บทที่ 301
บทที่ 301
แม่ทัพเปิงที่ถูกเรียกว่าแม่ทัพหลีเหลือบมองไปที่องครักษ์คนนั้นแล้วพยักหน้ายิ้มรับ “เจ้าทำได้ดีทีเดียว ตอนนี้กำแพงเมืองฝั่งเหนือกำลังขาดแคลนกำลังพลอย่างมาก ด้วยเพราะการโจมตีจากกองทัพเทียนหยวนนับวันยิ่งรุนแรงขึ้น ดังนั้นแล้วการที่เจ้ามาในครั้งนี้จึงช่วยข้าได้เยอะเลยทีเดียว !”
องครักษ์ผู้นั้นเผยรอยยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อได้รับคำชม “ท่านแม่ทัพหลี ตอนนี้ชาวเมืองต่างพากันซ่อนตัวในเวลากลางวันและออกจากบ้านในตอนเช้าเท่านั้น ดังนั้นข้าก็หวังว่าท่านแม่ทัพจะเข้าใจ ว่าข้าทำสุดฝีมือแล้ว !”
เขาเป็นองครักษ์ส่วนตัวของเกิงฉวน และไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของแม่ทัพที่ดูแลประตูเมือง ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วแม่ทัพผู้นี้ไม่มีอำนาจสั่งการอะไรเขา
“แน่นอน ข้าเข้าใจการทำงานหนักของท่านหลิว แต่เรื่องกำลังทหาร ยังไงข้าก็ต้องรบกวนท่านหลิวด้วยแล้ว !”
“แน่นอน ! ข้ายินดีที่จะช่วยท่านอย่างแน่นอน !”
“ฮ่าฮ่า!” งั้นข้าก็คงต้องขอบคุณท่านล่วงหน้าแล้ว !”
“เกรงใจเกินไปแล้ว ! ข้าจะส่งคนไปให้ท่านอย่างแน่นอน …ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวก่อน !”
“ไปดีมาดี !”
หลังจากที่องครักษ์ผู้นั้นนำกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจากไป แม่ทัพหลีก็พลันถ่มน้ำลายด้วยความโกรธ ก่อนที่จะโบกมือเรียกกลุ่มทหารให้เข้ามา จากนั้นก็ชี้ไปที่ถังหยินและคนอื่น ๆ “รวบรวมอาวุธ นำพวกเขาไปที่กำแพงเมือง !”
“ขอรับ ท่านแม่ทัพ !” พวกทหารไม่รอช้า เดินไปหยิบอาวุธออกมาจากกองแล้วแจกจ่ายให้ถังหยินและคนอื่น ๆ ในทันที
ทางตอนเหนือของเมืองเป็นจุดที่การโจมตีของกองทัพเทียนหยวนรุนแรงที่สุด ดังนั้นการสำรองยุทโธปกรณ์จึงยังคงเพียงพอ ผิดกับอีก 3 ทิศที่แทบไม่มีอาวุธสำรองเหลือแล้ว
ถังหยินได้รับหอกมา เมื่อก้มศีรษะลงดู เขาก็เห็นว่าหอกเปื้อนเลือดจนทำให้ทราบในทันทีเลยว่ามันผ่านอะไรมาเยอะทีเดียว
…เมื่อพวกเขาถูกนำขึ้นกำแพงเมือง แม่ทัพหลียืนดูอยู่ด้านข้างก็พลันร้องตะโกนออกมา เมื่อถังหยินกำลังเดินผ่านไปพอดี “หยุดก่อน !”
หัวใจของถังหยินสั่นสะท้าน เป็นไปได้ไหมที่ฝ่ายตรงข้ามมองทะลุตัวตนของเขา ?
…ถ้าใช่นั่นจะแย่มาก เพราะต้องเข้าใจว่าชายหนุ่มได้แยกร่างเงาออกมาแล้ว และพลังปราณของเขาก็อยู่กับร่างแยกนั่นเสียส่วนใหญ่ ทำให้เรียกได้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้อันตรายอย่างยิ่ง !
แม่ทัพหลีเดินเข้ามาใกล้ก่อนที่จะถาม “เจ้าชื่ออะไร ?”
“ถังชู !” ถังหยินพูดชื่อปลอมของเขาออกไป
“ถังชู ?” แม่ทัพหลีพึมพำกับตัวเอง จากนั้นเขาก็จ้องไปที่ถังหยินโดยไม่กะพริบตาและพูดอย่างแผ่วเบา “ทำไมข้าคุ้น ๆ หน้าเจ้ากันนะ ?”
ในความเป็นจริงเขาไม่เคยเห็นถังหยินมาก่อน แม้แต่ภาพเหมือนก็ไม่เคย อย่างไรก็ตาม เขาเคยได้ยินเรื่องของถังหยินจากคนอื่นมามาก ดังนั้นเขาจึงย่อมรู้สึกคุ้นเคยเป็นธรรมดา !
ความสามารถในการตอบสนองของถังหยินนั้นแข็งแกร่งมาก และแม้ว่าเขาจะรู้สึกประหม่า แต่ก็ไม่มีท่าทีลนลานออกมาแต่อย่างใด
เขายิ้มและพูดว่า “บางทีท่านแม่ทัพคงเคยพบกับข้ามาก่อน !”
แม่ทัพหลีพยักหน้า ในหัวคิดว่าเป็นไปได้เนื่องจากเขาทำงานในเมืองสีไป่มานาน อีกอย่าง รอยยิ้มของชายหนุ่มตรงหน้าก็โดดเด่นยิ่งนัก ดังนั้นหากเคยพบมาก่อนย่อมรู้สึกคุ้นตา
เขาแตะไหล่ของถังหยินแล้วหัวเราะ “ไม่เลวเลย ร่างกายของเจ้าหนุ่มคนนี้แข็งแกร่ง แต่เขาไม่เคยฝึกฝนพลังปราณมาก่อนเนี่ยสิ ช่างน่าเสียดาย !”
เมื่อใช้ร่างเงา ถังหยินก็ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา แม้ว่าอีกฝ่ายจะใช้ตาทิพย์ แต่ก็ยากที่จะบอกได้ว่าเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ !
แม่ทัพหลีโบกมือให้ทหารคนหนึ่ง และสั่งให้อีกฝ่ายเอาดาบส่งมอบให้ถังหยิน “จากนี้ไปเจ้าจะเป็นหัวหน้ากองของพวกเขา ถ้ามีปัญหาอะไร ข้าจะคุยกับเจ้าโดยตรง !”
แม่ทัพคนนี้ตาแหลมยิ่ง ! ถังหยินคิดในใจ แต่ภายนอกเขาก็แสร้งเป็นปลื้มปิติ “ขอบคุณขอรับ ท่านแม่ทัพ ! ขอบคุณ !”
“ไปได้แล้ว !”
“ขอรับ !”
“อ้อใช่ เดี๋ยวพวกเจ้าไปช่วยเคลื่อนย้ายไม้และหินเข้าไปเสริมกำแพงเมืองเสียหน่อยนะ ข้าคิดว่าวันนี้พวกเทียนหยวนจะต้องเข้าโจมตีเมืองอีกครั้งแน่ !”
“รับทราบขอรับ ท่านแม่ทัพ !”
“ดีมาก ! ข้าจะรับเจ้าให้อยู่ในกำลังพลหลักอย่างแน่นอน !”
“เป็นพระคุณอย่างสูงขอรับ ท่านแม่ทัพ !”
ลักษณะที่ปรากฏเทียบเท่าตัวบุคคล ดังนั้นมันจึงง่ายแก่การทิ้งความประทับใจแรกให้กับผู้อื่นได้ง่ายที่สุด และด้วยถังหยินเกิดมาพร้อมรอยยิ้มที่ใครเห็นเป็นต้องลุ่มหลง มันก็ทำให้แม่ทัพคนนี้สังเกตเห็นการดำรงอยู่ของเขาได้อย่างง่ายดายจากกลุ่มคน ก่อนที่จะจัดให้เขาเป็นผู้นำของหน่วยเล็ก ๆ ที่มีกำลังทหารอยู่ด้วยกัน 30 นาย
ซึ่งสิ่งนี้มันก็ทำให้แผนการในอนาคตของชายหนุ่มง่ายขึ้นไปอีกขั้น !
ในอีกด้านหนึ่ง ร่างเงาของถังหยินกำลังเดินไปรอบ ๆ เมือง และเมื่อพบทหารกลุ่มเล็ก ๆ บนถนน ร่างเงาก็จะใช้ออกด้วยวิชาสลับเงาแล้วไปปรากฏตัวต่อหน้าพวกทหารนั่น ก่อนตามด้วยเพลิงแห่งความมืดที่เปลี่ยนให้คนเหล่านั้นกลายเป็นเถ้าถ่านภายในพริบตา
ในฐานะที่ปรึกษาที่เชื่อถือได้ของเกิงฉวน ยูจุนก็นับได้ว่ามีฐานะในระดับหนึ่ง แต่ทว่าที่บ้านที่พักอาศัยของเขานั้น มันกลับดูธรรมดายิ่งนัก !
ถังหยินมองไปที่แผ่นโลหะที่ประตู และยืนยันว่านั่นคือจวนของยูจุน จากนั้นเขาก็พลันเปลี่ยนกลับไปเป็นรูปลักษณ์เดิมแล้วก้าวเท้าเข้าไปใกล้
ไม่นานนักประตูก็เปิดออก ก่อนคนรับใช้หนุ่มคนหนึ่งจะเดินออกมา เขามองไปที่ถังหยินตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยคิดว่าอีกฝ่ายนัดหมายไว้ แต่เมื่อไม่คุ้นหน้าคุ้นตา เขาก็เลยถามออกไปอย่างสุภาพแทน “ท่านกำลังมองหาใครหรือขอรับ”
“ข้ากำลังตามหาท่านยูจุน !” ถังหยินตอบด้วยรอยยิ้ม
“ท่านคือ ?” สำหรับคนรับใช้แล้ว คนตรงหน้าคือคนแปลกหน้าคนหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องสอบถามถึงที่มาของอีกฝ่ายให้ดีเสียก่อน
ถังหยินกล่าวว่า “ข้าเป็นเพื่อนเก่าของนายเจ้า นามว่าถัง”
“ขอโทษด้วยนะ แต่นายของข้าไม่เคยบอกว่ามีสหายนาม ‘ถัง’ !”
“ฮ่า ๆ!” ถังหยินหัวเราะและกล่าวว่า “เขาต้องอยากพบข้าแน่ ๆ ด้วยข้ามีเรื่องสำคัญมากที่จะต้องหารือกับเขา มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและความตายของทหารหลายหมื่นคน กับพลเมืองหลายแสนคนในเมืองซีไป่ !”
คนรับใช้ในบ้านตกใจกับน้ำเสียงของถังหยิน จึงรีบเอ่ยว่า “โปรดรอสักครู่” แล้ววิ่งกลับเข้าไปในจวน ก่อนที่ไม่นานนัก อีกฝ่ายจะวิ่งกลับมาพร้อมโค้งคำนับให้ถังหยินและกล่าวว่า “นายท่านเชิญให้เข้าไปข้างในขอรับ !”
ถังหยินยิ้มและพยักหน้า จากนั้นก็เดินตามคนรับใช้เข้าไป
เขาถูกพามาที่ห้องโถงใหญ่ของจวน ซึ่งมันก็เป็นเพียงห้องรูปทรงสี่เหลียมจัตุรัสที่มีการตกแต่งเรียบง่าย มีกลิ่นของหนังสืออบอวลไปทั่ว และผนังของห้องโถงก็เต็มไปด้วยภาพวาดมากมายที่ถูกแขวนเอาไว้เท่านั้น
…ตรงกลางห้องโถงนั่น มีชายวัยกลางคนซึ่งดูเหมือนจะมีอายุระหว่างสามสิบถึงสี่สิบปีรออยู่ เขามีใบหน้าขาว เคราดำบางตาและจมูกโด่ง
ถังหยินเดินเข้าไปใกล้ชายวัยกลางคนมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากมองไปที่ถังหยินสองสามครั้ง ชายวัยกลางคนก็พลันขมวดคิ้วและพูดออกมาอย่างแผ่วเบา “ข้าไม่รู้จักเจ้า ดังนั้นเจ้ามีเหตุผลอันใดกันถึงต้องแอบอ้างเช่นนี้ ?”
ถังหยินไม่ตอบคำถามนั้น “ท่านคือยูจุนสินะ ?”
“ใช่ ข้าเอง !”
“ข้ามีเรื่องที่ต้องการจะบอกท่าน !” ขณะที่พูด ถังหยินก็ได้หันมองทางซ้ายและขวาไปยังคนรับใช้ด้านหลัง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “มันเป็นเรื่องสำคัญมาก !”
ยูจุนเกิดมาเพื่อเป็นกุนซืออย่างแท้จริง เขาฉลาด และเข้าใจได้ในทันทีว่าถังหยินหมายถึงอะไร ทว่าเขาก็ไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของถังหยิน ดังนั้นจึงไม่กล้าประมาท “คนรับใช้พวกนี้ไว้ใจได้ ถ้ามีอะไรที่อยากจะพูดก็ว่ามาได้เลย”
ถังหยินตรงเข้ามาหายูจุน ทำให้ฝ่ายหลังตกใจและมองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ก่อนถังหยินจะโน้มตัวเข้าใกล้และกระซิบข้างหูอีกฝ่าย “ข้าคือถังหยิน ตอนนี้ข้าว่าท่านควรจะให้พวกเขาออกไปได้แล้ว !”
เมื่อได้ยินคำนั้น หัวของยูจุนก็เหมือนถูกกระแทก ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปจนเผลอยืนขึ้นโดยไม่รู้ตัวและจ้องไปที่ถังหยินอยู่อย่างงั้นพร้อมกับปากที่อ้าค้าง “เจ้า…เจ้าคือ… ?”
ถังหยินตัดบท พูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว ! ท่านเข้าใจไม่ผิดหรอก !”
ถังหยิน ? แม่ทัพใหญ่ของกองทัพเทียนหยวนปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขา นี่เป็นเรื่องที่นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ! เมื่อยูจุนได้สติ ปฏิกิริยาแรกของเขาคือการถอยหนีด้วยความตกใจกลัว จนทำให้ล้มลงไปบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้คนรับใช้ทั้งซ้ายและขวาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นและกำลังจะก้าวเข้ามาช่วยพยุง ทว่าก็เป็นถังหยินที่รีบรับตัวยูจุนแล้วหัวเราะออกมา “ท่านยูจุนไม่จำเป็นต้องกลัว ข้าไม่ได้มาที่นี่เผื่อจัดการท่านหรอก ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนฉลาดเพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรโง่ ๆ! ”
ภายใต้การคุกคามของถังหยิน ยูจุนก็ได้แต่จ้องไปที่ชายหนุ่มแล้วถอนหายใจออกมา พร้อมกับโบกมือไปทางคนรับใช้ทั้งซ้ายและขวา ปากพูดว่า “พวกเจ้าออกไปก่อน”
“นายท่านขอรับ !”
คนรับใช้พากันหันมองไปที่ถังหยินอย่างระแวง พวกเขาตั้งท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ลังเลที่จะพูดออกไป
“ออกไป !” ยูจุนเน้นย้ำ
พวกคนรับใช้ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากออกจากห้องโถงอย่างช้า ๆ ตามคำสั่งของยูจุน
ยูจุนไม่ใช่คนงี่เง่า เขารู้แน่ชัดว่าหากถังหยินต้องการเอาชีวิตตนเองจริงๆ แค่คนรับใช้เพียงไม่กี่คนก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดเขา
ยังไงเสียถังหยินเป็นผู้ใช้ศาสตร์มืดที่เก่งกาจ เขาสามารถมาและไปได้ทุกเมื่อ แล้วจะนับประสาอะไรกับจวนหลังเล็ก ๆ แห่งนี้ นอกจากนี้ความจริงที่ว่าถังหยินสามารถแทรกซึมผ่านเมืองสีไป่ได้ มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนหวาดกลัว เพราะมันแสดงให้เห็นว่าเขาทรงพลังเพียงใด !
หลังจากที่คนรับใช้จากไป ยูจุนก็พลันสงบลงและดูไม่หวาดกลัวอีกต่อไป เขามองไปที่ถังหยิน ก่อนจะถามทีละคำออกมาว่า “บอกให้ข้ารู้หน่อย เจ้ามาหาข้าทำไม…”