ตอนที่ 452 เลือกซื้อ
ในวันนั้นฟู่เสี่ยวกวนได้อธิบายเรื่องของหุ้นและข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับหุ้นอยู่ถึง 3 ชั่วยาม !
องค์หญิงใหญ่ได้ฝ่าฝืนกฎราชวังและได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ณ จวนฟู่
ในตอนเย็น นางก็ได้เดินทางจากไป นางมิเพียงแต่ทิ้งเงินเอาไว้จำนวน 1,000,000 ตำลึงเพื่อซื้อหุ้นจำนวน 500,000 หุ้นของหยูเวิ่นเต้าเอาไว้เท่านั้น นางเองก็ได้ลงทุนซื้อหุ้น 500,000 หุ้นด้วยเช่นกัน
นี่คือเงินของข้าทั้งหมดที่มี เงินเลี้ยงตนเองในยามชราคงต้องพึ่งเจ้าแล้ว หากขาดทุนละก็…
ฟู่เสี่ยวกวนยังจำได้ถึงประโยคนี้และแววตาขององค์หญิงใหญ่ ให้ตายสิ ในหนังสือสัญญาการซื้อหุ้นก็เขียนไว้ชัดเจนแล้วว่าการลงทุนนี้มีความเสี่ยง มิได้อ่านเยี่ยงนั้นหรือ ?
หลังจากนั้น ธนาคารซื่อทงก็ได้เปิดทำการขึ้นที่ชั้นหนึ่งของอาคารในตรอกชิงหลวน หลงจู๊ใหญ่คือหลี่จินโต้ว ซึ่งย้ายมาจากธนาคารเป่าหลง ในวันเปิดกิจการได้เขียนป้ายเชิญชวนด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่ อีกทั้งข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการซื้อหุ้น
เนื้อหาเขียนว่า ธนาคารซื่อทงนี้นำเงินไปลงทุนอุตสาหกรรมที่ซีซาน ต้องการเงินจำนวน 8,000,000 ตำลึง โดยมีราคาหุ้นละ 2 ตำลึง เชิญชวนทุกท่านเข้ามาร่วมลงทุน อีกทั้งยังได้อธิบายถึงผลกำไรและความเสี่ยงต่าง ๆ เป็นต้น
ในแผนการของฟู่เสี่ยวกวน เขาตั้งใจว่าจะจดทะเบียนหุ้นในปีหน้า ธนาคารซื่อทงทำหน้าที่เป็นฐานงานสำหรับสถาบันการค้า เพื่อระดมทุน ขยายขอบเขตการผลิตอีกทั้งพัฒนาศักยภาพ เพื่อให้ธนาคารซื่อทงจดทะเบียนและเปิดหุ้นอื่น ๆ เป็นต้น
เรื่องแปลกใหม่เช่นนี้ เปิดกิจการวันแรกก็สามารถดึงดูดผู้คนได้มิน้อย แต่นอกจากหนิงหยู่ชุน ฮั่วหวยจิ่นและองค์หญิงสามแล้ว มีเพียงมิกี่คนที่กล้าลงทุนซื้อหุ้นจริง ๆ
ธนาคารซื่อทง ? ไม่สิ นี่ฟู่เสี่ยวกวนกำลังจับเสือมือเปล่าอยู่เยี่ยงนั้นหรือ ?
เจ้ามิเห็นเขาเขียนไว้ว่ามีอุตสาหกรรมซีซานเป็นสิ่งค้ำประกันหรือ ?
เขาเขียนว่าอุตสาหกรรมซีซานนั้นมีมูลค่ามากถึง 50,000,000 ตำลึง… ผู้ใดกันที่ประเมินราคานี้ ? อุตสาหกรรมซีซานมิได้มีเหมืองทองเสียหน่อย !
แต่อุตสาหกรรมซีซานนั้นยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง เจ้ามิเห็นหรือว่าสบู่ น้ำหอม และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่หอเยียนจือก็เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมของซีซาน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าใดก็ล้วนมีครบถ้วน
ในเมื่อเจ้าเห็นดีงามเช่นนี้ เหตุใดจึงมิซื้อหุ้นเล่า ?
ข้ารอดูก่อน
ข้าเองก็เช่นกัน จะว่าไปเงินจำนวน 2 ตำลึงก็มิได้มากนัก แต่ข้ากว่าจะเก็บได้ก็มิง่ายเลย
ไม่สิ พวกเจ้าเข้าใจเรื่องหุ้นเยี่ยงหรือ ? เจ้าเอาเงินจริง ๆ ยื่นไป แต่แลกมาได้เพียงกระดาษใบเดียว !
