ตอนที่ 424 ความคิดขององค์หญิง
เมื่อผู้มีอำนาจทั้งหลายเดินทางมาถึงพื้นที่ใต้ภูเขาผิงหลิง ทุกคนต่างก็ถูกภาพตรงหน้าสะกดให้ตกตะลึง
ท่ามกลางหิมะที่หนาวเหน็บ แต่ที่แห่งนี้กลับดูอบอุ่นมากยิ่งนัก !
ฉากที่ผู้คนนับหมื่นกำลังทำงานกันมิใช่ว่าพวกเขามิเคยพบเห็นมาก่อน แต่ทว่าในฤดูหนาวที่หนาวเหน็บเยี่ยงนี้ พวกเขากลับทำงานกันอย่างขยันขันแข็งโดยมิย่อท้อ แต่ใบหน้าของพวกเขากลับแสดงออกถึงความยินดีเสียเต็มประดา
“นี่คืออุตสาหกรรมที่ซีซานร่วมลงทุนเยี่ยงนั้นหรือ ? องค์หญิงสามหยูชิงหลานเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
จางเหวินฮั่นรีบตอบกลับว่า “พ่ะย่ะค่ะ บัดนี้เริ่มงานมาได้สิบกว่าวันแล้ว”
“ซีซานของฟู่เสี่ยวกวนใช่หรือไม่ ? ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“……ผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ ทำงานท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ พวกเขาจะมิลำบากหรือ ? ”
“อ่า… จางเหวินฮั่นคิดทบทวนชั่วครู่แล้วโค้งคำนับตอบกลับไปว่า “องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ เดิมทีชาวบ้านเหล่านี้ลำบากกว่าบัดนี้มากนัก การที่ซีซานลงทุนกับที่แห่งนี้ ก็เท่ากับโปรยเงินโปรยทองมาที่นี่ ชาวบ้านมีรายได้ทุกวัน พวกเขาจึงได้มีความหวัง ดังนั้นพวกเขาจึงมิรู้สึกถึงความลำบากเลยแม้แต่น้อย แต่พวกเขากลับหวาดกลัวว่างานนี้จะสิ้นสุดลงเสียมากกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงสามที่ทรงใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในเมืองหลวงนั้น มิอาจเข้าใจในความหมายของเขาได้ในระยะเวลาสั้น ๆ นี้ นางจึงได้เอ่ยถามว่า “ถ้าหากงานนี้สิ้นสุดลงพวกเขาจะเป็นเยี่ยงไรต่อไป ? ”
“ทูลองค์หญิง ประการแรกงานเหล่านี้จะมิสิ้นสุดลงในเวลาอันรวดเร็วนี้อย่างแน่นอน ประการที่สองฟู่เสี่ยวกวนได้วางแผนสำหรับการเก็บเกี่ยวในปีหน้าเอาไว้แล้ว ดังนั้นเรื่องของอาหารในปีหน้าจึงมิใช่ปัญหา ประการที่สามเมื่อสถานก่อสร้างเหล่านี้เสร็จสิ้นลง พวกเขาก็สามารถเข้าทำงานในโรงงานเหล่านี้ได้พ่ะย่ะค่ะ”
หยูชิงหลานเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ฟู่เสี่ยวกวนมาที่นี่เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“อ่า…มิใช่ เขาได้เขียนเอาไว้ในจดหมายก่อนที่เขาจะเดินทางไปยังราชวงศ์อู๋ เขาได้วางแผนการของผิงหลิงและชวูอี้ไว้เนิ่นนานแล้ว เพียงแต่ว่าในตอนนั้นยังมิได้ดำเนินการ”
“บัดนี้ กองกำลังที่เขาฝึกขึ้นได้ทำลายล้างกงเซินจ่างเป็นที่เรียบร้อยแล้วดังนั้นแผนการนี้จึงได้ถูกนำมาใช้”
หยูชิงหลานรู้สึกเสียใจมากยิ่งนัก นางพยักหน้าและนึกขึ้นมาในใจว่า ฟู่เสี่ยวกวนนั้นตายไปแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่กันแน่ แล้วไป๋ยู่เหลียนผู้ที่ฝึกกองกำลังดาบเทวะที่ฮั่วหวยจิ่นเอ่ยถึงนั้น บัดนี้เขาอยู่ที่ใด ?
ท่าป๋าชิวมองไปยังภาพด้านหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วขมวดคิ้ว ภายในใจของเขาเกิดความคิดที่ไม่ดีขึ้น
เดิมทีแคว้นฮวงสนับสนุนกงเซินจ่าง จึงทำให้ทางเหนือของราชวงศ์หยูวุ่นวาย เพื่อเปิดทางให้ทหารชาวฮวงนำทัพมุ่งหน้าไปทางใต้หลังจากศึกภายในแคว้นสิ้นสุดลง !
ที่ด่านเยี่ยนซานนั้นมีกงเซินจ่างคอยควบคุม ด้านนอกมีทหารม้าของแคว้นฮวงตรวจตรา และราษฎรของราชวงศ์หยูในตอนเหนือนั้นได้รู้สึกสิ้นหวังกับการช่วยเหลือจากราชวงศ์หยูแล้ว พวกเขากำลังจะร่วมแรงร่วมใจกับแคว้นฮวงในไม่ช้า
จากแผนการเดิม ในฤดูใบไม้ร่วงปีหน้าก็จะได้เข้าโจมตีราชวงศ์หยูแล้ว แต่ทว่าบัดนี้…
กงเซินจ่างถูกทำลายล้างโดยกองกำลังที่ฟู่เสี่ยวกวนก่อตั้งขึ้นเมื่อครึ่งปีก่อนจนราบคาบ !
โดยใช้กองกำลังเพียง 4,000 คนเท่านั้น !
หากจะกล่าวว่าเนื่องจากกงเซินจ่างเป็นโจร กองกำลังของเขาก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไป แต่ทว่ากองทัพทหารของแคว้นฮวงที่ส่งกำลังพลไปช่วยนั้นมีความสามารถอย่างแท้จริง แต่กลับถูกฆ่าเสียจนสิ้น มิมีผู้รอดชีวิตแม้แต่คนเดียว
เรื่องนี้ทำให้แคว้นฮวงค่อนข้างตื่นตระหนก เนื่องจากคิดมิถึงว่าฟู่เสี่ยวกวนจะวางกับดักไว้ในทางเหนือเยี่ยงนี้
เขาได้ให้ความหวังแก่ประชากรเหล่านั้น !
หากความหวังเหล่านี้ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อทหารทางใต้ของแคว้นฮวงเคลื่อนไหว เกรงว่าราษฎรเหล่านั้นจะโต้ตอบกลับมาด้วยพลังมหาศาล เพราะแคว้นฮวงกำลังจะทำลายความหวังของพวกเขา
ฟู่เสี่ยวกวน การมีอยู่ของเจ้านี่มันช่างเหมือนกับฝันร้าย !
ต่อให้เขาตกตายไปแล้ว แต่ก็ได้ทิ้งบทเรียนอันแสนเจ็บปวดไว้ให้กับแคว้นฮวง และแทบจะตัดความหวังของแคว้นฮวงจนสิ้น
โชคดีมากยิ่งนักที่เขาได้ตกตายไปแล้ว หากเจ้าปิศาจนี่ยังมีชีวิตอยู่ เกรงว่าทางใต้ของแคว้นฮวงจะต้องเกิดปัญหาขึ้นเป็นแน่
ท่าป๋าชิวยังมิรู้ว่ากองกำลังดาบเทวะได้เดินทางเข้าสู่แคว้นฮวงแล้ว และบัดนี้ก็ได้อยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างขวางและได้ปรากฏพลังอันยิ่งใหญ่
……
……
หยูชิงหลานพักอยู่ที่ผิงหลิงหนึ่งคืน แต่สุดท้ายนางก็มิเห็นกองกำลังดาบเทวะ และมิมีแม้แต่ร่องรอยของนายพลที่มีนามว่าไป๋ยู่เหลียน
นางรู้สึกผิดหวังมากยิ่งนัก และได้เตรียมตัวออกเดินทางต่อไป ในใจของนางบัดนี้คิดเพียงแค่ว่า นี่คงจะเป็นชะตากรรมของนาง
แต่สิ่งที่นางมิรู้ก็คือ บัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนและไป๋ยู่เหลียนได้เดินทางไปยังเมืองซินเฉิงแล้ว
พวกเขาเดินทางไปพบแม่ทัพใหญ่เผิงเฉิงอู่ เนื่องจากการที่องค์หญิงจะเดินทางเข้าสู่แคว้นฮวง มีความเป็นไปได้สูงที่แคว้นฮวงจะยึดด่านเยี่ยนซาน เขาจะต้องรีบให้เผิงเฉิงอู่เพิ่มกำลังปกป้องด่านเยี่ยนซานโดยเร็ว
“เจ้าคิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะดีจริง ๆ เยี่ยงนั้นหรือ ? ไป๋ยู่เหลียนสวมชุดยาวสีขาวผ่อง ส่วนฟู่เสี่ยวกวนสวมชุดสีเขียวสะพายกระบี่ของไป๋ยู่เหลียนเอาไว้
“เผิงเฉิงอู่มิเคยเห็นข้า การที่ข้าแต่งกายเป็นผู้ติดตามเจ้าคิดว่ามีสิ่งใดมิเหมาะสมกัน ? ”
ภายในรถม้า ไป๋ยู่เหลียนมองดูฟู่เสี่ยวกวนแล้วกล่าวว่า “ใต้หล้านี้ มิมีผู้ใดที่มีคุณสมบัติให้เจ้าเป็นผู้ติดตาม ! ”
การกระทำของฟู่เสี่ยวกวนทั้งหมดนี้ ไป๋ยู่เหลียนยอมรับและเห็นด้วยจากใจจริง นับจากที่เขาได้พบกับฟู่เสี่ยวกวนที่ซีซาน ฟู่เสี่ยวกวนก็มักจะสร้างความประหลาดใจให้แก่เขาเสมอ
แม้แต่คราก่อนที่ฟู่เสี่ยวกวนรับผู้ประสบภัยทั้งสามหมื่นคนเข้ามา ก็มิทำให้เขาตกใจเท่ากับการที่ฟู่เสี่ยวกวนวางแผนการในผิงหลิงและชวูอี้ในครานี้
เขากำลังช่วยปกป้องชีวิตผู้คนกว่าแสนคน !
