นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) – ตอนที่ 321 เกาหยวนหยวน

ตอนที่ 321 เกาหยวนหยวน
ตอนที่ 321 เกาหยวนหยวน
ชาติที่แล้วหากเอ่ยถึงการปล้นสะดมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดย่อมเป็นสเปน
หลังจากที่โคลัมบัสค้นพบทวีปอเมริกา รบราจนแทบจะพิชิตได้ทั่วทั้งทวีปอเมริกา ปล้นทองคำและเงินไปเป็นจำนวนมาก ได้ทำให้อำนาจของประเทศเป็นที่หนึ่ง ทั้งยังทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจจากทั่วโลกในประวัติศาสตร์ของชาติที่แล้วของเขาอีกด้วย
ดังนั้นฟู่เสี่ยวกวนจึงเคยกล่าวกับต่งคังผิงไปว่า อยากจะแก้ไขปัญหาเรื่องเงินทอง หนทางที่ดีที่สุดคือการจู่โจม !
แน่นอนว่าแคว้นหยูในตอนนี้มิได้มีเงื่อนไขเยี่ยงนั้น
แต่นี่มิอาจขวางความกังวลใจที่ฟู่เสี่ยวกวนมีต่อความคิดนี้ได้ หากอุตสาหกรรมของแคว้นหยูสามารถพัฒนาขึ้นมาได้ เมื่อมีเรือรบแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะทำเรื่องเยี่ยงนี้ได้
เขารวบรวมบทความและแบ่งแยกไว้แล้วเรียบร้อย ตัดสินใจว่าในวันพรุ่งนี้จะเลือกลูกศิษย์เพียงมิกี่คนมายังคฤหาสน์จิ้งหู เขาจำต้องเปิดหม้อใบน้อยให้แก่พวกเขา
นอกจากนี้ เขายังต้องไปตรอกต้วนสุ่ยเฉียวอีกสักครา แน่นอนว่ามิใช่การไปเยี่ยมเยียนสถานทูตของชาวฮวง แต่เป็นการไปเยี่ยมเยียนราชทูตของทั้งสามประเทศ
ปากอ่าว นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง ถึงแม้ในตอนนี้เขาจะยังมิได้ใช้ แต่หากต้องใช้ในภายภาคหน้าเล่า ?
ศิษย์พี่รองเกาหยวนหยวนตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้นอกจากเวลาทานข้าว สายตาของเขาก็มิเคยละไปจากฟู่เสี่ยวกวนเลย
เขารู้สึกว่าศิษย์น้องเล็กผู้นี้ย่อมเป็นศิษย์น้องเล็กคนที่เก้าอย่างแน่นอน หากท่านอาจารย์มิยอมรับ เยี่ยงนั้นท่านอาจารย์ก็คงตาบอดแล้ว !
เขามิได้เข้าศึกษา มารดาของเขาเสียชีวิตตอนเขาอายุได้เพียง 3 ปีเท่านั้น ต่อจากนั้นบิดาของเขาก็แต่งงานใหม่
เพราะความอยากอาหารของเขานั้นมีมากเกินไป จึงทำให้บิดาของเขาที่เป็นขุนนางตำแหน่งเล็ก ๆ ของผิงหลิงอี้เลี้ยงดูมิไหว เมื่อรวมกับที่แม่เลี้ยงที่ปากร้ายและใจดำ ท้ายที่สุดเขาจึงโดนไล่ออกจากบ้าน
ในปีนั้น เขาอายุได้เพียง 6 ปีเท่านั้น
หลังจากนั้นเขาก็มิได้แตกต่างอันใดกับเด็กกำพร้าของสำนักเต๋า เวลาผ่านไป 2 ปี เขาใช้ชีวิตด้วยความหิวจนผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก
ในตอนที่เขาคิดว่าตนกำลังจะหิวตาย ท่านอาจารย์ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น เพียงเพราะหนึ่งคำสัญญา เมื่อทานจนอิ่มแล้ว เขาก็ได้ติดตามท่านอาจารย์ไปยังสำนักเต๋า และกลายเป็นศิษย์รองของสำนักเต๋าตั้งแต่นั้นมา
ท่านอาจารย์เองก็เคยสอนการบ้านเขา แต่ว่าเขาสนใจแต่การกินเท่านั้น ดังนั้นหากเอ่ยถึงตัวอักษร ที่เขารู้จักนั้นมีมิมากนัก
แต่สิ่งนี้มิได้เป็นตัวขวางกั้นเขาที่เลื่อมใสในคนที่มีการศึกษาอย่างสุดซึ้ง เพราะรากความคิดที่ฝังอยู่ในหัวมาตั้งแต่เด็กก็คือ ผู้มีการศึกษาจึงจะสามารถทานข้าวได้อิ่ม !
