บทที่ 343
บทที่ 343
ทหารยามพาเจียงหลูออกจากเต็นท์หลังใหญ่ไป ก่อนจะเป็นหยวนเปียวที่พูดออกมาอย่างเย็นชา “เจียงหลูมันชักจะล้ำเส้นเกินไปแล้ว !!”
ถังหยินเองรู้สึกเช่นกันว่าเจียงหลูทำเกินไป แต่ตอนนี้อีกฝ่ายยังคงมีประโยชน์ ดังนั้นแล้วถึงแม้คนผู้นี้จะน่ารังเกียจ แต่ชายหนุ่มก็ทำได้เพียงอดทน
หลังจากนั้นไม่นาน จีหยิงก็กลับมาพร้อมกับจดหมาย ก่อนที่เขาจะยื่นให้กับหลีเทียนและคว้าจับมืออีกฝ่ายพร้อมพูดออกมา “ชีวิตของคนในตระกูล ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ข้าขอฝากไว้กับท่านด้วย !”
การแสดงออกของหลีเทียนเปลี่ยนเป็นจริงจัง “แม่ทัพจีหยิงไม่ต้องกังวล ข้าจะทำให้ดีที่สุด”
“ขอบคุณ… ขอบคุณจริง ๆ!”
หลังจากที่จีหยิงคุยกับหลีเทียนเสร็จ เขาก็หันไปโค้งคำนับให้กับถังหยินและพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ “ถ้ามันเป็นการหยาบคายเกินไปก่อนหน้านี้ ได้โปรดอย่าถือโทษโกรธข้าเลย”
ถังหยินแอบพยักหน้าเล็กน้อย ความสามารถของจีหยิงไม่เพียงแต่โดดเด่น แต่บุคลิกของเขายังอ่อนน้อมถ่อมตนและเป็นมิตรอีกด้วย
ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “นั่งก่อนเถอะ ท่านแม่ทัพ !”
“ขอรับ !”
หลีเทียนไม่กล้าชักช้าแม้แต่น้อย เขารีบส่งข้อความไปยังกลุ่มเนตรเวหาด้วยนกพิราบในคืนนั้นทันที !
…หลังจากได้รับข้อความที่ว่า กลุ่มเนตรเวหาก็รวมตัวกันก่อนจะมุ่งตรงหาไปยังจวนตระกูลจี และด้วยมีจดหมาย ทุกอย่างจึงเป็นไปอย่างราบรื่น โดยไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
สมาชิกในครอบครัวของจีหยิงได้รับการคุ้มครองจากกลุ่มเนตรเวหาเป็นเวลา 2 วันแล้ว ก่อนที่ในวันดังกล่าวจะมีข่าวเรื่องจีหยิงยอมจำนนแพร่เข้ามาในเมือง !
อันที่จริงการยอมแพ้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ สิ่งที่สำคัญคือกองทัพเปิงทั้ง 7 หมื่นนั่น ! ด้วยเมื่อเป็นเช่นนี้ มันก็ทำให้ซ่งเทียนมีกำลังทหารไว้รับมือพวกถังหยินอยู่แค่เพียงแสนนายเท่านั้น !!!
…ตอนแรกที่ทราบข่าวครั้งแรก ซ่งเทียนก็พลันรู้สึกโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก เขาไม่รอช้า ร้องสั่งให้ทหารองครักษ์เข้าสังหารครอบครัวของจีหยิงในทันที !
ทว่าเมื่อพวกทหารองครักษ์ไปถึง พวกเขากลับพบว่าสถานที่แห่งนั้นว่างเปล่า ไร้ซึ่งผู้คน ทำให้ซ่งเทียนที่รู้จากการรายงานถึงกับกัดฟันแทบแตก เขาโกรธจนเผลอกำหมัดแน่น เพราะว่ามันไม่จำเป็นต้องถามเลย ฝ่ายตรงข้ามได้วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว ด้วยถ้าไม่เช่นนั้น งั้นแล้วครอบครัวของเขาจะหายไปได้อย่างไร ?
ในเวลานี้ที่ปรึกษาทุกคนที่อยู่ภายใต้คำสั่งของเขาเริ่มวิตกกังวล ทำให้พวกเขาต่างก็ก้าวไปข้างหน้าทำความเคารพ ขณะที่กล่าวว่า “ท่านอ๋องขอรับ เนื่องจากมันกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว พวกข้าว่าอีกไม่นานพวกมันจะต้องมาถึงเมืองหยานอย่างแน่นอน ดังนั้นแล้วโปรดตัดสินพระทัยด้วยเถอะขอรับ !”
ใบหน้าของซ่งเทียนแดงก่ำ หนวดเคราสีขาวของเขาสั่น เช่นเดียวกับคิ้วที่ขมวดแน่น “ตัดสินใจอะไร ?”
“กองทัพของเรา… ควรสู้หรือจะถอยขอรับ ?” อันที่จริงพวกกุนซือต้องการจะบอกว่าพวกเขาควรหนีไป แต่พวกเขารู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมที่จะพูดแบบนั้น
“ถอนตัว ? จะบอกว่าข้าควรยอมจำนนต่อพวกกบฏชั้นปลายแถวนั่นน่ะเหรอ !!” ใบหน้าของซ่งเทียนเขียวคล้ำไปด้วยแรงโทสะ เขามองไปยังที่ปรึกษาพวกนั้นและถาม “พวกเจ้าคงจะคิดแบบเดียวกับไอ้สวะจีหยิงนั่นสินะ !?”
ทุกคนคุกเข่าลงบนพื้น โค้งคำนับให้ชายชราขณะพูดตะกุกตะกัก “ท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ เราไม่มีทางยอมเข้าเป็นพวกกับกองทัพเทียนหยวนแน่นอนขอรับ !”
แม้แต่จีหยิงที่เขาไว้วางใจและให้ความสำคัญก็ยังย้ายข้างไปเข้ากับกองทัพเทียนหยวน งั้นแล้วคนพวกนี้เล่า… มีใครบ้างที่ไว้ใจได้ ?
แท้จริงแล้วซ่งเทียนต้องการจะอยู่ต่อ แต่เมื่อกองทัพเทียนหยวนหลายแสนกำลังใกล้เข้ามา พวกตนจะสามารถต้านทานมันได้ด้วยกำลังทหารเท่าที่มีไหม ?
เมื่อเห็นท่าทางลังเลบนใบหน้าของซ่งเทียน พวกกุนซือก็ต่างมองหน้ากัน ก่อนเป็นคนหนึ่งที่กล่าวขึ้น “ข้าน้อยว่าเราควรมุ่งเน้นไปที่เรื่องใหญ่ก่อน ในเมื่อกองทัพเทียนหยวนเข้าใกล้มาเรื่อย ๆ เช่นนี้ เราก็ควรอย่าฝืนต้านและถอยทัพไปที่เมืองหวันก่อน !”
เมืองหวันเป็นเมืองที่ใกล้ที่สุดกับเมืองหยาน มันตั้งอยู่ทางทิศใต้ห่างออกไปไม่ถึงร้อยลี้ ซึ่งที่แห่งนั้นก็น่าจะพอต้านทานกองทัพเทียนหยวนได้ ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงคิดว่าการอยู่ในสถานการณ์ที่แห่งนั้นจะปลอดภัยกว่ามาก และหลังจากซ่งเทียนได้ยินดังนั้น เขาก็รู้สึกว่าความคิดนี้ไม่เลวเลย !
เขาเผยสีหน้าลำบากใจ พูดแผ่วเบา “แต่ในสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้ ในฐานะของอ๋อง ข้าควรที่จะหนีอย่างนั้นเหรอ ?”
“ไม่ ! ไม่ ! ไม่เลยขอรับ !” ที่ปรึกษารีบพูดแก้ “นี่ไม่ใช่การหนีโดยไม่มีการต่อสู้ แต่เป็นการถอยไปตั้งหลักชั่วคราว แล้วเราค่อยรวบรวมไพร่พลมาตลบหลังพวกกบฏทีหลัง !”
“อืม !” ซ่งเทียนพยักหน้าด้วยความรู้สึกพอใจ เขามองไปที่แม่ทัพด้านซ้ายมือและถามว่า “ถ้าอย่างนั้นใครจะประจำการอยู่ที่นี่เพื่อที่จะรั้งพวกกบฏเอาไว้ ?”
หลังจากซ่งเทียนพูดจบ ทั้งห้องโถงใหญ่ก็พลันเงียบกริบไม่มีการตอบกลับแม้แต่คำเดียว
…ในเวลานี้ใครจะยังเต็มใจที่จะอยู่ในเมืองหยานอีก ? ใครล่ะจะไม่อยากติดตามซ่งเทียนไปที่เมืองหวัง ? การอยู่ต่อนั้นไม่ต่างอะไรกับการเอาชีวิตไปทิ้งเลยแม้แต่น้อย
หลังจากรอสักพัก เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบกลับ ซ่งเทียนก็พลันขมวดคิ้วและถามว่า “แม่ทัพคนไหนที่เต็มใจจะอยู่ในเมืองหลวง ?”
เมื่อยังคงเป็นเช่นเดิม ด้วยไม่มีใครตอบกลับ ซ่งเทียนก็พลันสะกดกลั้นความโกรธเอาไว้ไม่ได้อีก เขาลุกขึ้น ใช้มือกระแทกโต๊ะอย่างแรง และชี้ไปที่คนเหล่านั้น “ไอ้พวกเศษเดน !ในตอนนี้พวกเราต้องการผู้เสียสละ แล้วทำไมพวกเจ้าถึงกลัวเป็นเต่าหัวหดแบบนี้ !?”
ภายใต้การปรามาสของซ่งเทียน แม่ทัพทุกคนพากันลดศีรษะลง จากนั้นก็มีใครบางคนก้าวไปข้างหน้าและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าจะทำเองขอรับ !”
ปรากฏว่าคนที่พูดไม่ใช่ใครอื่น นอกจากลูกชายคนโตของซ่งเทียน นามว่าซ่งอู๋ !
เขาเป็นลูกชายซ่งเทียนโปรดปรานที่สุด และเป็นคนเดียวที่เขาสามารถไว้วางใจได้ แต่ถ้าปล่อยให้อีกฝ่ายเฝ้า มันจะปลอดภัยแน่หรือ ?
หลังจากหายใจเข้าลึก ๆ ใบหน้าของซ่งเทียนก็พลันมืดลงและพูดอย่างเย็นชา “แม่ทัพทุกคนในราชสำนักล้วนเป็นผู้อาวุโสมากประสบการณ์ แล้วเจ้าเล่า ? เจ้ารู้วิธีในการบัญชากองทัพ หรือเรื่องพิชัยสงครามอย่างนั้นเหรอ ?”
ซ่งอู๋นั้นต้องการจะโต้แย้ง แต่ซ่งเทียนกลับโบกมือและตะโกนว่า “สงครามไม่ใช่เรื่องเด็กเล่น กลับไปเสีย !”
เฮ้อ ! ซ่งอู๋ถอนหายใจ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอย
และเมื่อเห็นว่าเรื่องเป็นเช่นนี้ไปแล้ว ซ่งเทียนก็ไม่รอให้พวกแม่ทัพอาสาอีก เขาเรียกคนที่นึกชื่อออกในตอนนี้ทันที “แม่ทัพหลี่ฉี !”
“ข้าน้อยอยู่ !” ตามคำสั่ง เขารีบเดินไปข้างหน้า
“แม่ทัพเสี่ยวฮุ่ย !”
“ขอรับ !”
“แม่ทัพเย่เฉิง !”
“ขอรับ !”
“รองแม่ทัพหวางซ่ง !”
“ขอรับ !”
ซ่งเทียนชี้ไปยังนายทหาร 8 คน ที่ประกอบไปด้วยแม่ทัพใหญ่ รองแม่ทัพ และนายกอง ก่อนจะพูดว่า “พวกเจ้านำกำลังไป 8 หมื่นนาย ทำหน้าที่เฝ้ารักษาเมืองหลวง จงทำงานร่วมกันให้ดี อย่าให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ! ”
หลังจากที่ซ่งเทียนพูดจบ พวกเขาทั้ง 8 ก็ไม่พูดอะไรสักคำ ปล่อยให้เหงื่อเย็นไหลลงตามร่างกายของพวกเขาทั้งอย่างงั้น
ดวงตาของซ่งเทียนส่องแสงที่น่ากลัว และเขาถามว่า “ทำไม ? หรือว่าพวกเจ้าไม่เต็มใจที่จะยอมรับคำสั่ง ?”
พวกเขาทั้งแปดต่างตกตะลึง และไม่กล้าลังเลอีกต่อไป ทุกคนพากันคุกเข่าลงแล้วพูดว่า “รับทราบขอรับ !”
“ดีมาก !” เมื่อเห็นเช่นนี้ซ่งเทียนก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจและหัวเราะ “ข้าจะรอฟังข่าวดีจากพวกเจ้า !”
“ขอรับ ท่านอ๋อง !”
…อันที่จริงมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะชนะ พวกเขามีกำลังเพียง 8 หมื่น ผิดกับอีกฝ่ายที่มีเป็นแสน ๆ และเพียงแค่นี้ ก็คงไม่ต้องพูดแล้วว่าการป้องกันในครั้งนี้มันน่าสิ้นหวังขนาดไหน !!
“เพื่อความปลอดภัยของครอบครัวพวกเจ้า ข้าจะนำพวกเขาไปยังเมืองหวันด้วย”
ความหมายของอ๋องชราชัดเจน เขาต้องการจับครอบครัวของคนทั้งแปดไว้เป็นตัวประกัน เพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์แบบจีหยิงอีกครั้ง !!!
ถึงแม้ในใจจะสาปแช่งคนตรงหน้า แต่เปลือกนอกพวกเขาก็ยังแสดงความเคารพต่อหน้าอย่างถึงที่สุด ไม่เพียงแต่จะไม่บ่น พวกเขายังต้องก้มหน้าและแสดงความขอบคุณต่อซ่งเทียน
ในที่สุดซ่งเทียนก็ยอมรับคำแนะนำของที่ปรึกษา นำเหล่าสนม และขุนนาง กับทหารอีก 2 หมื่นนายหลบหนีไปยังเมืองหวัน
…หลังจากการย้ายไปเมืองหวัน ตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจหลายตระกูลที่เป็นพันธมิตรกับซ่งเทียนก็ติดตามไปด้วย เป็นผลให้เมืองหยานกลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่าในทันที !
หลังจากที่ถังหยินทราบข่าว เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าชิวเจิ้นคาดเดาได้แม่นยำยิ่ง ! และมันก็ขาดอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ถ้าหากอีกฝ่ายคิดหนีไปทางเส้นทางบาละก็ พวกมันจะได้พบกับทางตันอย่างแน่นอน !!!