นางจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตนเองได้อย่างไร ซูหวานหว่านอ้าปากราวกับกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เป็นซูเสี่ยวเยียนที่พูดขึ้นมาก่อนว่า คุณชายเป่ยฉวน ข้าเรียนอยู่ที่มหาลัยวิทยาลัย A ระดับบัณฑิตศึกษา! ข้าเป็นหญิงที่มีพรสวรรค์เรื่องชีววิทยา! ท่านมาจากเมืองไหน? เหตุใดพวกเราไม่ร่วมมือกันและครองโลกนี้ด้วยกันล่ะ?
เมือง A เป็นเขตแดนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด แต่ในแง่ทางการศึกษาถึงแม้ว่าซูเสี่ยวเหยียนจะเป็นนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา แต่ด้วยความรู้ของนางหากจะเอามาใช้ในยุคสมัยโบราณเห็นทีว่าจะไม่เหมาะสมเท่าไรนัก
ซูหวานหว่านกระตุกยิ้ม หากจะให้ร่วมมือกันนั้นก็คงไม่เลว แต่ด้วยนิสัยของซูเสี่ยวเหยียนแล้วมันยากที่จะทำให้นางเชื่อใจอีกฝ่าย! ซูหวานหว่านเลิกคิ้วขึ้นแสร้งทำเป็นสนใจในสิ่งที่ซูเสี่ยวเหยียนพูดเล็กน้อย เจ้าควรพูดให้เจาะจงมากกว่านี้ ข้าอยากจะฟังมัน
เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจของซูหวานหว่าน เด็กสาวก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เพราะว่าสิ่งที่นางคาดเดาเอาไว้นั้นถูกต้อง ข้าสามารถทำสบู่ เครื่องหอม และ…ทำผลิตภัณฑ์ความงามแบบโบราณ ทั้งยังอาหารตะวันตกได้ ถ้าพวกเรามาร่วมมือกัน มันอาจจะ…
ซูเสี่ยวเหยียนเอ่ยโอ้อวด จากนั้นจึงเอ่ยสิ่งสำคัญออกมาว่า ท่านให้สูตรสบู่ล้างจานมาให้ข้า แล้วข้านั้นก็จะให้สูตรอื่น ๆ แก่ท่าน ข้าจะเป็นคนขายมันให้แก่ท่านเอง แล้วพวกเรามาแบ่งเงินกันคนละครึ่ง! ท่านเป็นผู้ช่วยข้าก็ได้! หากว่าเรามีวาสนาต่อกัน พวกเรานั้น…อาจจะเป็นสามีภรรยากันในอนาคต!
แท้จริงแล้วซูเสี่ยวเหยียนนั้นต้องการสูตรของนาง! อีกทั้งยังต้องการชายรูปงามอย่างคุณชายเป่ยฉวนอีก!
นางฝันหวานเกินไปหรือเปล่า?
ซูหวานหว่านเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงปกติ หากเจ้าต้องการสูตร เจ้าก็ไปคุกเข่าที่ริมแม่น้ำที่ศิษย์น้องของข้าถูกถ่วงน้ำเป็นเวลาสามวันเสีย! สูตรนี้เป็นของนางที่คิดขึ้นมา หากเจ้าอยากที่จะแต่งงานกับข้า…เจ้าก็ลองไตร่ตรองดูเอาแล้วกัน ข้าไม่ต้องการพูดอะไรแล้ว
ว่าอย่างไรนะ? สูตรนี้ไม่ใช่สูตรที่ ‘เป่ยฉวนเฟิงหลิว’ คิดขึ้นมางั้นหรือ? ที่แท้มันเป็นสูตรที่ซูหวานหว่านคิดค้นขึ้น! ซูเสี่ยวเหยียนตกตะลึง นางฟังเพียงแค่ถึงประโยคแรก ความเกลียดความหึงหวงก็พลันผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ และหัวใจของนางตอนนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชัง!
