เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 – ตอนที่ 112 ความจริงกำลังจะกระจ่าง

ตอนที่ 112 ความจริงกำลังจะกระจ่าง

ตอนที่ 112 ความจริงกำลังจะกระจ่าง

ซูหวานหว่านผงะไปครู่หนึ่ง ข้อมือของเด็กสาวถูกมือขาวดั่งหยกของชายคนหนึ่งจับเอาไว้ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเป็นพี่ชายของสือเป้ยเอ๋อร์

 แม่นางซู ตอนนี้เจ้ากับคุณชายฉีถอนหมั้นกันแล้ว แน่นอนว่าเรื่องของพวกเจ้าทั้งสองก็จบลงด้วย ดังนั้นเจ้าไม่สมควรที่จะมาพบกันอีก  สือเฉิงชุนปล่อยมือของซูหวานหว่าน และสั่งให้คนพาตัวสือเป้ยเอ๋อร์กลับบ้าน ส่วนตัวเขาก็แบกตัวฉีเฉิงเฟิงลุกขึ้นและเดินจากไป

ซูหวานหว่านมองฝูงชนที่เดินออกไปพร้อมทั้งมองแท่งทองคำที่วางอยู่บนพื้น นางอยากจะเตะมันทิ้งไปเสียให้จบ ๆ แต่พลันใดนางก็เห็นตราประทับสัญลักษณ์บนทองคำ เด็กสาวขมวดคิ้วมองมัน ตราประทับสัญลักษณ์บนนั้นเหมือนกับ… ในหนังสือที่นางเคยอ่าน มันคือเงินไซซี*[1] !

ตระกูลสือสามารถมีเงินในระดับนี้เลยหรือ? ครอบครัวของสองพี่น้องเป็นคนในเมืองจริง ๆ หรือ?

ซูหวานหว่านขมวดคิ้วครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางโยนแท่งทองคำเข้าไปในมิติฟาร์ม จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้อง

ไม่นานนักนางก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนออกมา  ท่านหมอฮวง! ข้าเป็นอนุคนที่หกของตระกูลสือ วันนี้ข้ามีเรื่องที่อยากจะขอร้อง 

ตระกูลสือ? ซูหวานหว่านขมวดคิ้วถามออกมา  ท่านเป็นคนของตระกูลสืองั้นหรือ? 

 ใช่แล้ว! ในเมืองนี้จะมีตระกูลสือสักกี่ตระกูลกัน?  หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างภูมิใจ

ซูหวานหว่านเหลือบมองลอดจากรอยแตกของประตู เดาได้ว่านางน่าจะมีอายุประมาณ 30 ปี ปิ่นปักลูกปัดสีชมพูบนศีรษะ ดวงตาและคิ้วก็ถูกแต่งแต้มอย่างงดงาม นางไม่ใช่ซูเยว่เอ๋อร์ หญิงที่มาวนเวียนอยู่ในหมู่บ้านและยั่วยวนพ่อของนางก่อนหน้านี้หรอกหรือ?

ซูเยว่เอ๋อร์ อนุคนที่หกของตระกูลสือ? เมื่อมองไปที่ซูเยว่เอ๋อร์ เด็กสาวก็พลันรู้สึกไม่ดี นางหันไปมองอีกฝ่ายตรงร่องประตูและถามออกมา  เงินค่ารักษาของอาจารย์ข้าค่อนข้างที่จะสูงมาก ท่านมีเงินหรือไม่? 

 เจ้าพูดจาเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร!  ซูเยว่เอ๋อร์กลอกตา  พวกข้ามาที่นี่เป็นประจำ อาจารย์ของเจ้าลดค่ารักษาให้กับพวกข้าเป็นพิเศษ และที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อมาหาเขาให้รักษาเสียหน่อย 

 เฮอะ  ซูหวานหว่านหัวเราะ ซูเยว่เอ๋อร์ไม่รู้ว่านางคือซูหวานหว่าน จึงพูดจาแบบตรงไปตรงมา เช่นนั้นซูหวานหว่านจึงตอบกลับไป  เหตุใดอาจารย์ข้าจะต้องลดค่ารักษาให้เจ้าเป็นพิเศษด้วย? ตระกูลสือของเจ้าไม่ได้เปิดร้านหงเหมินหรอกหรือ? 