เจ้ามองตระกูลที่มีอำนาจมากล้น
เจ้ามองชุดผ้าต่วนที่นุ่มและสวยสด
เจ้ามองเกี้ยวแปดคนหาม
เจ้ามองคนที่คอยล้อมหน้าล้อมหลัง
พวกเขา…ต่างก็เป็นคนที่อ่านตำรามากมาย !
ต่อให้เป็นแม่ทัพ แม่ทัพที่สามารถสร้างกองทัพของตนเองได้ ล้วนแต่ก็ต้องเป็นแม่ทัพที่ผ่านการเข้าศึกษามาแล้วเท่านั้น !
และเขาก็ได้พบปรากฏการณ์อย่างหนึ่ง ยิ่งอ่านตำรามากเท่าใด ทับหลังของจวนนั้นก็จะยิ่งใหญ่สง่างาม
เขาเคยไปอยู่ที่เมืองหย่งหนิงมากว่าครึ่งปี เขาเคยพินิจพิจารณาทับหลังเหล่านั้น ถึงแม้จะมิรู้จักตัวอักษร แต่เขาก็ทราบว่ายิ่งทับหลังสูงเท่าใด อักษรบนทับหลังก็จะยิ่งใหญ่ยิ่งสง่างาม จวนหลังนั้นย่อมมีขุนนางยศใหญ่อยู่เป็นแน่
ในตอนนี้เขาไม่รู้ว่าทับหลังของจวนฟู่ท้ายที่สุดแล้วสูงหรือใหญ่ถึงเพียงใด แต่จากที่เขามองฟู่เสี่ยวกวนที่กำลังทบทวนบทความเหล่านั้นอย่างตั้งใจ ก็รู้สึกว่าชายผู้นี้เก่งกาจมากอย่างอธิบายมิถูก !
เมื่อรวมกับจดหมายสองสามฉบับจากศิษย์พี่ใหญ่ที่ส่งมายังอาราม เขาจึงเคยได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับฟู่เสี่ยวกวนมาบ้างแล้ว เมื่อได้รับการยืนยันอีกคราในยามนี้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าชายผู้นี้เก่งกาจยิ่งนัก
ในใจของเกาหยวนหยวน มีมิกี่คนที่ทำให้เขารู้สึกว่าเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยม ปรมาจารย์แห่งสำนักเต๋า อาจารย์ของเขาเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนอันดับที่สองหาใช่ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ แต่กลับเป็นซูซู !
ซูซูดีดฉินได้ยอดเยี่ยมมากยิ่งนัก !
เพราะเสียงฉินของศิษย์น้องหกซูซู เขาจึงได้ทานนกที่แสนอร่อยเข้าไปเยอะมากยิ่งนัก กินทั้งย่าง กินทั้งผัด กินทั้งตุ๋น… จนในระยะร้อยลี้ของสำนักเต๋าไร้เงาของนกอีกต่อไป และยามที่ซูซูออกมาจากอาราม เขาก็มิได้ทานนกอีกเลย
ในตอนนี้มีอยู่ด้วยกันสามคนที่เขาคิดว่ายอดเยี่ยมมากยิ่งนัก แน่นอนว่าต้องมีศิษย์น้องเล็กฟู่เสี่ยวกวนด้วย
ในยามที่ฟู่เสี่ยวกวนคัดแยกบทความเสร็จเรียบร้อยแล้ว ร่างกายที่ใหญ่โตของเขาก็โน้มลงไปด้านหน้า ใบหน้าอวบใบหูใหญ่นั้นมีรอยยิ้มสดใสผุดขึ้นมา ดังนั้น ฟู่เสี่ยวกวนจึงสะดุ้งแล้วถึงได้พบว่ารอยยิ้มของศิษย์พี่รองนั้น…แทบจะทำให้คนตกใจตายได้เลย !
ดวงตาของศิษย์พี่รองหายไปแล้ว จมูกก็เหลือเพียงน้อยนิด มุมปากใหญ่นั้นก็ฉีกจวนจะไปถึงใบหูอยู่แล้ว หากคนผู้นี้มิใช่ศิษย์พี่รองเกาหยวนหยวนแห่งสำนักเต๋า เขาต้องคิดว่านี่คือการกำเนิดของพระสังกัจจายน์ !
เจ้าเป็นพระพุทธเจ้า เหตุใดต้องบำเพ็ญเพียรด้วย ?
เกาหยวนหยวนยิ้มจนตาปิดและกล่าวว่า “ศิษย์น้องเล็ก ของเหล่านี้…เอามาทำอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ซูซูชำเลืองมองศิษย์พี่รอง
ซูโหรวเงยหน้ามองศิษย์พี่รองอย่างพินิจพิจารณา
ซูเจวี๋ยแกล้งกระแอมขึ้นมาและขยับหมวก
และศิษย์พี่สี่ซูปิงปิงก็แผ่ความเย็นชาออกมา จนทำให้ต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวินสั่นสะท้าน
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะ ศิษย์พี่รองผู้นี้คุยโวเสียแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะสามารถคีบกระบี่ของผู้อาวุโสจากป่ากระบี่ได้โดยใช้เพียงสองนิ้ว !
“ที่คือบทความที่ลูกศิษย์ของข้าเป็นผู้เขียน ที่วางทางด้านซ้ายนี้ถือว่าเขียนได้มิเลว ที่วางทางขวานี้คือยังมิผ่าน บทความที่ดีควรเผยให้ลูกศิษย์คนอื่น ๆ ได้เห็น ส่วนบทความที่มิผ่านนั้น…”
“ปึง…” เสียงมือใหญ่ของเกาหยวนหยวนตบลงกับโต๊ะหินดังขึ้นมา “ข้ารู้ บทความที่มิผ่านต้องโดนโบยสะโพก ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนตื่นตะลึงพลัน แต่มิใช่เพราะคำเอ่ยของเขา แต่คาดมิถึงว่าฝ่ามือที่ตบลงกับโต๊ะหินตัวนั้น จะทำให้โต๊ะหินแหลกละเอียดเสียแล้ว !
ให้ตายเถอะ !
นี่คือทรัพย์สมบัติของข้า !
ทำขึ้นด้วยหินอ่อนเสียด้วย เจ้ามาตบโต๊ะของข้าพังเช่นนี้ได้เยี่ยงไร ?
หากฝ่ามือนี้ทุบเข้าที่เสาอาคาร อาคารมันจะมิถล่มลงมาหรือ ?
หลังจากที่โต๊ะตัวนั้นแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เกาหยวนหยวนถึงได้เกาศีรษะไปมาด้วยความอับอาย “ศิษย์น้องเล็ก ข้ามิได้ตั้งใจจริง ๆ ”
“อ้อ…มิเป็นไร ศิษย์พี่รองอย่าไปตบตีอาคารเหล่านั้นก็เป็นพอ มิเยี่ยงนั้นคงพังถล่มลงมาจนยากที่จะซ่อมได้”
เกาหยวนหยวนดีใจเป็นอย่างมากที่ฟู่เสี่ยวกวนเข้าใจ แล้วกล่าวว่า “เจ้าสบายใจเถิด ตั้งแต่หลังจากที่ข้าตบหอคอยชีเชี่ยวหลิงหลงของสำนักเต๋า ท่านอาจารย์จึงจับข้าไปขังที่หน้าผาซือกั่ว ถูกขังมาครึ่งปีเต็ม ตั้งแต่นั้นมา ข้าจึงมิตบอาคารตบหอคอยอีก”
เยี่ยงนั้นก็ดี !
ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกว่าคำสั่งสอนของอารามเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่หลังจากนั้นซูซูกลับกล่าวออกมาหนึ่งประโยค ทำให้ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกกังวลไปทั้งร่าง
“แต่ว่า ศิษย์พี่รอง หลังจากนั้นมา เจ้าก็ชอบตีต้นไม้ ตีก้อนหิน ทั้งยัง…ตีคนอีกด้วย ! ”
งานยามว่างของศิษย์พี่รองนั้นแปลกเกินไป ที่สำคัญคือยามที่คนผู้นี้ลงมือราวกับเขามิรู้ถึงน้ำหนักของมัน ภายในสำนักเต๋ามีแต่ผู้มีฝีมือระดับสูง เขาตีไปก็คงมิเกิดผลอันใด ร่างกายที่เล็กและเพิ่งเข้าทำเนียบเทียบชั้นเยี่ยงข้า เพียงหนึ่งฝ่ามือของเขาที่ตบลงมานี้ กระดูกคงงอมิเป็นทรง
ดังนั้นฟู่เสี่ยวกวนจึงกล่าวกับเกาหยวนหยวนด้วยท่าทีจริงจัง “ศิษย์พี่รองจะตบตีศัตรูย่อมได้ กับคนของตนเอง เจ้าอย่าได้ตีสุ่มสี่สุ่มห้า ! ”
เกาหยวนหยวนจ้องมองท่าทางที่เคร่งเครียดของฟู่เสี่ยวกวน ก็ลอบคิดว่า เขาอ่านตำรามามาก คำเอ่ยที่เขากล่าวมานั้นย่อมมีเหตุและผลมากที่สุด ควรเชื่อฟังเขาไว้
ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า เพียงแค่เป็นการผงกศีรษะเล็กน้อย มันลำบากมากยิ่งนัก เพราะลำคอของเขาสั้น ทั้งยังหนาเกินไปอีกด้วย !
ในตอนนั้นเอง หนิงซือเหยียนที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูอย่างตั้งใจก็ได้พาคนสองคนเดินเข้ามา
เขายืนอยู่ที่หน้าประตูและตะโกนเสียงดังว่า “ฟู่เสี่ยวกวน มีคนมาเยี่ยมเยียน รับแขก ! ”
ราวกับแม่เล้ามืออาชีพก็มิปาน !
นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท