ณ พระราชวังแห่งราชวงศ์อู๋
ในหลานเยวี่ยซวนที่ตั้งอยู่ด้านหลังของตำหนักเจิ้งหยาง
ธูปไม้จันทร์หอมกำลังถูกจุดขึ้น ควันของมันส่งกลิ่นหอมลอยไปคละคลุ้ง
จักรพรรดินีแห่งราชวงศ์อู๋ “เซียวเฉียง” กำลังจัดการหัวหน้าขันทีของสำนักในอยู่
จักรพรรดินีเซียววางหมากรุกสีขาวลงมา ทำให้ปิดทางเดินหมากมังกรของขันทีเกาลง พระนางเงยหน้าขึ้นมองขันทีเกาก่อนจะตรัสถามว่า “วันนี้เจ้าเหม่อลอยอันใดกัน ? ”
ขันทีเกาวางหมากลงอย่างมิได้ไตร่ตรอง จากนั้นเอ่ยว่า “ในวันนี้ตอนเช้าหลังประชุมใหญ่ราชวงศ์สิ้นสุดลง ฝ่าบาททรงสนทนากับฟู่เสี่ยวกวนราว 2 ชั่วยามพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดินีทรงยืดตัวขึ้น บิดเอวแล้ววางหมากตัวต่อไปปิดทางเดินหมากของขันทีเกาด้วยสีหน้าเฉยเมย
“เขาเป็นบุตรชายของฝ่าบาทจริงหรือไม่ ? ”
ขันทีเกายกมือที่ถือหมากรุกไว้แล้วหยุดลงกลางอากาศ
“กระหม่อมพยายามสืบหาเรื่องราวของฝ่าบาทเมื่อสามปีนั้น แต่กลับพบว่าบันทึกได้หายไป ดังนั้น…กระหม่อมมิบังอาจคิดไปเองได้ว่าฟู่เสี่ยวกวนคือบุตรชายของฝ่าบาทกับสวี่หยุนชิง”
จักรพรรดินีเซียวมิได้ตรัสคำใดออกมา แววตาของพระนางดูเคร่งขรึมลงไปเล็กน้อย จากนั้นขันทีเกาได้เอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “พระองค์มิทรงอยากฟังเรื่องที่ฝ่าบาทสนทนากับฟู่เสี่ยวกวนเมื่อเช้าหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงเอ่ยออกมาให้ข้าฟังดูสิ”
“ฝ่าบาทและฟู่เสี่ยวกวนสนทนากันดูมีความสุขยิ่ง อีกทั้งฝ่าบาทยังเชิญชวนให้ฟู่เสี่ยวกวนอยู่ต่อในเมืองกวนหยุนในระยะยาว อีกทั้ง…ฝ่าบาทยังคงให้สัญญาว่าจะประทานตำแหน่งให้แก่ฟู่เสี่ยวกวนด้วยพ่ะย่ะค่ะ ! ”
จักรพรรดินีเซียวทรงขมวดคิ้วขึ้นทันใด ถ้าเป็นเช่นนี้ฟู่เสี่ยวกวนคงจะเป็นบุตรนอกสมรสของฝ่าบาทมิผิดแน่ !
ฝ่าบาททรงชื่นชอบฟู่เสี่ยวกวนถึงเพียงนี้ เรื่องนี้มิดีต่อองค์รัชทายาทแม้แต่น้อย
องค์รัชทายาทเองก็ทำตัวน่าปวดหัวเสียจริง บัดนี้อายุได้ 14 ปีแล้ว แต่ไร้ความกระตือรือร้นมิก้าวหน้า มิให้ความสนใจต่อประชาชน มักชอบออกท่องเที่ยวไปทั่ว…หากว่าฟู่เสี่ยวกวนอยู่ในราชวงศ์อู๋ต่อไปจริง ๆ จากความสามารถของเจ้าหมอนั่นแล้ว เกรงว่าฝ่าบาทจะทรงพอพระทัยเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ มิแน่ว่าอาจมีวันใดที่ฝ่าบาทรับเขาเข้าสู่ราชวงศ์ก็เป็นได้”
หากเมื่อถึงเวลานั้น…ตำแหน่งขององค์รัชทายาทก็คงต้องมอบให้แก่เขาแน่ !
“หากข้าต้องการให้ฟู่เสี่ยวกวนตายไป เจ้าว่าเยี่ยงไร ? ”
หมากรุกที่อยู่ในมือขันทีเกาถูกวางลง “กระหม่อมขอเอ่ยตามตรงอย่างมิบังอาจปิดบังว่า เมื่อยามเว่ยฝ่าบาททรงรับสั่งให้กระหม่อมเข้าเฝ้าและกำชับให้ดูแลชีวิตของฟู่เสี่ยวกวนให้ดีพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดินีเซียวชะงักลงเล็กน้อย นางกำหมากรุกไว้ในมือแน่น จากนั้นบีบเสียจนแหลกเป็นผุยผง !
พระนางชายตาไปยังฝุ่นผงสีขาวที่อยู่บนโต๊ะ จากนั้นยกมือขึ้นเป่าเบา ๆ ทำให้ผงสีขาวกระจายเต็มหน้าขันทีเกา
“ตระกูลเซียวดีต่อเจ้ามากหรือไม่ ? ”
ประโยคนี้ของจักรพรรดินีเซียวดูเรียบง่าย แต่กลับสร้างความกดดันให้แก่ขันทีเการาวกับยกภูเขาทั้งลูกทับไว้
เขารีบลุกขึ้นยืนแล้วคุกเข่าลงต่อหน้าจักรพรรดินีพร้อมตอบกลับอย่างลนลานว่า “หากเมื่อครานั้นมิได้รับความช่วยเหลือจากองค์จักรพรรดินี กระหม่อมคงได้กลายเป็นผงธุลีดิน บุญคุณที่มากยิ่งกว่าท้องฟ้า นั้นเกาเสี่ยนมิอาจจะลืมได้พ่ะย่ะค่ะ ! ”
จักรพรรดินีเซียวทรงเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ นางมิได้พยุงขันทีเกาให้ลุกขึ้น แต่กลับเดินเลยไปยังหน้าต่าง
“หลายปีมานี้เจ้าก็ได้พยายามอย่างยิ่ง ข้ามองดูเจ้าก้าวหน้าขึ้นในทุก ๆ วัน บัดนี้ข้าขอเอ่ยถามเจ้าว่า หากฟู่เสี่ยวกวนเปลี่ยนมาใช้แซ่อู๋ อีกทั้งเป็นเจ้านายแห่งตงหยิง จากวิธีการของเขา เจ้าคิดว่าหัวหน้าสำนักในของเจ้านั้นยังจะนั่งได้อย่างเป็นสุขอยู่อีกหรือไม่ ? ”
ขันทีเกาตกตะลึง เขารู้จักนิสัยของฟู่เสี่ยวกวนดี
แม้ว่าหน่วยงานขันทีจะมิได้รับผิดชอบรายงานสถานการณ์ของต่างแคว้น แต่เขาได้ร่วมมือกับจัวอี้สิง ดังนั้นหอเทียนจีจึงได้รับรู้เรื่องราวของฟู่เสี่ยวกวนทั้งหมด
เจ้าหมอนั่นมิใช่คนธรรมดา !
ในขณะที่ความคิดของเขากำลังล่องลอยไป จักรพรรดินีเซียวก็ตรัสขึ้นอีกคราว่า “เมื่อปีกลายฟู่เสี่ยวกวนได้ปรากฏตัวขึ้นในเมืองจินหลิง และอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวาได้ส่งคนไปจัดการกับเขา ข้ามีสองคำถามอยากถามเจ้า คำถามที่หนึ่งหากฟู่เสี่ยวกวนรู้ว่าเจ้าเป็นหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ เขาจะปล่อยเจ้าไปเยี่ยงนั้นหรือ ? คำถามที่สอง เจ้าอย่าได้คิดว่าข้าอยู่ในวังแล้วจะมิรู้เรื่องราวเหล่านั้น ข้าบอกตามตรงว่าข้าเป็นคนสั่งการให้จัวอี้สิงทำเอง ! ”
ขันทีเกาเงยหน้าขึ้น จากนั้นก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว ถ้าเช่นนั้นจักรพรรดินีทรงรู้มาเนิ่นนานแล้วว่าฟู่เสี่ยวกวนคือใคร ?
พระนางต้องการกำจัดฟู่เสี่ยวกวน แต่ว่าในครานั้นมิสำเร็จ
เช่นนั้นคนในราชวงศ์หยูผู้นั้น เป็นตัวหมากที่จักรพรรดินีทรงวางไว้ตั้งแต่แรกแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?
“องค์ชายสี่แห่งราชวงศ์หยูนั้นเป็นคนฉลาด แต่เขามิรู้ว่าฟู่เสี่ยวกวนคือใคร ฟู่เสี่ยวกวนนับว่าเป็นบุคคลอันตรายสำหรับราชวงศ์หยู เหตุใดองค์ชายใหญ่หยูเวิ่นเทียนจึงได้เดินทางไปยังกองทัพตะวันออก ? เหตุการณ์ที่สุสานจักรพรรดินั้นเป็นเพียงฉากที่ถูกจัดขึ้นเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“หาใช่ไม่ องค์ชายใหญ่ได้คิดทำสิ่งนั้นขึ้นมาอย่างแท้จริง ส่วนฟู่เสี่ยวกวนได้ออกความคิดให้แก่ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หยู จึงทำให้หยูเวิ่นเทียนรอดชีวิตมาได้และเดินทางไปยังกองทัพชายแดนตะวันออก แต่ในขณะเดียวกันก็เสียโอกาสในการขึ้นครองราชย์ สิ่งนี้เป็นประโยชน์แก่องค์ชายสี่ยิ่ง แต่ในความเป็นจริง…หยูเวิ่นชูรู้ดีว่าเมื่อพระสนมซั่งขึ้นเป็นฮองเฮา องค์ชายห้ามีโอกาสมากกว่าผู้ใด”
“ทั้งหมดนี้มองดูแล้วเป็นเพียงการแย่งชิงอำนาจในราชวงศ์ แต่เมื่อมองดูดี ๆ จะพบว่ามีเงาของฟู่เสี่ยวกวนเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยในทุกเรื่อง”
จักรพรรดินีเซียวหันหลังกลับมา มองไปยังขันทีเกาที่คุกเข่าอยู่บนพื้น “ความคิดและแผนการของฟู่เสี่ยวกวนมิได้เรียบง่ายเหมือนองค์รัชทายาท ! มิมีผู้ใดคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้นในเมืองกวนหยุนแห่งนี้ เจ้าเข้าใจความหมายของข้าแล้วหรือยัง ? ”
ขันทีเกาก้มศีรษะลงจากนั้นตอบว่า “พ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าหวังว่าเรื่องนี้เจ้าจะจัดการได้อย่างเรียบร้อย เจ้าเป็นคนของข้าแล้ว ข้ามิประสงค์ให้เจ้าทำผิดพลาดอีก และมิประสงค์ให้เจ้าตกอยู่ในน้ำมือขององค์จักรพรรดิ…ข้าขอบอกกับเจ้าอีกเรื่องหนึ่งว่า เรื่องราวที่บันทึกไว้สามปีนั้น น่าจะอยู่ในมือของไทเฮา”
“ข้าหวังว่า…ในวันที่สิบเดือนสี่ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทเฮา จะสามารถสร้างความประหลาดใจให้พระนางได้ ! ”
ขันทีเกาสะดุ้งตัวเกร็งทันที จักรพรรดินีเซียวได้หันหน้ามองออกไปยังท้องฟ้าด้านนอก
“เจ้าว่า…หากไทเฮาทรงตกใจเสียจนสิ้นพระชนม์ในงาน ชีวิตของข้าคงจะมิต้องอยู่ท่ามกลางหมอกควันเช่นนี้ใช่หรือไม่ ? ”
ประโยคนี้ขันทีเกามิอาจเอ่ยคำใดออกมา และเขาก็มิกล้าเอ่ยมันด้วย !
ไทเฮาซีมิใช่ผู้ที่จัดการได้ง่าย ๆ !
พระนางได้ขึ้นเป็นองค์จักรพรรดินีของจักรพรรดิองค์ก่อนตั้งแต่อายุได้เพียง 16 ปี จวบจนปัจจุบันนับได้ 44 ปีแล้ว
44 ปีที่ผ่านมา พระสนมที่สิ้นชีวิตลงในน้ำมือของไทเฮานั้นมิน้อยเลยทีเดียว บรรดาขุนนางก็เช่นกัน !
และในวันนี้ที่จักรพรรดิเหวินนั่งในตำแหน่งองค์จักรพรรดิได้อย่างมั่นคงก็เป็นเพราะบารมีของไทเฮาซี
“ลุกขึ้นเถิด”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ ! ”
ขันทีเกาลุกขึ้นยืน ส่วนจักรพรรดินีเซียวเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ากล่าวว่า “กระดานหมากรุกอยู่ที่นี่แล้ว ส่วนเจ้าจะชนะหรือไม่นั้นต้องวางแผนวางหมากให้ดี หากว่าแพ้…”
“หมากทั้งกระดานนั้นก็จะแพ้ทันที ! ”
“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ หมากของกระหม่อมนี้จะวางที่วัดหานหลิง ! ”
วัดหานหลิงนั้นกำลังปรับปรุง เป็นโอกาสที่ดียิ่ง
จักรพรรดินีเซียวแย้มพระสรวลแล้วตรัสว่า “มิต้องกังวลว่าจะมีคนตาย ต่อให้บรรดาบัณฑิตเหล่านั้นตายกันหมดสิ้น ก็หาได้เป็นปัญหาไม่ ! ”