ซูเสี่ยวเหยียนขบริมฝีปากแน่นด้วยความโกรธ นางไม่คิดเลยว่าซูหวานหว่านที่ตายไปแล้วจะทิ้งสูตรเอาไว้! แล้วนางล่ะ? นางทำได้แค่สบู่! สบู่ล้างจานหรืออะไรพวกนั้นนางทำเป็นที่ไหนกัน ทะลุมิติมาเป็นคนจนเหมือนกัน เหตุใดถึงแตกต่างกันเช่นนี้
เมื่อเห็นท่าทีโกรธเคืองของซูเสี่ยวเหยียน ซูหวานหว่านก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาในใจ หญิงสาวหยิบตะเกียบขึ้นมา เมื่อเห็นท่าทางของนางแล้วก็รู้สึกอยากอาหารขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก!
เมื่อเห็นป้ายประกาศสีแดงที่อยู่หน้าร้าน เหล่าชาวเมืองจะอยู่เฉยได้ที่ไหนกันเล่า! ทุกคนรีบเดินกลับไปที่บ้านหยิบภาชนะวิ่งกลับมาที่ร้านเจวียเซ่ออย่างรวดเร็ว และมุงดูไปในร้าน ซูหวานหว่านที่เห็นว่าผ้าเช็ดหน้าของนางสกปรกแล้ว นางจึงเปิดผ้าคลุมหน้าออกและให้คนยกอ่างล้างมือมาให้ แต่ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาด้วยใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ คุณชายเป่ยฉวนข้าจะล้างให้ท่านเอง
กล่าวจบก็มีหญิงสาวอีกมากมายเอ่ยแย่งชิง นางรีบใช้น้ำยาล้างจานล้างทำความสะอาดผ้าเช็ดหน้าของตนทันที
ฉีเฉิงเฟิงมองไปที่ซูหวานหว่านอย่างขมขื่น หากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะมีใบหน้าหล่อเหลาแต่กลับถูกบดบังด้วยเสน่ห์ของซูหวานหว่านไปเสียแล้ว! ในตอนนี้เขามีคู่แข่งศัตรูหัวใจมากมาย เขาควรทำเช่นไรดี!
ซูเสี่ยวเหยียนเบียดเสียดตัวเองเข้าไปดูผลลัพธ์ของสบู่ล้างจานเช่นกัน แต่ใครจะคาดคิดว่าร่างกายบางของนางจะไม่สามารถแทรกตัวเข้าไปได้ แต่นางก็ได้ยินชาวบ้านที่มุงดูอยู่ข้างหน้าพูดว่าผลลัพธ์ของมันยอดเยี่ยมมาก ยิ่งไปกว่านั้นพวกชาวบ้านก็นำสบู่ที่ตัวเองเพิ่งซื้อมาเดินกลับไปที่ร้านอาหารเจียง ข้าไม่ซื้อมันแล้ว! ขอเงินคืนด้วย! สิ่งนี้มันไม่ดีเท่าสบู่ล้างจาน! ข้าไม่อยากที่จะซื้อมัน!
ทันทีที่พูดแบบนี้ออกมา ชาวบ้านหลายคนก็เดินกลับไปขอคืนเงิน ซูเสี่ยวเหยียนถึงกับตัวสั่นด้วยความโกรธ นางเพิ่งจะเปิดขายของวันแรก! อีกทั้งยังถูกตัดหน้าโดยร้านอาหารเจวียเซ่ออีกด้วย
มันจะมากเกินไปแล้วนะ!
ซูเสี่ยวเหยียนอยากจะก่นด่าออกมา แต่ก็กลัวว่าจะกระทบกับภาพลักษณ์ของตนเอง จึงทำได้แต่เดินจากไปด้วยความคับข้องใจ!
ฉีเฉิงเฟิงมองไปที่ซูหวานหว่านแล้วก็รู้สึกอยากจะพานางกลับบ้าน แต่ว่าก็โดนกลุ่มผู้หญิงจ้องมองมาด้วยความเกลียดชัง ฉีเฉิงเฟิงเลยตกใจและปล่อยมือซูหวานหว่านทันที
ผู้หญิงที่กำลังซักผ้าเช็ดหน้าอยู่นั้น ไม่อยากที่จะหยุดซักเลย จงใจฉีกมันขาดมาเป็นชิ้น ๆ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าปักของตัวเองออกมาแทน คุณชายเป่ยฉวน! ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย ข้าทำผ้าเช็ดหน้าของท่านขาด งั้นข้าจะชดใช้โดยการเอาผ้าเช็ดหน้าของข้าให้ท่านแทนนะเจ้าคะ
…
ซูหวานหว่านเงียบไป ก่อนจะพยักหน้า ตกลง
หลังจากซูหวานหว่านรับผ้าเช็ดหน้ามาจากหญิงสาวผู้นั้นแล้ว หญิงสาวคนอื่น ๆ ก็เกิดความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา พวกนางเองก็ต้องการมอบให้ซูหวานหว่านเหมือนกัน ซึ่งนางไม่รู้จะทำอย่างไรจึงต้องรับมันเอาไว้ทั้งหมด
เมื่อกลับไปที่บ้านของฮวงเหล่า ซูหวานหว่านก็นำผ้าเช็ดหน้าเหล่านั้นวางเอาไว้บนโต๊ะ หญิงสาวมองดูเสี่ยวเฮ่ยที่กำลังทำงานบ้านอยู่และพูดขึ้นมาว่า ต่อไปเจ้าสามารถเลือกผ้าพวกนี้มาทำความสะอาดโต๊ะได้ ไม่ต้องเสียดาย!
ทันทีที่เสียงพูดจบ ฉีเฉิงเฟิงก็ลากซูหวานหว่านเข้าไปในห้องนอน—เพื่อลงโทษ!
ในขณะเดียวกัน ซูเสี่ยวเหยียนก็กำลังต่อสู้กับความขมขื่น มีผู้คนจำนวนมากต้องการคืนสินค้า ซึ่งในที่สุดนางก็จัดการปัญหาเรื่องนี้ได้ พวกชาวบ้านไม่คืนสินค้า แต่ก็ไม่มีใครซื้อสบู่ของนางเลย
หากไม่ใช่เพราะว่าเจ้าของหอการค้าอยู่เบื้องหลังเรื่องราวเหล่านี้ เกรงว่าผู้ดูแลเจียงคนนั้นคงจะลงโทษนางไปแล้ว!
เมื่อมองดูกลุ่มคนที่กำลังเดินไปที่ร้านเจวียเซ่อ ผู้ดูแลเจียงก็พูดออกมาว่า ซูเสี่ยวเหยียนเจ้าทำอาหารเก่งหรือไม่? เจ้าลองคิดอาหารจานใหม่ออกมาเพื่อดึงดูดคนเหล่านั้นสิ! ไม่เช่นนั้น…เร็ว ๆ นี้ ร้านอาหารเจียงอาจต้องปิดตัวลง!
หลังจากได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของซูเสี่ยวเหยียนพลันเปลี่ยนสี นางทำอาหารเป็นที่ไหน! อาหารพวกนั้นนางก็ให้คนอื่นทำให้นางกิน! หากไม่ใช่เป็นเพราะว่านางตายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์บนถนน ในตอนนี้นางก็ยังเป็นนักเรียนอยู่!
แต่เมื่อผู้ดูแลเจียงมองจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วนางคงจะทำอาหารไม่เป็น เช่นนั้นแล้วภาพลักษณ์อันดีงามของนางก็จะเสียไป ผู้ดูแลเจียงพ่นลมหายใจและพูดออกมาอย่างโกรธเคือง สู้พี่สาวของเจ้าก็ไม่ได้!
ยิ่งพูดแบบนี้ก็ยิ่งทำให้นางรู้โกรธเข้าไปใหญ่ ผู้ดูแลเจียงหยิบจดหมายออกมาพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น เจ้ารีบนำจดหมายนี้ไปที่เมืองโจว จะมีคนคอยรับเจ้าอยู่ที่นั่น หากเจ้าอยู่ที่นั่นได้ก็คงจะได้ดิบได้ดี เมื่อได้ดีแล้วก็อย่าลืมข้าเสียล่ะ!
เหตุใดเขาถึงให้เกียรตินางขึ้นมา? เมื่อเปิดจดหมายออกซูเสี่ยวเหยียนก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข พร้อมกับเอ่ยในใจ ‘ข้าสามารถทำได้! ข้ามีความสามารถและเพียบพร้อมเช่นนี้ ต่อไปในภายภาคหน้าข้าจะต้องประสบความสำเร็จและกลายเป็นมังกรหรือหงส์ท่ามกลางผู้คนให้ได้!’
หลังจากนั้นนางก็รีบกลับไปเก็บของ
นกตัวหนึ่งที่แอบฟังอยู่นอกหน้าต่างร้าน เมื่อฟังเสร็จมันก็บินออกไปได้ในทันที มันบินมายังที่พักของซูหวานหว่าน และส่งเสียงเรียกรบกวนที่หน้าต่างจนถูกฉีเฉิงเฟิงนั้นจับมันเอาไว้
ซูหวานหว่านจ้องมองฉีเฉิงเฟิงที่จับนกตัวนั้นมา หญิงสาวใช้ความสามารถพิเศษฟังสิ่งที่นกพูด ภายในใจของนางก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร
ซูเสี่ยวเหยียนจะเดินทางไปที่เมืองโจว นางไม่มีคนคอยหนุนหลังแล้ว ดูสิว่านางจะทำอย่างไรต่อไป!
เมื่อแน่ใจแล้ว ซูหวานหว่านจึงวางแผนว่าจะนอนตั้งแต่หัวค่ำจนถึงตอนสาย ๆ แต่ตอนรุ่งเช้าถัดมานางก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงผู้หญิงข้างนอกประตูบ้านที่กำลังตะโกน คุณชายเป่ยฉวน! ออกมาข้างนอกหน่อย! ที่บ้านของข้านั้นเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว! เร็วเข้าโปรดช่วยพวกเราด้วย!
ซูหวานหว่านคิดว่าเป็นพวกกลุ่มผู้หญิงที่คลั่งผู้ชายมาตะโกนเรียกร้องความสนใจ นางจึงไม่สนใจอะไรและคนที่ยืนตะโกนอยู่ด้านนอกก็พูดออกมาอีกครั้งว่า คุณชายเป่ยฉวน! ในเมืองนี้ก็มีแต่อาจารย์ท่านที่เป็นหมอรักษา และท่านก็เป็นลูกศิษย์ของเขา แน่นอนว่าท่านคงจะรักษาเป็นใช่หรือไม่? ช่วยไปดูที่บ้านข้าหน่อยได้ไหม! บ้านของข้านั้นได้เลี้ยงหมูมาหนึ่งปีแล้วมันทั้งตัวใหญ่และอ้วน แต่ตอนนี้มันแย่แล้ว ไปช่วยดูมันหน่อยเถอะ!
ลืมไปเสียสนิทเลยว่านางยังคงมีตัวตนเป็นหมออยู่!
ซูหวานหว่านลุกขึ้นจากเตียงอย่างช่วยไม่ได้ ฉีเฉิงเฟิงก็ได้นำบะหมี่มาหนึ่งชามยกมาให้นางกิน เมื่อนางกินเสร็จก็รีบล้างชามและออกไปกับผู้หญิงคนนั้นทันที
ฉีเฉิงเฟิงรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นดูแปลก ๆไม่เหมือนผู้หญิงชาวนาธรรมดา แต่ดูเหมือนว่าจะเป็น…คนรับใช้ของตระกูลใหญ่!
ฉีเฉิงเฟิงรู้สึกว่ามันต้องมีบางอย่างผิดปกติ เขาจึงตัดสินใจแอบติดตามไปอย่างเงียบ ๆ
ผู้หญิงคนนั้นพาซูหวานหว่านมาที่ลานบ้านของสือตี้จู้!
ลานบ้านสือตี้จู้นั้นเต็มไปด้วยกลุ่มฝูงชนที่หนาแน่น ซูหวานหว่านไม่ได้สนใจมากนัก นางกำลังมองหาผู้หญิงคนเมื่อครู่ที่มาบอกนางให้ไปช่วยดูหมู แต่ว่าเมื่อนางมองสำรวจรอบ ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็หายไปแล้ว!
พอนางเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ก็มีดอกซิ่วชิวสีแดงขว้างใส่นาง!