ด้วยกำลังเพียงเท่านี้ !
ช่วงนี้เขาได้ไปยังผืนนาและสถานที่ต่าง ๆ ได้ออกคำสั่งมามากมาย และทั้งหมดนี้ได้เชื่อมโยงกันอย่างมีขั้นตอน ในระยะเวลาอันสั้น ได้เกิดผลที่ยิ่งใหญ่ตามมา
เจ้าหมอนี่…เหมือนมิใช่มนุษย์ !
“เสี่ยวไป๋ เจ้ามองข้าสูงส่งเกินไปแล้ว ข้าเป็นเพียงบุตรของพ่อค้าที่ดิน ข้าเป็นเพียงพ่อค้าเท่านั้น บัดนี้ที่ข้าได้มอบความหวังแก่พวกเขา ก็เพราะว่าในปีหน้า ข้าจะได้รับผลกำไรมหาศาลจากการกระทำนี้”
ฟู่เสี่ยวกวนตบบ่าไป๋ยู่เหลียนจากนั้นก็เอ่ยต่อไปว่า “อย่าได้คิดไปเอง ประเดี๋ยวได้พบกับเผิงเฉิงอู่แล้ว จงเอ่ยถึงแผนการที่เจ้าจะเดินทางไปแคว้นฮวงให้เขาฟัง อีกทั้งเมื่อองค์หญิงสามเดินทางไปถึงเมืองซินเฉิงแล้ว จะทรงปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนมิได้อีก”
“ถ้าเช่นนั้นแล้วตัวแทนนางจะต้องตายแทนเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“จะต้องมีใครสักคนที่ตาย”
“คนเราทุกคนมิได้เท่าเทียมกันหรอกหรือ ? ”
“…เจ้าประสงค์จะให้องค์หญิงแห่งราชวงศ์หยูอภิเษกกับกษัตริย์ของแคว้นฮวงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ไป๋ยู่เหลียนครุ่นคิดแล้วส่ายหัว
“เช่นนั้นก็ถูกต้องแล้ว เสี่ยวไป๋ ในใต้หล้านี้มิมีหรอกความยุติธรรม ในบางคราพวกเราจำเป็นจะต้องเลือก และเมื่อพวกเราเลือกก็มักจะเลือกในสิ่งที่เป็นผลดีกับตัวเราเองทั้งสิ้น สิ่งนี้คือนิสัยของมนุษย์ที่ยากเกินแก้ไข”
ไป๋ยู่เหลียนมองดูฟู่เสี่ยวกวน “เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงมิเลือกที่จะเป็นจักรพรรดิของราชวงศ์อู๋กัน ? ตามที่เจ้ากล่าวมานั้น หากเจ้าเลือกเป็นจักรพรรดิจึงจะเป็นประโยชน์สูงสุดแก่เจ้า ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนนำมือลูบจมูกแล้วยิ้มออกมา “เนื่องจากข้ารู้ดีว่าข้านั้นเป็นผู้นำของแคว้นมิได้ การที่จะเป็นผู้นำให้ผู้คนทั้งหลายยกย่องเชิดชูนั้นเหนื่อยมากยิ่งนัก เขาผู้นั้นจะต้องมีชีวิตเพื่อผู้คนทั้งใต้หล้า…”
“ส่วนข้านั้น ข้าเพียงต้องการทำเพื่อตัวข้าเอง เเละมีชีวิตอยู่เพื่อคนรอบข้าง เท่านี้ก็เพียงพอเเล้ว ! ”