกมา  เจ้าอยากจะแต่งงานกับข้าจริง ๆ หรือ? 

 อืม  ฉีเฉิงเฟิงพยักหน้า พลางรีบหยิบกล่องใบหนึ่งภายในบ้านออกมา เขาเปิดมันออกและมีป้ายไม้เล็ก ๆ เขียนเอาไว้ว่าร้านแลกเงิน ในกล่องมีเงินจำนวนมากกระจัดกระจายวางอยู่ในนั้น  ฮูหยินฉี นี่เป็นของเจ้า 

เหตุใดเขาถึงกล้าเรียกนางว่าฮูหยิน? ช่างหน้าอายเสียจริง ๆ! ซูหวานหว่านบ่นกับตัวเองในใจแต่ใบหน้าของตนกลับขึ้นสีแดงระเรื่อ นางรับกล่องเงินนั้นมาพร้อมมองไปที่ฉีเฉิงเฟิง  หากเจ้าพูดออกมาเช่นนี้แล้ว เจ้าก็ต้องทำให้ได้ด้วย เช่นนั้นแล้วข้าขอพูดอย่างตรงไปตรงมากับเจ้าเลยแล้วกัน เจ้าจะต้องเชื่อฟังข้า ตามใจข้า ไม่หลอกลวงข้า ดูถูกข้าหรือหักหลังข้า หากว่าเจ้าทำไม่ได้ ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยมือของข้าเอง! 

 ตกลง ข้าสัญญากับเจ้า  ฉีเฉิงเฟิงพยักหน้า  หากเป็นเช่นนี้แล้ว พรุ่งนี้ข้าควรไปสู่ขอเจ้าเลยดีหรือไม่? 

อยากจะตีหัวเขาสักที!

ทำไมเร็วนัก! นางยังไม่ทันบรรลุนิติภาวะเลย!

ซูหวานหว่านถึงกับกลอกตาและพูดว่า  ให้มันผ่านไปสักสองสามวันก่อนค่อยพูดเรื่องนี้ 

 ย่อมได้  ฉีเฉิงเฟิงพยักหน้าอีกครั้งด้วยท่าทางสุภาพ  พรุ่งนี้ข้าจะเข้าไปในเมือง แล้วจะแวะไปเยี่ยมเยียนพี่เขยนะ 

ให้ตายเถอะ! พี่เขยอย่างงั้นเหรอ! ช่างไร้ยางอายเสียจริง! ใบหน้าของซูหวานหว่านขึ้นสีแดง นางเดินกลับออกไปแบบทำตัวไม่ถูก ทำให้ฉีเฉิงเฟิงเห็นแล้วถึงกับเผยยิ้ม เขาได้นำภาพวาดบนผนังออกมา แล้วเผยให้เห็นว่าในภาพวาดนั้นเป็นหญิงสาวนางหนึ่ง ซึ่งฉีเฉิงเฟิงพลันรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองมันสดชื่นขึ้นมามาก

ซูหวานหว่านเดินไปถึงครึ่งทาง ในระหว่างทางนั้นนางก็ได้นึกถึงคำพูดของฉีเฉิงเฟิง หัวใจของนางรู้สึกสับสน นางรู้สึกว่าคำพูดนั้นมันช่างหวานราวปานน้ำผึ้ง

ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงออกมาจากในหัว มันก็คือเสียงของจิตวิญญาณมิติฟาร์มนั่นเอง  เจ้าบ้านที่เคารพของข้า เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! 

 

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

Status: Ongoing

เธอคือสายลับสาวแห่งดวงดาวแห่งหายนะ ที่ชื่อว่าดาว X เธอเสียชีวิตขณะที่กำลังต่อสู้กับศัตรู ถือว่าเป็นโชคดีที่วิญญาณของเธอไม่ได้แตกสลาย แต่กลับมาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยอายุ 13 ปีในหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง แม้ว่าเธอจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวใหม่ของเธอได้ไม่นาน แต่เธอกลับรู้สึกรักครอบครัวของเธอมาก ทว่าครอบครัวของเธอมักจะถูกกลั่นแกล้งรังแกจากญาติ ๆ อยู่เสมอ จนวันหนึ่งเธอเริ่มทนไม่ไหวและต้องการแยกครอบครัวออกมา เธอพยายามทำทุกวิถีทางให้ครอบครัวของเธอมีเงินใช้จ่ายอย่างไม่ขัดสน เธอต้องการให้ครอบครัวของเธอมีความเป็นอยู่ที่สุขสบายมากกว่าที่เป็นอยู่ เธอจะทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวของเธอ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท