บทที่ 44
เมื่อเห็นนางเดินออกไป ถังหยินก็เริ่มได้สติ จากนั้นจึงหันมองไปทางทุกคนที่เพิ่งจะรู้ว่าอัยเจียคือผู้หญิงเช่นกัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงและมีท่าทีสนอกสนใจ
ถังหยินลูบหน้าผากตัวเอง “ช้าก่อน”
อัยเจียหยุดเดินและหันมาเล็กน้อย “ท่านแม่ทัพถังต้องการสิ่งใด?”
“เจ้าอยู่ที่นี่ไปก่อน แต่ข้าจะไม่ดูแลเจ้าเป็นพิเศษหรอกนะ” ถังหยินไม่ได้คิดมากสักเท่าไหร่ ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “ชายและหญิงมีความเท่าเทียมกัน ยังไงเสียกองพันที่ 2 แห่งนี้ก็จะไม่มีการแบ่งแยกอย่างเด็ดขาด !”
อัยเจียหันกลับมาพูด “ข้าไม่จำเป็นต้องให้ท่านแม่ทัพดูแลเป็นพิเศษหรอก ทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน”
“ดีมาก” ชายหนุ่มพึงพอใจกับมุมมองของอัยเจียเป็นอย่างดี “เอาล่ะ กลับมานั่งที่ซะ”
ระหว่างที่นางกลับมานั่ง เขาก็ได้พูดขึ้นช้าๆ “ทุกคนที่ข้าเลือกมาในวันนี้ ข้าเชื่อว่าพวกเจ้ารู้การงานหน้าที่ของตัวเองดี ข้าไม่สนหรอกนะว่าพวกเจ้าจะเป็นใครมาจากไหน” ระหว่างที่พูดเขาก็มองอัยเจียอีกครั้ง “กฎของพวกเรานั้นง่ายมาก ตอนนี้กองพันที่ 2 นั้นได้รับการฟื้นฟูมาใหม่แล้ว ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะร่วมมือกันเพื่อสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้ อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ!”
“วางใจเถิดท่านแม่ทัพ พวกเราจะทำให้ดีที่สุด” ทั้ง 4 คนยืนขึ้นรับคำ
ถังหยินมองไปยังฝูงชน หลังจากหยุดไปสักพักเขาก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดแบบตรงไปตรงมา “กู่เยว่ ข้าให้เจ้าเป็นหัวหน้ากองที่ 1 แห่งกองพันทหารราบที่ 2 ”
พูดจบกู่เยว่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ไม่ได้ตอบอะไร
เขารู้ว่าชายหนุ่มอยากจะให้เขาทำงานให้ แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะได้ตำแหน่งนี้
ชิวเจิ้นที่นั่งข้าง ๆ สะกิดอีกฝ่ายนิดหน่อยให้รู้ตัว
กู่เยว่จึงลุกขึ้นมาตอบ “ท่าน…แม่ทัพถัง”
“อะไรล่ะ? เจ้าไม่อยากได้หรือ?” ถังหยินมองด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ ไม่ ไม่ใช่” กู่เยว่เป็นเคยแค่หัวหน้าหน่วยเล็ก ๆ ทว่าตอนนี้เขากลับต้องมาเป็นหัวหน้ากองทหาร เขาส่ายหัวทันที “ขอบคุณท่านแม่ทัพ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง ! ”
“หลีเทียน ข้าแต่งตั้งให้เจ้าเป็นหัวหน้ากองรบที่ 2 หลีเหว่ยเจ้าเป็นกองที่ 3 หลิวซงเจ้าอยู่กองที่ 4 เฉินฟางเจ้าอยู่กองที่ 5 อัยเจีนเจ้าอยู่กองที่ 6 ส่วนชิวเจิ้นเจ้าอยากจะรับตำแหน่งรองหัวหน้ากองพันไหม?”
ถึงจะคาดการณ์ไว้แล้วว่าเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้น แต่ใจของชิวเจิ้นก็ยังอดที่จะสั่นไม่ได้ เขาร่วมกองทัพมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เพื่อวันที่เขาจะได้รุ่งโรจน์ในกองทัพ และตอนนี้ด้วยการที่เขาเลือกสนับสนุนถังหยิน มันก็เริ่มผลิดอกออกผลแล้ว !
เด็กหนุ่มพยายามกดความตื่นเต้นเอาไว้แล้วโค้งหัวให้ แต่ทว่าเสียงของเขาก็ยังแหบพร่าอยู่บ้าง “ขอบพระคุณจริง ๆ สหายถัง ไม่ซิ …แม่ทัพถัง!” เขาเพิ่งจะนึกได้ว่าตอนนี้ไม่ควรจะเรียกว่าสหายถัง
“จริง ๆ แล้วข้าต้องขอบคุณเจ้ามากกว่า” ถังหยินพูด
เหตุผลที่ว่าทำไมเขาต้องอยู่ในกองทัพเพราะว่าชิวเจิ้นเป็นคนที่ช่วยเขาอยู่ตลอด อีกอย่างชายหนุ่มเองก็ไม่รู้ว่าถ้าไม่อยู่ตรงแล้วตนควรจะไปที่ไหนดี
ทุกคนในที่นี้คือคนที่ถังหยินเชื่อใจ ในภายภาคหน้าทั้งหมดนี้จะต้องเป็นลูกน้องคนสนิทที่เป็นกำลังให้กับเขาเย็นวันนั้น ด้วยการเชิญของอู่เหมย ถังหยินจึงพาแค่ชิวเจิ้นไปร่วมงานเลี้ยงเต้นรำเท่านั้น แม้ว่ากองทัพตระกูลอู่จะพ่ายแพ้กลับมาแต่ก็นับได้ว่านางนั้นโชคดีมากและไม่ได้รับการลงโทษอะไรมากมาย ด้วยเพราะอ๋องแห่งแคว้นเฟิงนั้นยังคงเชื่อมั่นในพวกเขา
ตระกูลอู่คือ 1 ใน 4 ตระกูลหลักของแคว้นเฟิงที่มีทรงอำนาจ ดังนั้นเมื่องานเลี้ยงถูกจัดขึ้น ตระกูลทรงอิทธิพลทั้งหลายจึงพากันเข้าร่วมงานในครั้งนี้ ด้านหน้าของโรงเต้นรำ เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
เมื่อถังหยินและชิวเจิ้นมาที่นี่ มันก็ได้มีรถม้ามากมายเรียงรายตามท้องถนน ทั้งยังเต็มไปด้วยคนมาร่วมงานมากมาย เขากับชิวเจิ้นมองหน้ากันและยิ้มให้กัน ก่อนจะลงจากม้าแล้วเดินเข้าไปในโรงเต้นรำ ทันทีที่เดินมาถึง ทั้ง 2 คนก็ถูกหยุดเอาไว้ด้วยทหารยามหน้าประตู
หัวหน้ายามมองพวกเขานิดหน่อยแล้วพูดอย่างเย็นชา “พวกเจ้ามีบัตรเชิญหรือไม่?”
อู่เหมยชวนแค่ถังหยินเท่านั้น และไม่ได้เชื้อเชิญชิวเจิ้นแต่อย่างใด เขาส่ายหัว “โทษทีนะ แต่เขาไม่มีบัตรเชิญ”
“งั้นต้องขอประทานโทษด้วย แต่ข้าคงให้ผ่านไปไม่ได้”
ถังหยินเลิกคิ้วขึ้นและเมื่อกำลังจะพูด ทว่าอู่เหมยกลับเดินมาจากด้านหลังและพูดกับเหล่าทหารอย่างเยือกเย็น “พวกเขาคือแขกของเรานะ เจ้ากล้าหยุดพวกเขาจริงหรือ?”
เมื่อพวกทหารเห็นนางก็ตัวสั่นและรีบทำความเคารพ “โอ้ พวกเขาเป็นแขกของนายหญิงนี่เอง ข้าน้อยไม่รู้ ต้องขออภัยด้วย”
หญิงสาวไม่ได้สนใจพวกเขาและมองถังหยินด้วยรอยยิ้ม “ตามเรามาสิถังหยิน!”
“ขอบพระคุณนายหญิง!” ถังหยินกล่าวเลียนเสียงนายทหาร
“ฮิฮิ เสียงเจ้าน่ารักมากกว่าตอนที่กรีดร้องเสียอีกน่ะ”อู่เหมยยิ้มแย้ม ระหว่างที่กำลังคุยกันทั้งสองก็เข้าไปในตัวอาคาร
มีคนมากมายด้านนอกนั่น และยิ่งเยอะเมื่อเข้าไปข้างใน มีทั้งเจ้าหน้าที่ตำแหน่งสูงรวมไปถึงขุนนางใหญ่ ๆ ทั้งหลาย ข้ารับใช้ต่างก็วิ่งกันชุลมุนเพื่อคอยบริการน้ำและอาหารมากมาย
อู่เหมยพาถังหยินตรงไปยังด้านในของตำหนัก ทุกที่ที่พวกนางผ่านจะมีคนมาคอยต้อนรับนางตลอดเวลา ตอนนี้ชายหนุ่มรู้แล้วว่าอู่เหมยเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากแค่ไหน
เมื่อเห็นนางรับมือกับคนเหล่านี้ เขาก็ยิ่งคิดว่านางนั้นไม่ควรเข้าร่วมกองทัพเลย นางเหมาะจะเป็นคนในราชสำนักมากกว่า ถ้าหากปล่อยให้พวกเขาคุยกับนางไปสักระยะหนึ่งละก็ พวกเขาก็คงไม่อาจหลีกเลี่ยงเสน่ห์ของนางได้แน่
ห้องโถงหลักคือสถานที่เต้นรำ
ชายวัยกลางคนรูปร่างใหญ่และใบหน้าหล่อเหลาที่ถูกรายล้อมไปด้วยแขกมากมาย อู่เหมยพาถังหยินฝ่าฝูงชนไปเจอกับเขา นางพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะเกรงใจอยู่บ้าง “ท่านพ่อ นี่คือแม่ทัพถังหยิน!”
“โอ้?” ชายวัยกลางคนหันมามองชายหนุ่มด้วยแววตาเฉียบคม
เขามีขนาดตัวที่ไม่ใหญ่ไปกว่าถังหยินเท่าไหร่นัก
นี่คือผู้นำของตระกูลอู่ อู่หยู
“ข้าน้อยถังหยิน ยินดีที่ได้พบท่านอัครมหาเสนาบดีอู่” อู่หยูคืออัครมหาเสนาบดีมือขวาของแคว้นเฟิง
“หึหึ ข้าได้ยินชื่อเสียงเจ้ามานานแล้วแม่ทัพถัง” และเหมือนกับที่อู่เหมยพูดเอาไว้ อู่หยูเป็นคนที่เข้าหาได้ง่าย ทำให้ใคร ๆ ก็อยากจะพูดคุยกับเขา
“ท่านอู่ก็ชมข้ามากเกินไป มิอาจรับไว้ได้หรอก”ถังหยินตอบอย่างสุภาพ
“หา?” อู่หยูโบกมือพลางหัวเราะ “ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ทัพถัง ป่านนี้ลูกสาวข้าก็น่าจะยังติดอยู่ในเฮอตงอยู่เลย ! ”
ชายหนุ่มไม่ได้กดดันมากเท่าไหร่ เขาหันไปมองอู่เหมย “นี่เป็นเพราะว่าท่านแม่ทัพอู่มากไปด้วยความสามารถและออกคำสั่งได้เฉียบขาดมากกว่า”
ทุกคนที่ได้ยินก็คงจะคิดว่าเขากำลังชื่นชมอู่เหมย แต่จริง ๆ แล้วนางกลับได้ยินเหมือนกับคำกระแหนะกระแหนมากกว่า
ถังหยินยังคงไม่ลืมเรื่องนั้น! อู่เหมยกลอกตามองชายหนุ่ม นางเองก็วางแผนที่จะใช้ถังหยินเป็นเหยื่ออยู่เหมือนกัน แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องในอดีต ตอนนี้นางไม่คิดจะทำเช่นนั้นแล้ว
อู่หยูเองก็รู้สึกสับสน และไม่เข้าใจความหมายของคำพูดที่แท้จริง เขารู้สึกว่าถังหยินยังหนุ่มแน่นและไม่ได้ทะนงตนกับสิ่งที่เขาเคยทำมาเลย ช่างเป็นคนที่หาได้ยากยิ่ง
ปกติแล้วเขาก็ไม่อยากจะให้อู่เหมยกับถังหยินใกล้ชิดกันมากหรอก แต่หลังจากเห็นท่าทีของถังหยินมันก็ทำให้เขาเริ่มเปลี่ยนความคิด
เขาหัวเราะออกมาอย่างพอใจสุดๆ “ไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นหรอก ถ้าต้องการอะไรละก็บอกข้าได้เลย”
“ขอรับท่านอู่!”
แน่นอนว่าเพราะแขกมากมาย ดังนั้นอู่หยูจึงไม่ได้คุยกับถังหยินมากนัก หลังจากพูดกันนิดหน่อยเขาก็ต้องไปรับแขกคนอื่นต่อ
และเมื่ออู่หยูกำลังจะเดินออกไป อู่เหมยก็เข้ามาหาเขา
ถังหยินรู้ดีเลยว่าทำไมนางถึงไม่พอใจ “อะไรล่ะ? ปวดฟันเหรอ?”
อู่เหมยโกรธมาก นางกัดฟันจนปวดไปหมด “เจ้าหมายความว่ายังไงกัน?”
ชายหนุ่มหัวเราะ “แน่นอนว่าข้าต้องชื่นชมท่านสิ!”
“อย่าคิดว่าเราไม่รู้นะ”
“แล้วท่านรู้อะไรล่ะ?”
“เจ้ากำลังปั่นหัวเรา…”
“ท่านพูดเองนะ”
“เจ้า… เจ้า!”
“ฮ่าๆ” ถังหยินหัวเราะออกมาดัง ๆ เมื่อเขาเห็นอู่เหมยเป็นแบบนี้ก็ยิ่งหัวเราะหนักขึ้นไปอีก
งานนี้ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่ถังหยินคิด แน่นอนว่าการมากับอีกฝ่ายมันทำให้เป็นเรื่องที่น่าให้ความสนใจ สายตาที่มองมาด้วยความอิจฉาที่มีต่อถังหยินทำให้เขารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
บุคลิกและท่าทางความคิดของเขาทำให้แตกต่างจากคนทั่วไป ตอนที่งานจบลง มันก็เป็นเวลายามสุดท้ายแล้ว อู่เหมยส่งถังหยินและชิวเจิ้นกลับไป
และเมื่อตอนที่หญิงสาวกำลังจะกลับบ้าน ฉับพลันนางก็นึกขึ้นมาได้พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ใช่แล้ว เราเจอคนที่จะเข้าร่วมกองทหารของเจ้าได้อีก 4 นายแล้ว เราจะส่งพวกเขาไปหาเจ้าพรุ่งนี้นะ”
“ขอบพระคุณอย่างยิ่ง” ถังหยินโบกมือขอบคุณ แล้วบอกลาอู่เหมยพร้อมออกเดินทางไปกับชิวเจิ้น