ใบหูของซูหวานหว่านขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย เมื่อได้ฟังเสียงเกลี้ยกล่อมของชายหนุ่มก็รู้สึกคุ้นเคยขึ้นมา เมื่อไม่กี่เดือนก่อนมีชายคนหนึ่งที่ปฏิบัติกับนางแบบนี้ แต่ว่า…
ซูหวานหว่านถอนหายใจออกมา ทุกคนต่างก็พูดออกมาว่า แม่นางเป่ยฉวน! เจ้ากับคุณชายซุนรักกันไม่ใช่หรอกรึ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ตอบตกลง!
ใช่แล้ว! คุณชายซุนถูกไล่ออกจากบ้านก็เพราะเจ้า! ความรักที่ลึกซึ้งขนาดนี้ หากเจ้าไม่ตอบตกลงก็คงจะหาผู้ชายดี ๆ แบบนี้ที่ไหนไม่ได้แล้ว!
…
ซุนฉางอานเสียสละเพื่อนางอย่างมาก แต่นางกลับไม่ได้รักเขา!
ซูหวานหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และกำลังจะเอ่ยปากพูดบางอย่างออกมา แต่ทันใดนั้นนางก็เหลือบไปเห็นชายชุดดำยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน โดยมีหญิงสาวเกาะแขนเอาไว้แน่น หัวใจของนางพลันชาวาบ ก่อนที่ปากจะพูดออกมาว่า ตกลง ข้านั้นตอบรับเจ้า
ซุนฉางอานตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาดีใจมาก ผู้คนต่างผลักซูหวานหว่านเข้าไปหาเขาพร้อมกับวางดอกไม้ไว้ที่ประตูของร้านอาหารเจวียเซ่อ ทันใดนั้นก็มีกลุ่มคนประมาณสองสามคนเดินแจกดอกไม้ให้กับคนที่เดินไปเดินมาอีกด้วย
ฉีเฉิงเฟิงขมวดคิ้ว มองดูภาพตรงหน้าด้วยความงุนงงเล็กน้อย หญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ ก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ฉีเฉิงเฟิงจึงจับแขนนางออกจากแขนของตนเอง แม่นาง เจ้าจับข้าพอใจหรือยัง ส่งถุงเงินคืนมาให้ข้าด้วย!
ข้ามีถุงเงินที่ไหนกัน ไม่มี! หญิงสาวปฏิเสธออกมาและพยายามหนีไป แต่ฉีเฉิงเฟิงกลับไล่ตามนางไป เมื่อจับมือนางกางออกก็พบเห็นถุงเงินที่ปักลายใบไผ่สีฟ้าอ่อน มันเป็นถุงเงินของเขา!
เจ้ายังไม่ยอมรับอีก! ข้าจะพาเจ้าไปส่งที่ศาลาว่าการ! หลังจากนั้นฉีเฉิงเฟิงก็ลากนางไปที่ศาลาว่าการ
ซูหวานหว่านที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง ดวงตาของนางจับจ้องไปที่ฉีเฉิงเฟิง เมื่อเห็นทั้งคู่กำลังฉุดกระชากกันอยู่ก็คิดว่าพวกเขาสองคนนั้นรักกัน!
ในเมื่อฉีเฉิงเฟิงมีคนใหม่แล้ว แล้วเหตุใดนางถึงไม่ยอมปล่อยวางเรื่องนี้ นางได้แต่คิดอย่างนั้นอยู่ภายในใจ แต่ภายในอกของนางกำลังปวดร้าว!
ซุนฉางอานมองไปตามสายตาของนาง เมื่อเห็นว่าคนนอกประตูเป็นใครเขาก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางเป่ยฉวน เหตุใดก่อนหน้านั้นถึงบอกว่าฉีเฉิงเฟิงเป็นพี่ชายของเจ้า?
มันก็เป็นแค่สถานการณ์ในตอนนั้น ทว่าตอนนี้ข้ากับเขา… เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ซูหวานหว่านพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เงียบเหงา
เมื่อเห็นแบบนี้ซุนฉางอานจะเชื่อในสิ่งที่ซูหวานหว่านพูดออกมาได้อย่างไร! แล้วเขาก็หวนไปคิดถึงตอนนั้นที่ฉีเฉิงเฟิงพูดกับเขาอย่างไม่พอใจเมื่อตอนที่ตนเองอยู่ใกล้ชิดนาง ซุนฉางอานพลันรู้ทันทีว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนต้องไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้นซูหวานหว่านคงจะไม่เศร้าโศกขนาดนี้
ซุนฉางอานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า แม่นางเป่ยฉวน วันนี้ข้าอาจจะบุ่มบ่ามไป หากเจ้าและฉีเฉิงเฟิงกำลังมีเรื่องที่เข้าใจผิดกันก็ควรที่จะพูดคุยกับเขา ส่วนเรื่องวันนี้… ก็คิดซะว่าเป็นเรื่องล้อเล่นแล้วกัน
ซุนฉางอานพูดได้ดี! แต่อะไรที่เป็นความเข้าใจผิดระหว่างฉีเฉิงเฟิงกับนาง นางกลับไม่รู้เลยแม้แต่น้อย! ยิ่งไปกว่านั้นฉีเฉิงเฟิงก็ไม่ให้โอกาสให้นางอธิบายด้วยซ้ำ!
ซูหวานหว่านรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเมื่อมองดูดวงตาที่ใสบริสุทธิ์ของซุนฉางอาน ซูหวานหว่านจึงถามออกมาว่า เจ้าชอบข้าจริง ๆ เหรอ?
ซุนฉางอานตอบออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ แน่นอน
แล้วถ้าแบบนี้ล่ะ? ซูหวานหว่านปิดประตูลง ดึงหน้ากากออกมาเผยให้เห็นใบหน้าเดิมของนางที่ไม่ได้สวยแต่เพียงแค่มีใบหน้าที่ขาวบริสุทธิ์ สิ่งนั้นทำให้หัวใจของซุนฉางอานเต้นแรงมากกว่าเดิม แล้วพูดออกมาว่า แม่นางเป่ยฉวน ข้าไม่ได้ชอบที่ใบหน้าของเจ้า แต่ข้าชอบที่เจ้าเป็นเจ้า ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ รอยยิ้ม ในความคิดของข้ามันมีเสน่ห์อย่างยิ่ง
แต่ซูหวานหว่านก็ยังมีบางสิ่งอยู่ในใจ นางสวมหน้ากากกลับคืนเบา ๆ อีกครั้งและพูดว่า คุณชายซุน เจ้าอย่าพูดเรื่องหน้าตาที่แท้จริงของข้าออกไปเป็นอันขาด แล้วเรื่องวันนี้ที่เจ้าทำให้ข้า… เรื่องระหว่างเจ้าและข้ามันค่อนข้างกะทันหันเกินไป ข้าขอเวลา
ย่อมได้ ถึงแม้ว่าเขาไม่อยากที่จะยินยอม แต่ถ้าซูหวานหว่านพูดออกมา เขาก็ต้องตอบตกลง
เมื่อมองไปที่หน้ากากของซูหวานหว่าน ซุนฉางอานก็ดูเหมือนจะนึกถึงอะไรบางอย่างได้ ข้าได้ยินจากแม่นางจูเหยียนว่าเจ้าและเป่ยฉวนเฟิงหลิวเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน? แต่ว่า…พวกเจ้าสองคนนั้นไม่ใช่เป็นพี่น้องกัน มันเกิดอะไรขึ้นงั้นรึ?
คิดไม่ถึงเลยสุดท้ายแล้วตัวตนซูหวานหว่านของนางจะมีคนรู้เรื่องนี้!
ซูหวานหว่านถอนหายใจออกมา และบอกเรื่องที่ถูกซูเสี่ยวเหยียนทำอะไรกับนางไว้บ้าง จนนางต้องเปลี่ยนตัวตนของตัวเองเป็นเป่ยฉวนเฟิงหลิว นางปกปิดเรื่องของฉีเฉิงเฟิงเอาไว้ไม่ได้เล่าออกมาหมด ทว่าซุนฉางอานก็ยังโกรธมากเมื่อได้ยินแบบนี้ และเมื่อรู้ว่าจูเหยียนนั้นก็คือซูเสี่ยวเหยียน เขาจึงเอ่ยออกมาอย่างโกรธเคือง ข้าไม่นึกเลยว่านางจะไร้ยางอายขนาดนี้! นางยังเปลี่ยนชื่อแซ่เพื่อแสร้งชุบตัวเป็นคนใหม่อีก!
เมื่อได้ยินแบบนี้ นางก็รู้ว่าซุนฉางอานน่าจะรู้ความลับที่ซ่อนอยู่ จึงถามออกมาว่า คุณชายซุนรู้เรื่องที่นางเปลี่ยนชื่อด้วยอย่างงั้นหรือ?
เจ้ารู้หรือไหมว่านางกลายเป็นลูกบุญธรรมของฮูหยินเจีย ซุนฉางอานถอนหายใจออกมา พร้อมกับหยิบน้ำขึ้นมาดื่มแล้วพูดต่อ ตั้งแต่นางมาถึงเมืองนี้ นางก็ได้เข้ามาครอบครองเป็นเจ้าของร้านหงเหมิน ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ยังทำให้ร้านหงเหมินกลายเป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงในเมืองนี้ ความสามารถในการจัดการเรื่องร้านอาหารของนางจึงเป็นที่ชื่นชอบของคนจำนวนมาก หลายคนต่างเข้ามายืนข้อเสนอให้กับนางอย่างลับ ๆ วันนั้นฮูหยินเจียได้มาที่ตลาดเพื่อซื้อของ พลันเห็นว่านางกำลังโดนทำร้าย นางจำได้ว่าหญิงนางนั้นคือซูเสี่ยวเหยียน นางก็เลยช่วยเอาไว้แล้วสอบถามความเป็นมาของซูเสี่ยวเหยียน จากนั้นจึงรู้ว่าซูเสี่ยวเหยียนนั้นเป็นคนมีสกุล แต่ว่าพ่อแม่ของนางโดนประหารชีวิตจากความผิดที่โดนใส่ร้าย แต่นางก็เอาชีวิตรอดมาได้!
เมื่อฟังประสบการณ์ชีวิตที่น่าเศร้านี้ ซูหวานหว่านก็เผยรอยยิ้มออกมาประชดประชัน ซูเสี่ยวเหยียนทำได้อยู่แล้ว! นางไม่เพียงแต่งเรื่องขึ้นมาว่าครอบครัวของนางนั้นมีภูมิฐานที่ดี แต่นางยังปั้นเรื่องบอกอีกด้วยว่าชีวิตของนางเศร้าโศกและน่าสงสารมากอีกด้วย ทำให้คนอื่นรู้สึกเห็นใจและสงสารตัวเอง! ช่างวิเศษเหลือเกิน!
ซูหวานหว่านเป็นพี่สาวของซูเสี่ยวเหยียน! นางไม่รู้สึกโกรธเลยหรือ? ซุนฉางอานไม่เข้าใจหากแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามออกมา เมื่อคิดได้ว่าคืนนี้เขาไม่มีที่ไปจึงพูดออกมาอย่างเขินอาย แม่นาง ข้าอยู่ที่ร้านนี้กับเจ้าได้หรือไม่…
คำพูดนี้ทำให้ซูหวานหว่านตกใจ ซุนฉางอานได้ตัดสัมพันธ์กับซุนซ่างชูเพื่อช่วยนางและตอนนี้ไม่มีที่ไป! เห็นแบบนี้แล้วนางจะไม่ช่วยเหลือก็คงไม่ได้
ซูหวานหว่านหยิบป้ายไม้ออกมาแล้วพูดว่า ในนี้มีเงินอยู่สองพันตำลึง เจ้าสามารถเอามันออกไปใช้ได้
ไม่ ไม่ ไม่! ข้าไม่ต้องการ! ซุนฉางอานถึงกับหน้าแดง สาวน้อย หากเจ้าให้เงินข้ามันเหมือนกับเจ้าดูถูกข้า ข้าเพียงขอที่พักอาศัยเท่านั้น…
หากให้เงินเขาแล้วให้ไปพักอาศัยอยู่คนเดียวเขาอาจจะถูกเจียเหวินจับตัวไป ซูหวานหว่านคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และพูดว่า ข้าก็ไม่มีที่ไปเช่นกัน พวกเราถึงไม่ไปหาโรงเตี๊ยมด้วยกันล่ะ?
ขอบคุณเจ้ามาก แม่นางซู! ซุนฉางอานมีความสุขมากและตอบตกลงทันที ซูหวานหว่านได้สั่งคนนำอาหารมาเข้ามา จากนั้นทั้งสองคนก็นั่งกินข้าวด้วยกันแล้วพูดคุยกันไปมาหลายเรื่อง พอถึงตอนเย็นทั้งสองคนก็เดินไปที่โรงเตี๊ยม แต่เมื่อพวกเขาออกไปก็เห็นคนสองคนที่นั่งอยู่ข้างทาง ถือชามเดินไปมา เมื่อทุกคนเห็นทั้งสองคนก็เดินหนีไปด้วยความรังเกียจ ทว่าทั้งสองยังเอาแต่เดินถามใครต่อใครอีกว่า พวกเจ้ารู้จักลูกสาวของข้าหรือไม่? ข้าขอเงินหน่อยสิ! ลูกสาวของข้าเก่งมาก! นางบอกว่านางโดนคนรวยพาตัวมา รอให้ข้าถูกขุนนางและคนของลูกพาเราไปอยู่ที่เมืองหลวงก่อน! เมื่อพวกเรารวย พวกเราจะเอาเงินมาคืนให้พวกเจ้าอย่างแน่นอน!
เมื่อได้ยินคำกล่าวที่น่าสลดใจเหล่านี้ หลายคนก็พากันรังเกียจพวกเขาและปฏิเสธที่จะให้เงินพวกเขาก็เลยเดินเลี่ยงหนีออกไป แต่ทันใดนั้นสตรีคนนั้นก็เดินเข้ามาหาซูหวานหว่านและพูดออกมาว่า คุณหนู ข้าขอเงินหน่อยสิ! ข้ากับสามีของข้านั้นใกล้จะอดตายแล้ว!
ซูหวานหว่านกำลังจะเดินหนี แต่เมื่อเห็นใบหน้าของสตรีนางนั้นก็พบว่านางคือเจิ้นซิวซิว!
หัวใจของซูหวานหว่านพลันสั่นไหวอย่างรุนแรงกับภาพตรงหน้า!