ชาวบ้านหยุดการกระทำทุกอย่าง พร้อมเอ่ยออกมาด้วยความยินดี โชคดีที่หวังต้านไม่ได้ป่วยเป็นไข้ทรพิษ!
ใช่แล้ว! มิฉะนั้นเราทุกคนจะเดือดร้อนกันหมด
…
ซูหวานหว่านเท้าเอว ตอนนี้ทุกคนได้รับรู้ความจริงแล้วสินะ เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่เชื่อใจข้าเลย แต่กลับไปเชื่อในตัวหมอที่ไม่มีชื่อเสียงนั่น!
กล่าวจบ ซูหวานหว่านก็ชี้ไปยังหลี่หลางจงที่วิ่งหนีไปแล้ว ตอนนี้เขากำลังจะหนีไปแล้ว! พวกเจ้ารีบไล่จับเขาให้ทันเถอะ!
ถึงอย่างนั้นชาวบ้านก็ไม่ได้เกิดความกระตือรือร้นแต่อย่างใด เพราะยังอยู่ในอาการดีใจที่ไม่ได้มีผู้ใดป่วยเป็นโรคไข้ทรพิษ ทำให้ไม่มีใครสนใจคำพูดของซูหวานหว่าน
ชาวบ้านคนหนึ่งจึงพูดกับนางว่า ลืมเรื่องนี้ไปเถอะ หลี่หลางจงมาช่วยพวกเราตรวจโรคให้โดยไม่เอาเงิน เจ้าปล่อยเรื่องนี้ไปเถิด
น่าขันเสียจริง ๆ!
เฮอะ ซูหวานหว่านเผยรอยยิ้ม เขายังมองไม่ออกเลยว่ามันคือตุ่มที่เกิดจากแมลง พวกเจ้ายังคาดหวังที่จะให้เขารักษาโรคอีกอย่างงั้นหรือ?
ชาวบ้านที่ได้ยินแบบนั้นก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร เขาเพียงตรวจโรคเฉย ๆ พวกเราไม่ได้เสียหายอะไร! ไม่ต้องตื่นตระหนกไปหรอกน่า!
แต่เมื่อมีบางคนได้ยินเรื่องนี้ก็เกิดอาการตื่นตระหนกและพูดออกมาว่า วันนี้แม่ของข้าเตรียมเกวียนวัวให้กับหลี่หลางจง ให้เขาเดินทางเข้าเมืองเพื่อไปนำยามาจากร้านเหรินเฮอ! ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องเงิน หลี่หลางจงตรวจสอบโรคผิดพลาด หากกินยาผิดเข้าไปจะทำอย่างไร!?
เมื่อทุกคนคิดถึงอาการป่วยของพ่อแม่ตนเอง จึงรีบวิ่งไล่ตามหลี่หลางจงออกไปทันที คนในหมู่บ้านระดมกลุ่มเด็กหนุ่มเพื่อไล่จับหาตัวหลี่หลางจง แต่ว่าเขาซ่อนตัวได้อย่างมิดชิดทำให้ยังไม่มีใครที่จะจับเขาได้
ซูหวานหว่านวางไข่สองสามฟองบนพื้นหญ้า โดยขอความช่วยเหลือจากงู จากนั้นวางขนมเอาไว้เพื่อขอความช่วยเหลือจากนก ให้พวกมันช่วยตามหาตัวหลี่หลางจงแล้วนางก็กลับบ้านไปพักผ่อน
ชาวบ้านตามหาตัวหลี่หลางจงอยู่เป็นเวลานาน ฝูงนกจึงปรากฏตัวออกมาอยู่เหนือสถานที่หนึ่ง เมื่อชาวบ้านเห็นจึงรีบวิ่งไปดู
ดูเหมือนว่าหลี่หลางจงจะถูกงูไล่ต้อนออกมาจากพุ่มหญ้าข้างถนน ชาวบ้านจึงรีบจับตัวเขาเอาไว้
เมื่อจับหลี่หลางจงกลับมาที่หมู่บ้าน ท่าทางของเขาดูไม่พอใจนัก และซูหวานหว่านก็ได้ยินเพื่อนบ้านบอกว่าจับเขาขังเอาไว้ในคอกวัว
ในตอนนี้มีฝนตกลงมาปรอย ๆ ซูหวานหว่านถือร่มเพื่อแจกจ่ายต้นพริกให้กับชาวบ้าน พวกเขาต่างเดินเข้ามารับต้นกล้ากันทำให้ซูหวานหว่านรู้สึกดีมาก แม้กระทั่งชาวบ้านที่เคยใช้ต้นกล้าของฮวงต้าถง นางก็ได้ให้ชาวบ้านลงนามสัญญาการร่วมมือ พร้อมกับมอบต้นพริกให้พวกเขา แต่สำหรับหวังเซียนซูนั้น ซูหวานหว่านไม่อยากจะให้ต้นพริกกับนางทำให้หญิงวัยกลางคนโกรธมาก ได้! ซูหวานหว่าน! เหตุใดเจ้ากล้าทำกับข้าแบบนี้! ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็ได้ต้นพริก แต่ทำไมข้าถึงไม่ได้มัน!