 โอ้! เจ้าเข้าใจผิดแล้ว! การเรียกเก็บภาษีนั้นแพงมาก ตระกูลสือของข้าขายที่นาไปแล้ว! จะเอาเงินที่ไหนมาเปิดร้านอาหารขนาดใหญ่นั้นได้!  ซูเยว่เอ๋อร์ก็ได้เผลอพูดเรื่องกิจการของร้านหงเหมินออกมา

ที่แท้ร้านหงเหมินก็ไม่ใช่ของตระกูลสือ และได้ยินมาว่าตระกูลสือนั้นมาจากเมืองหลวง แต่กลัวคนอื่นจะรู้เลยไปยืมชื่อของคนอื่นมาตั้งเป็นชื่อร้าน

 แล้วเจ้ารู้เรื่องของตระกูลสือที่มาจากเมืองหลวงหรือไม่?  ซูหวานหว่านถามออกมา

 ข้าเองก็ไม่รู้! ข้าเพียงได้ยินมาจากท่านปู่ว่าพวกเขาเป็นตระกูลขุนนางระดับสูง แต่ไม่ใช่ว่าการที่พวกเขาจะที่ให้นาเรามา 20 ไร่แล้วจะสามารถทำอะไรครอบครัวเราได้หรอกนะ! 

เมืองหลวง? พวกเขามาทำอะไรที่นี่? หรือว่าที่พวกเขามาที่นี้ก็เพื่อมาตามหาฉีเฉิงเฟิง? ซูหวานหว่านไม่สงสัยในความคิดของตนเอง แต่พวกเขามาเปิดร้านอาหารที่นี่มีจุดประสงค์คืออะไรกันแน่? ไม่ใช่เพราะว่าจะมาแข่งขันกับนางหรอกรึ?

นางประเมินสือเป้ยเอ๋อร์ต่ำเกินไปจริง ๆ ซูหวานหว่านยิ้มเยาะ เดินไปหยิบกล่องยาออกมา แล้วเตรียมไปดูคนไข้ของซูเยว่เอ๋อร์

ทันทีที่ประตูเปิดออกมา ซูเยว่เอ๋อร์ก็ตะลึงงัน นางมองซ้ายมองขวาและเห็นว่ามีเพียงซูหวานหว่านอยู่คนเดียวเท่านั้น นางตกใจมากเมื่อรู้ว่าคนที่นางยืนคุยคือซู หวานหว่าน ที่แท้ซูหวานหว่านคือลูกศิษย์ของฮวงเหล่า?

เมื่อเห็นนางแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ ซูหวานหว่านมองหน้าซูเยว่เอ๋อร์ และพูดออกมาว่า  เร็วสิ แล้วนำทางไป 

 เจ้า…  ซูเยว่เอ๋อร์ยังคงไม่เต็มใจเท่าไร เหตุใดคนที่จะไปรักษาท่านปู่ของนางจะต้องเป็นซูหวานหว่าน! นางเกลียดแม่ลูกคู่นี้เข้าไส้!

นางครุ่นคิดไปสักพัก ในเมื่อซูหวานหว่านจะเป็นคนไปรักษา นางจึงพูดความคิดของตัวเองออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ  ซูหวานหว่าน ข้าจะพาเจ้าไปก็ได้ แต่เจ้าต้องให้สัญญากับข้ามาก่อน ไม่ว่าเจ้ากำลังจะมีปัญหาอะไรอยู่ เจ้าควรละทิ้งเอาไว้ตรงนี้แล้วรักษาด้วยใจจริง 

 ตกลง  ซูหวานหว่านตอบตกลง แต่นางยังรู้สึกว่าคำพูดของซูเยว่เอ๋อร์นั้นผิดปกติไปเล็กน้อย คนของตระกูลสือไม่ใช่เป็นคนขอให้นางไปรักษาหรอกหรือ?