…ข้าจะรอทำความเข้าใจอีกสักหน่อยก่อน จากความสามารถของฟู่เสี่ยวกวนนั้น ข้าคิดว่าเขาน่าจะทำได้อย่างแน่นอน
บรรดาร้านค้าในเมืองหลวงต่างก็พากันมารวมตัวที่ธนาคารซื่อทง ประโยชน์ของสถานที่กว้างก็คือโดดเด่น
ที่ธนาคารซื่อทงนี้กว้างกว่าธนาคารเป่าหลงหลายเท่า ด้านในจัดการวางโต๊ะเก้าอี้ตามที่ฟู่เสี่ยวกวนกำชับ มีโคมไฟแขวนอยู่จำนวนหนึ่งอีกด้วย ที่กำแพงก็มีการตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
เนื่องจากกรมการค้ายังก่อสร้างมิแล้วเสร็จ หลี่ฉายจึงถูกวางตัวมาไว้ที่ธนาคารซื่อทง และรับผิดชอบตอบปัญหาแก่ผู้ที่มีความสนใจ
เพียงแค่ช่วงเช้าเสียงของเขาก็แทบจะแหบแห้งแล้ว เมื่อถึงตอนกลางวัน…ให้ตายเถอะ นี่เขาทำไปโดยไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง !
หุ้นละ 2 ตำลึง หักล้างจากภายในสองล้านกว่าหุ้นแล้ว ในวันนี้ขายได้เพียง 100 หุ้นเท่านั้น !
นี่มันต่างกับที่เขาคิดไว้เมื่อคืนมากยิ่งนัก !
เดิมทีคิดว่าเจ้าสิ่งนี้หากเพียงได้ทำการโฆษณา ก็จะได้รับความนิยมในการซื้อ เเต่บัดนี้มองดูสถานการณ์แล้วมิค่อยดีเท่าใดนัก !
เขาเพิ่งจะได้นั่งลงดื่มน้ำ ก็ได้พบว่ามีแม่นางผู้หนึ่งเดินตรงเข้ามา
นางคือเจียงหยูจากร้านอู่เว่ยจายนั่นเอง นางได้ยินที่ท้องถนนเล่ากันว่าคุณชายฟู่เปิดธนาคารซื่อทง และกำลังขายสิ่งที่เรียกว่าหุ้น คือการใช้เงินของตนไปแลกกับกระดาษใบหนึ่ง !
สิ่งนี้น่าสนใจยิ่ง
เจียงหยูเชื่อว่านั่นมิใช่กระดาษธรรมดาเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงมิได้สนใจคำคัดค้านของสามีหลิวซิวผิง และนำเงินเก็บหลายปีมานี้ที่เดิมทีตั้งใจจะนำไปซื้อบ้านหลังหนึ่งในเมืองจินหลิงจำนวน 2,000 ตำลึงมายังธนาคารซื่อทงแห่งนี้
นางเดินถือถุงเงินแทรกตัวเข้าไปท่ามกลางผู้คน ในใจนางคิดว่าสิ่งที่คุณชายฟู่ทำนั้นช่างได้รับความนิยมยิ่ง ผู้คนมากมายเช่นนี้ การค้านี่คงจะได้รับผลดีอย่างแน่นอน ป้ายด้านหน้าเขียนไว้ว่าต้องการเงินลงทุนจำนวน 8,000,000 ตำลึง ทำให้เจียงหยูตกตะลึงเป็นอย่างมาก แต่เมื่อนึกได้ว่าคุณชายฟู่เป็นคนที่ทำการใหญ่ เงินจำนวน 8,000,000 ตำลึงสำหรับเขาแล้วก็มิได้มากจนเกินไปนัก
อย่าเพิ่งขายจนหมดล่ะ !
หลิวซิวผิงเดินตามหลังเจียงหยูมาด้วยจิตใจที่ร้อนรน
ฟู่เสี่ยวกวนมีบุญคุณแก่พวกเขา เขานั้นรู้ดี แต่วิธีการทดแทนบุญคุณมีมากมาย มิจำเป็นต้องทำเยี่ยงนี้ !
เงิน 2,000 ตำลึงเชียว !
อีกทั้งเสียงวิจารเรื่องหุ้นนี้ก็มิดีเท่าใดนัก คิดไปแล้วก็คงเป็นเช่นนั้น พวกเขาซื้อหุ้นเพื่อลงทุนอุตสาหกรรมของซีซาน กำไรที่ได้จากอุตสาหกรรมซีซานแต่ละไตรมาสจะได้รับเงินปันผลตามสัดส่วนการถือหุ้น จะแบ่งได้เท่าไหร่กันเชียว ? หากว่าขาดทุนเล่า ? นั่นหมายความว่าทุนที่ลงไปจะสูญหายไปเยี่ยงหรือ ?
หยูเอ๋อร์ พวกเราลองดูไปก่อนดีหรือไม่ ?
อย่าเชียว ช้ากว่านี้อาจหมดก่อนก็เป็นได้
ที่นี่มีคนมากมายก็จริง แต่เจ้าว่ามีกี่คนที่ซื้อหุ้นกัน ?
หลิวซิวผิง ข้าจะบอกเจ้าให้ว่า รอให้พวกคนเหล่านี้เข้าใจในการซื้อหุ้น เมื่อนั้นเจ้าอย่าได้หวังว่าจะมีหุ้นให้ซื้อ !
หลี่ฉายได้ยินดังนั้นก็คิดในใจว่า อ่า…แม่นางผู้นี้มองอนาคตได้ไกลยิ่ง
ดังนั้นเขาจึงเดินหน้าเข้าไปยิ้มทักทายแล้วแนะนำตัว ข้านั้นคือรองหัวหน้ากรมการเงินนามว่าหลี่ฉาย ได้รับคำสั่งมอบหมายหน้าที่จากท่านฟู่เสี่ยวกวน ขออนุญาตแนะนำสิ่งที่เรียกว่าหุ้น ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่ แม่นาง…นี่ ๆ ! แม่นางข้ายังแนะนำมิจบเลย !
เจียงหยูเหล่ตามองมาหลี่ฉาย เจ้าคนหน้าเหี่ยวนี่ รอให้เจ้าอธิบายจบข้าคงมิได้ซื้อกันพอดี !
ดังนั้นนางจึงเดินตรงเข้าไปที่หน้าโต๊ะ แล้วนำเงิน 2,000 ตำลึงในห่อผ้าออกมายื่นให้หลงจู๊ชราหลี่จินโต้ว ข้าซื้อ 1,000 หุ้น !
หลิวซิวผิงกระทืบเท้าปัง ชีวิตต่อไปจะเป็นเยี่ยงไรกัน !
เจียงหยู !
หลี่จินโต้วหัวเราะหึ ๆ แล้วยื่นมือออกไปรับเงิน เขากำลังเขียนหนังสือสัญญาซื้อขายหุ้นอย่างตั้งใจ เมื่อเงยหน้าขึ้น…
เจียงหยูก็ขมวดคิ้วแล้วหันหลังกลับไป อย่าได้เอ่ยเสียงดังเช่นนี้
เจ้า … ถ้าเจ้ากล้าซื้อ ข้า…ข้าจะหย่ากับเจ้า !
เจียงหยูตกตะลึงไปชั่วขณะ เจ้าจะหย่ากับข้าเพียงเพราะเรื่องเท่านี้เยี่ยงนั้นหรือ ?
เสี่ยวหยู นี่ นี่คือเงินที่เก็บหอมรอมริบมาถึง 5 ปี เจ้ามิคิดบ้างหรือว่าใต้หล้านี้จะมีเรื่องดีถึงเพียงนี้เยี่ยงนั้นหรือ ? ในเมื่อเดิมทีอุตสาหกรรมซีซานก็มีความสามารถอยู่แล้ว เหตุใดจึงต้องใช้วิธีเช่นนี้มาหลอกเอาเงินกัน ?
ข้าคิดว่าอุตสาหกรรมซีซานใกล้จะล้มละลายแล้ว อีกอย่างต่อให้พวกเขามีกำไรจริง แต่สุดท้ายเงินที่ได้มาจะปันผลเท่าใด พวกเขาก็เป็นผู้ตัดสินใจมิใช่หรือ ?
เงินทองนั้นอยู่ในมือผู้อื่นจะอุ่นใจเท่าอยู่ในมือของตนเองหรือ ?
หลิวซิวผิงระบายความในใจออกมา แต่มิได้ทำให้เจียงหยูหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย กลับทำให้ผู้คนรอบข้างหวั่นไหวแทน
นั่นสินะ พวกเจ้ามัวแต่คิดถึงผลกำไรที่จะได้รับ แต่อุตสาหกรรมซีซานนั้นต้องการเงินทุนของพวกเจ้า
ข้านั้นนับถือความสามารถของคุณชายฟู่ยิ่ง แต่การที่เขาทำเยี่ยงนี้… คนผู้นั้นส่ายหัวเเล้วเดินจากไป เมื่อเงยหน้าก็พบเข้ากับชายผู้หนึ่ง
เขาก็คือซังหยูนั่นเอง เมื่อเลิกงานแล้วได้ยินว่าฟู่เสี่ยวกวนกำลังทำสิ่งนี้อยู่ จึงได้เดินทางมาดู
มองดูแล้วมิได้รับความนิยมเท่าใดนัก ข้าจะสนับสนุนเขาเอง
ซังหยูส่ายหัวแล้วเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะ หลงจู๊หลี่ ข้าจะซื้อ 500 หุ้น !