มันไม่คุ้มค่าที่จะให้สุนัขเจ้าเล่ห์แบบเจ้า! ซูหวานหว่านมองสบตาอีกฝ่าย พ่อกับแม่ของข้าถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้าน และเจ้าเป็นคนเดียวที่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข! อีกทั้งยังชักชวนคนในหมู่บ้านไปเอาผงขี้เถ้าพืชไปใส่ในแปลงของพวกเขา ทำให้พริกของพวกเขาตาย! เจ้ามีจิตใจหยาบช้าและเห็นแก่ตัว ไม่เหมาะที่จะมาทำอันใดร่วมกับข้า
หลังจากนั้นซูหวานหว่านก็ได้ส่งสัญญาณให้ชาวบ้านที่ยืนอยู่ด้านหลัง สีหน้าของหวังเซียนซูซีดเผือด และขอให้พวกชาวบ้านพูดแทนนาง หากแต่ก็ไม่มีผู้ใดสนใจและมองนางด้วยสายตารังเกียจ หวังเซียนซูโกรธจนใบหน้าเปลี่ยนสี นางยืนดูพวกชาวบ้านอยู่ข้าง ๆ ด้วยความอิจฉาริษยา ความเกลียดชังภายในใจของนางค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ซูหวานหว่านยังคงแจกจ่ายต้นพริกต่อไป ทันใดนั้นก็มีรถม้าวิ่งผ่าน มันรู้สึกคุ้นตานางเหลือเกิน นางนึกขึ้นมาได้และผงะไป นางเคยเห็นรถม้าที่หน้าร้านยาเหรินเฮอ ตอนที่นางไปขายโสม!
นั่นมันรถม้าของร้านเหรินเฮอ พวกเขามาทำอะไรที่นี่? ซูหวานหว่านขมวดคิ้วและหยุดการกระทำทุกอย่างของตนเอง
ชาวบ้านต่างหันไปมองด้วยความอย่างรู้อยากเห็น รถม้าหยุดลงที่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน ก่อนจะมีชายวัยกลางคนสวมชุดสีเหลืองนวล พร้อมเสื้อคลุมยาวสีจางเดินลงมาจากรถช้า ๆ ตามด้วยคนขับรถม้าที่ถือของตามเขามา
ซูหวานหว่านเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อชายคนนั้นกำลังเดินเข้ามาใกล้
นั่นไม่ใช่ ‘คนรู้จักเก่า’ ของนางหรอกหรือ! เถ้าแก่หูร้านยาเหรินเฮอที่กล่าวหาว่าโสมของนางเป็นรากดอกลูกโป่ง!
ซูหวานหว่านกำลังจะเอ่ยบางสิ่งออกมา หัวหน้าหมู่บ้านก็เดินเข้ามา เถ้าแก่หู ท่านอย่ามาสร้างปัญหาที่นี่เลย!
เถ้าแก่หูหยิบหม้อออกมาแล้วพูดว่า นี่คือเมล็ดสมุนไพรทั้งหมด ข้ามาที่หมู่บ้านของเจ้าเพื่อมาเจรจา ข้าจะให้พวกชาวบ้านปลูกพวกสมุนไพรนี้เป็นเวลาสามปี หลังจากนั้นข้าจะมารับซื้อมันไปในราคา 50 เหรียญต่อ 1 ชั่งพวกเจ้าจะว่าอย่างไร?
ชาวบ้านตกตะลึงหูผึ่งเมื่อได้ยินจำนวนเงิน 50 เหรียญ แต่พวกเขายังคงสงสัยในตัวเถ้าแก่หู เพราะว่าหลี่หลางจงลูกน้องของเขาตรวจโรคผิดพลาด หากในเวลาสามปีพวกเขาไม่สามารถรอได้ พวกเขาก็อาจจะไม่ได้เงิน และถ้าต้องรอผลผลิตถึงสามปี เช่นนั้นพวกเขาจะเอาอะไรกินกัน!
ชาวบ้านต่างส่ายหัวไม่เห็นด้วย เมื่อซูหวานหว่านเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกนิ่งสงบ
เถ้าแก่หูคิดว่าชาวบ้านไม่เข้าใจ จึงพูดออกมาว่า ข้าได้ยินมาว่าในหมู่บ้านของเจ้ามีคนชื่อว่าซูหวานหว่าน? นางขอให้พวกเจ้าปลูกพริกอย่างไร ข้าก็จะให้ความร่วมมือกับพวกเจ้าในการปลูกยาแบบนั้น เข้าใจแล้วใช่ไหม? แต่ว่าต่างกันตรงที่ว่าข้าจะไม่ปล่อยให้สิ่งที่พวกเจ้าปลูกตาย และข้าก็จะไม่ปล่อยให้มันติดโรคระบาด โดยพวกเจ้าต้องทำงานหนักหลายเดือนเพื่อดูแลมัน และไม่เสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์แน่นอน!
รู้จักชื่อของนาง แถมยังรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะวางแผนไว้มานานแล้วสินะ!
ซูหวานหว่านเผยยิ้มเย็นชา เถ้าแก่หู เจ้าเองก็เป็นหมอ ต้นพริกมันสามารถแพร่ระบาดโรคได้หรือ? คำพูดของเจ้าช่างดูไร้สาระมาก!
ชาวบ้านรู้แล้วว่าเรื่องโรคระบาดคือเรื่องหลอกลวง เมื่อซูหวานหว่านพูดออกมาเช่นนี้เหล่าชาวบ้านก็รู้สึกว่าเถ้าแก่หูเป็นคนหลอกลวงนัก
พวกเจ้าทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไรกัน! เถ้าแก่หูตะโกนออกมา
ร้านเหรินเฮอของพวกเจ้าทำอะไรเอาไว้ เจ้าย่อมรู้ดีแก่ใจ! ซูหวานหว่านเอ่ยด้วยความรำคาญ กล่าวเตือนชาวบ้านอีกครั้ง ทุกคนโปรดฟังข้าให้ดี หลี่หลางจงเป็นคนไร้ประโยชน์ จับเขาเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์ใด แต่หากจับเถ้าแก่หูเอาไว้ นั่นแหละมันไม่ธรรมดา พวกเจ้าสามารถขอเงินค่ายาทั้งหมดที่ญาติของเจ้าซื้อมาในราคาแพงคืนได้!
ถุย! ไร้สาระ! เถ้าแก่หูถ่มน้ำลาย ร้านขายยาเหรินเหอของข้าขายมันในราคาที่เป็นธรรมที่สุด!
ทันทีที่สิ้นเสียงของเถ้าแก่หู เสียงของหญิงชราก็ดังขึ้นมา ไอ้พวกคนชั่ว!! ข้านำเงินจำนวน 100 เหรียญมีอยู่ไปซื้อยาทั้งหมด! มันแพงมาก! ร้านขายยาเหรินเฮอบังคับให้ข้าซื้อ อีกทั้งยังทุบตีทำร้ายข้าอีกด้วย!
พลันใดนั้นก็มีเกวียนวัวแล่นผ่านมา ซึ่งผู้คนบนเกวียนวัวเป็นพวกชาวบ้านในหมู่บ้านที่ไปซื้อยาจากร้านยาเหรินเฮอในวันนี้ พวกชาวบ้านต่างมีสีหน้าไม่พอใจเพราะพวกเขาเป็นหนี้ที่ร้านขายยาเหรินเฮอรวมกันเป็นเงิน 100 ตำลึง!
ชาวบ้านที่ไม่ได้ไปต่างตกตะลึง จำนวนเงินทั้งหมดในหมู่บ้านมีไม่ถึง 100 ตำลึงด้วยซ้ำ! แต่กลับกลายเป็นหนี้ถึง 100 ตำลึง!
เถ้าแก่หู เจ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม! ซูหวานหว่านชำเลืองมองเขา
เถ้าแก่หูพูดออกมาด้วยท่าทางนิ่งสงบ อาการป่วยของพวกเขาค่อนข้างหนัก พวกเขาจึงต้องใช้เงินเป็นค่าใช้จ่ายเยอะมากขึ้น ร้านยาเหรินเฮอของเรามีจิตใจดีเมตตาให้พวกเขายืมเงิน! พวกเจ้าไม่ขอบคุณข้า แต่พวกเจ้ากลับมาปฏิบัติตัวทำกับข้าเช่นนี้! เกิดข้ามีโทสะขึ้นมา ระวังไว้ด้วยว่าจะพวกเจ้าจะไม่ได้ยาแม้แต่เม็ดเดียว!
หึ นางไม่กลัวเขาหรอก!
ซูหวานหว่านพูดออกมา ทุกคน อย่างไรเสียข้าก็เป็นหมอ ข้าสามารถวินิจฉัยโรค รักษาโรคให้โดยที่ไม่คิดเงินได้ แล้วเหตุใดพวกเจ้าถึงจะต้องไปเชื่อคำพูดของเขา! พวกเจ้าไปจับตัวเขาแล้วพาไปที่เมืองเพื่อแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ และยกเลิกการยืมเงินนั้นซะเถอะ!
เมื่อชาวบ้านได้ยินแบบนี้ ทุกคนก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับตัวเถ้าแก่หูและมัดเขาเอาไว้ พวกชาวบ้านรู้สึกไม่พอใจกับร้านเหรินเฮอมาก
ซูหวานหว่านก้าวเข้าไปหาเขาด้วยใบหน้าที่สดใสและมีเสน่ห์ แต่แววตาเต็มไปด้วยความขำขัน นางเหมือนงูที่กำลังจ้องมองเหยื่ออย่างเยาะเย้ย อย่าเพิ่งส่งตัวเขาให้กับทางการเลย พวกเรามาบังคับให้เขาพูดออกมากันดีกว่าว่าเรื่องผงขี้เถ้านั้นเป็นฝีมือร้านเหรินเฮอเป็นหรือไม่?
ไม่ ไม่ใช่… เถ้าแก่หูตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เขาชี้ไปที่ซูหวานหว่านแล้วพูดว่า เห็นได้ชัดว่าเรื่องผงขี้เถ้านั้นเจ้าเป็นคนทำ! ข้าได้ยินมาพวกเขาพูดว่าพบผงขี้เถ้าในห้องนอนทางทิศตะวันตกของบ้านเจ้า แต่เข้าไปค้นไม่ได้ เลยไม่อยากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก
เขาพูดเช่นนี้ออกมา แสดงว่าเขาสั่งให้คนเอาผงขี้เถ้าไปยัดใส่ห้องนอนของนางใช่หรือไม่?
ซูหวานหว่านตกใจ พลันเหลือบไปเห็นหวังเซียนซูวิ่งไปที่บ้านของนาง ไปดูกันเถอะว่าจริงหรือไม่! หากเป็นเรื่องจริง พวกเราก็จับตัวซูหวานหว่านไปส่งให้กับทางการเสีย!