เมื่อซูหวานหว่านเดินทางมาถึงที่บ้านของตระกูลสือ นางก็พอจะเดาออก ใบหน้าของนางพลันเปลี่ยนสีทันที

พอเปิดประตูเข้าไปในห้องก็พบสองพี่น้องตระกูลสือและฉีเฉิงเฟิงที่กำลังนั่งอยู่ข้างใน!

ซูหวานหว่านเอ่ยออกมาอย่างไม่สบอารมณ์  ใครในพวกเจ้าที่ป่วย? หรือว่าพวกเจ้าทั้งสามป่วย จึงเรียกข้ามารักษา? 

สือเป้ยเอ๋อร์โกรธมาก นางวางถ้วยชาที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะอย่างแรงจนชากระเด็นออกมา  ท่านป้า ข้าบอกให้ท่านไปเชิญฮวงเหล่ามา! ไม่ใช่นังซูหวานหว่าน! 

 ซูหวานหว่านเป็นลูกศิษย์ของฮวงเหล่า… ฮวงเหล่าติดธุระเลยมาไม่ได้ ดังนั้น… 

 เฮอะ!  สือเป้ยเอ๋อร์โกรธมาก

ซูหวานหว่านกล่าวออกมาอย่างเยาะเย้ย  ข้ามองดูแล้ว พวกเจ้าน่าจะป่วยกันหมด ข้าไม่รักษาแล้วโรคนี้มันน่าจะรุนแรงเกินไป ข้าเกรงว่าตัวเองอาจจะติดเชื้อได้! 

ซูหวานหว่านหันหลังเดินออกไป ซึ่งซูเยว่เอ๋อร์ก็เดินตามออกมาแต่ก็ถูกเรียกให้หยุดเสียก่อน

เสียงของคนสองสามคนกำลังพูดคุยเถียงกันไปมา เมื่อนางได้ยินประโยคที่คุยกัน นางก็รู้สึกตกใจทันที

 สือเป้ยเอ๋อร์! เจ้าทำแบบนี้มันดีแล้วหรือไง เจ้าทำอะไรลงไป! 

นี่มันคือเสียงของสือเฉิงชุน เขาพูดออกมาอย่างโกรธเคืองว่า  สือเป้ยเอ๋อร์! ตอนนี้ฉีเฉิงเฟิงนั้นกำลังอยู่ในอาการสาหัส เจ้าลองพูดออกมาสิว่าพวกเราควรจะทำอย่างไรต่อไปถึงจะดีที่สุด? ตอนนี้ร่างกายของเขาก็มีพิษกู่อยู่ เจ้าก็เช่นกัน และเมื่อฉีเฉิงเฟิงเห็นซูหวานหว่านอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะมีพิษกู่อยู่ในร่างกายของเขา พวกเราก็ไม่สามารถควบคุมเขาได้ ตอนนี้มันก็เริ่มกัดกินร่างกายของเขาแล้ว! บอกข้าทีว่าเราควรจะทำอย่างไร! ต่อให้เจ้าเอาชีวิตของเจ้าทั้งสิบชีวิตมาแลกมันก็ช่วยไม่ได้! 

พิษกู่?

ซูหวานหว่านไม่รู้ว่ามันคืออะไร และไม่ต้องการที่จะค้นหาคำตอบ นางเดินกลับมายังบ้านของฮวงเหล่าด้วยความคิดที่ฟุ้งซ่านอยู่ภายในใจ

เมื่อนางเดินไปได้ถึงครึ่งทาง นางก็ทิ้งความกังวลใจไปไม่ได้ เด็กสาวเอานกออกมาจากในมิติฟาร์ม และขอให้มันบินไปเฝ้าดูสถานการณ์ที่บ้านของตระกูลสือเอาไว้ก่อนที่จะเดินกลับ

เมื่อนางเดินมาถึงบ้าน ฮวงเหล่าก็เดินเข้ามาพร้อมกับหอบหนังสือมาด้วย  ลูกศิษย์ข้า นี่เป็นหนังสือเล่มเดียวที่ข้ารักและทะนุถนอมมากที่สุด เจ้าได้โปรดอ่านมันให้ละเอียดด้วย! หลังจากอ่านไปแล้ว ถ้าหากว่าเจ้ามีข้อสงสัยใด ๆ สามารถมาถามข้าได้ และข้าจะพาเจ้าไปลองฝึกปฏิบัติจริงกับสัตว์ 

 เจ้าค่ะ  ซูหวานหว่านรับมา พร้อมกับกอดมันแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง แต่นางยังอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนักและไม่สามารถอ่านหนังสือในตอนนี้ได้ แต่แล้วนางก็หันไปมองที่หน้าปกหนังสือแล้วพบกับคำว่า ‘พิษกู่ฉง’ นางจึงรีบเปิดหนังสือทันที เพื่อตามหาคำว่า ‘พิษกู่’

แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่พบสิ่งที่ตามหา ซูหวานหว่านปิดหนังสือลงอย่างผิดหวัง ทันใดเด็กสาวก็ทำหนังสือตกลงบนพื้น หน้าของหนังสือกลางออกถึงแม้ว่ามันจะเปื้อนหมึกจนมองไม่ออกก็ตาม แต่ซูหวานหว่านก็มองเห็นตัวอักษรเล็ก ๆ ที่เขียนคำว่า ‘กู่’ อยู่ข้างใต้

ซูหวานหว่านตั้งใจอ่านมันมาก พอนางอ่านไปสักพักนางก็รู้สึกว่าได้รับความรู้และเป็นประโยชน์อย่างมาก ตัวอักษรจีนเขียนอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับสภาพของคนที่หลังจากได้รับกู่ฉงหรือพิษกู่เข้าไป เขาจะเชื่อฟังคำสั่งของคนที่ปลุกเสก หากคนที่โดนพิษกู่เข้าไปไม่เชื่อฟังคนที่ปลุกเสก พิษกู่ก็จะทำร้ายตัวเอง และกัดกินเนื้อของคนที่โดนพิษเข้าไปด้วย เหมือนต่างทำร้ายกันเองทั้งคู่ หรืออาจจะถูกทรมานจนตาย ยิ่งไปกว่านั้น หากคนที่โดนพิษกู่เข้าไปพยายามแหกกฏของคนที่ปลุกเสกก็อาจจะได้รับบทลงโทษ

ทางแก้ก็คือ…

ด้านหลังกระดาษถูกหมึกดำเปื้อนเลอะอีกแล้ว!

ซูหวานหว่านรู้สึกเป็นกังวลทันที และในขณะเดียวกัน นกที่นางปล่อยไปเมื่อครู่ก็กระพือปีกบินเข้ามา และพูดว่า  ฉีเฉิงเฟิง! ดูเหมือนว่าเขาจะไม่หายใจแล้ว! 

[1] ไซซี (細絲) เป็นคำภาษาจีน แปลว่า ไหมบริสุทธิ์ ที่เรียกเงินแท่งว่าเงินไซซี เป็นการเปรียบเทียบกับโลหะเงินหรือทองที่ถูกหลอมจนเหลวและไหลเป็นสายลงไปในแม่พิมพ์ มองดูคล้ายสายไหมนั่นเอง

 

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

Status: Ongoing

เธอคือสายลับสาวแห่งดวงดาวแห่งหายนะ ที่ชื่อว่าดาว X เธอเสียชีวิตขณะที่กำลังต่อสู้กับศัตรู ถือว่าเป็นโชคดีที่วิญญาณของเธอไม่ได้แตกสลาย แต่กลับมาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยอายุ 13 ปีในหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง แม้ว่าเธอจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวใหม่ของเธอได้ไม่นาน แต่เธอกลับรู้สึกรักครอบครัวของเธอมาก ทว่าครอบครัวของเธอมักจะถูกกลั่นแกล้งรังแกจากญาติ ๆ อยู่เสมอ จนวันหนึ่งเธอเริ่มทนไม่ไหวและต้องการแยกครอบครัวออกมา เธอพยายามทำทุกวิถีทางให้ครอบครัวของเธอมีเงินใช้จ่ายอย่างไม่ขัดสน เธอต้องการให้ครอบครัวของเธอมีความเป็นอยู่ที่สุขสบายมากกว่าที่เป็นอยู่ เธอจะทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวของเธอ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท