บทที่ 367
บทที่ 367
จี้หยางกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เป็นไปไม่ได้ที่จางซ่งจะเป็นคนของซ่งเทียน ข้าสามารถรับประกันได้ การที่อาศัยแค่คำสารภาพของแม่ทัพเปิงนั่น …มันเป็นการด่วนตัดสินมากเกินไป !”
“ด่วนตัดสิน ?” ถังหยินหัวเราะ แต่เสียงหัวเราะนั่นมันน่ากลัวยิ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะเคาะหนังสือเปื้อนเลือดบนโต๊ะเบา ๆ ด้วยนิ้วของเขาและพูดช้า ๆ “ในความคิดของข้า สิ่งนี้เป็นหลักฐาน และมันก็ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบใด ๆ เพิ่มเติมอีก แม่ทัพใหญ่จี้หยาง คำพูดของท่านมันช่างไร้น้ำหนักสิ้นดี !” พูดจบ ถังหยินก็พลันหันศีรษะไปยังลานกว้าง “ประหารชีวิต !”
พวกเพชฌฆาตจะไม่สนใจว่าคนคนนั้นมีความผิดจริงหรือไม่ ตราบใดที่มีคำสั่ง พวกเขาก็จะดำเนินการ ดังนั้นแล้วเมื่อสิ้นเสียงของชายหนุ่ม พวกเพชณฆาตก็พากันยกชูดาบขึ้นสูง พร้อมกับเล็งมันไปที่ลำคอของจางซ่งและคนในครอบครัว จากนั้นจึงฟาดฟันลงมาอย่างรุนแรง !!!
ฉับ !
หลังจากสิ้นเสียง ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็พลันหยุดลงไปพร้อมกับหัวที่กลิ้งไปบนพื้น โลหิตที่ฉีดพุ่ง และร่างที่ล้มลง….
สุดท้ายแล้ว คนทั้ง 20 คน ไม่ว่าจะเป็นเด็ก คนแก่ ผู้หญิง หรือว่าผู้ชาย พวกเขาทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่เสียชีวิตลงเพราะถูกแยกศีรษะออกจากร่างทั้งสิ้น
เหลียงซิง อู่หยู และจี้หยางที่นั่งอยู่ในห้องโถงสามารถมองเห็นทุกสิ่งได้อย่างชัดเจน ซึ่งพวกเขาทุกคนก็ได้แต่อ้าปากค้างในใจ ด้วยไม่ว่ายังไง จางซ่งก็ถือเป็นขุนนางระดับสูงคนหนึ่ง ทว่าเขากลับถูกถังหยินสังหารลงอย่างง่ายดาย ..แล้วแบบนี้จะไม่ให้พวกเขาหวาดกลัวได้อย่างไร ?
ถังหยินหัวเราะ ก่อนจะหันศีรษะจ้องมองไปยังเหลียงซิงและอีกสองคนพลางกล่าวว่า “ใครก็ตามที่ถูกจับโดยซ่งเทียนและยังไม่ถูกประหารชีวิตจะถูกสงสัยว่าสมรู้ร่วมคิดกับศัตรู ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยและความมั่นคงของแคว้น !”
เมื่อได้ยินคำเหล่านี้ เหลียงซิง อู่หยูและจี้หยางก็พลันตัวสั่นเทา ด้วยแม้ว่าคำพูดของถังหยินจะไม่ได้ฟังดูเหมือนว่ากำลังพูดถึงตัวเอง แต่สำหรับพวกเขาแล้ว มันฟังดูเหมือนว่าชายหนุ่มกำลังจะกำลังบอกอะไรบางอย่างกับตน
“ท่านถัง ?” ในเวลานี้ท่าทีของจี้หยางดูอ่อนลง เขามองไปที่ชายหนุ่ม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
…ถังหยินที่เห็นเช่นนั้นหัวเราะออกมาดัง ๆ และกล่าวว่า “ท่านทั้งสาม โปรดอย่าเข้าใจผิดไป ข้าไม่ได้บอกว่าพวกท่านอยู่ฝ่ายศัตรู ท่านทั้งสามเป็นคนซื่อสัตย์ และยังเป็นเสาหลักของแคว้น ดังนั้นแล้วพวกท่านจะมีความสัมพันธ์กับคนทรยศอย่างซ่งเทียนได้อย่างไร จริงไหม ?”
“ใช่แล้ว ๆ เป็นอย่างที่ท่านถังว่าเลย” จี้หยางกลืนน้ำลายของเขา และเช็ดเหงื่อเย็นที่ซึมเต็มใบหน้า
“มาเถิดท่านแม่ทัพใหญ่จี้หยาง ! หมดแก้ว !!” เมื่อพูดอย่างนั้น ถังหยินก็พลันยกจอกสุราของเขาไปทางจี้หยาง
จี้หยางไม่ต้องการดื่มเลยในเวลานี้ แต่ฉากของจางซ่งที่ถูกประหารชีวิตทั้งครอบครัวยังคงสดใหม่อยู่ในใจของเขา ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะมือสั่นระริกขณะยกจอกสุราขึ้นและฝืนยิ้ม “ท่านถัง ! ได้โปรดเมตตา !”
อันที่จริงแล้วบันทึกเปื้อนเลือดที่ถังหยินนำออกมานั้นไม่ได้เขียนโดยแม่ทัพเปิง แต่เหตุที่จางซ่งต้องตายก็เป็นเพราะถังหยินต้องการให้เป็นแบบนั้น !
ชายหนุ่มกลัวว่าถ้าเหลียงซิง อู่หยู และจี้หยางที่กลับเมืองหลวงมาจะทำการกีดกันและยึดอำนาจไป ดังนั้นเขาจึงสร้างเรื่องนี้ขึ้น เพื่อขู่และบอกว่าคนทั้งสามให้เข้าใจ ว่าใครกันแน่คือคนที่กุมอำนาจในการสังหารอย่างแท้จริง !!!
…สำหรับจางซ่ง เขาเป็นแค่เพียงคนโชคร้ายที่ถูกเลือกโดยถังหยินก็เท่านั้น !
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทำให้เหลียงซิง อู่หยู และจี้หยางหวาดกลัวอย่างแท้จริง โดยเฉพาะจี้หยางที่ความกล้าหายไปจนเกือบหมด และถูกแทนที่ด้วยอาการตัวสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม
บรรดาแม่ทัพนายกองและกุนซือที่ปรึกษาของชายหนุ่มพากันเพลิดเพลินกับอาหารมื้อนี้อย่างมีความสุข สวนทางกับเหลียงซิงและจี้หยางที่ทำตัวไม่ถูก พวกเขาได้แต่ภาวนาให้งานเลี้ยงครั้งนี้จบลงโดยเร็ว !
หลังจากที่ขุนนางใหญ่ทั้งสามกลับมา ราชสำนักใหญ่ของแคว้นเฟิงก็ได้รับการจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ บรรดาขุนนางทั้งหลายที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งโดยซ่งเทียน พวกเขาทั้งหมดล้วนกลับสู่ตำแหน่งเดิม …อันที่จริง ส่วนใหญ่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งด้วยซ้ำ !
เดิมทีกองทัพเทียนหยวนเป็นกองทัพระดับมณฑลเท่านั้น ทว่ามาตอนนี้ ทั้งเหล่าแม่ทัพนายกอง และกุนซือที่ปรึกษา พวกเขาต่างก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของทัพหลวงไปแล้ว ! ทำให้ตำแหน่งของคนเหล่านี้ก้าวกระโดดขึ้นอย่างรวดเร็ว
…ส่วนตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพหลวงใหม่นี้ แน่นอนว่ายังคงเป็นถังหยินเหมือนเดิม !
ที่จริงไม่ใช่เพราะไม่ต้องการให้ถังหยินเลื่อนตำแหน่ง แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถหาตำแหน่งทางการที่เหมาะสมกับชายหนุ่มได้ ด้วยอันที่จริงแล้วอีกฝ่ายนั้นควรจะขึ้นเป็นอ๋องด้วยซ้ำไป !
ทว่าโดยส่วนตัวแล้ว ถังหยินนั้นไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด เพราะเขานั้นรู้ดี… ว่าถ้าต้องการรางวัลชิ้นงาม งั้นแล้วก็ต้องใจเย็น !!! และขอแค่กุมอำนาจทางการทหารไว้ในมือ เพียงเท่านี้ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว เพราะมันเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น ที่เขาจะได้ขึ้นเป็นอ๋อง !
เมื่อมีการจัดตั้งราชสำนักขึ้นใหม่ พวกเขาก็ได้ส่งจดหมายไปยังผู้ว่ามณฑลที่บอกปัดไปก่อนหน้าอีกครา ว่าถ้าเต็มใจเข้าร่วม งั้นแล้วทางแคว้นเฟิงก็จะปล่อยผ่านเรื่องเก่าก่อนไป
…ถึงแม้ว่าผู้ว่าทั้งเจ็ดจะกล้าบอกปัดถังหยินเมื่อครั้งก่อน แต่ครานี้จดหมายที่ส่งไปได้ลงท้ายด้วยนามของเหลียงซิง อู่หยู และจี้หยาง มันก็เลยกลายเป็นคนละเรื่องไปแล้ว เพราะถ้าหากคนทั้งเจ็ดไม่ไป งั้นแล้วพวกเขาก็จะเจอเข้ากับปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน !
และก็เพราะแบบนี้เอง ทันทีที่พวกเขารู้ว่าจดหมายมาจากไหน คนทั้งเจ็ดก็ไม่รอช้า รีบทำการเขียนจดหมายตอบกลับไปในทันที โดยในเนื้อความได้บอกไว้ว่า พวกเขานั้นยินดีที่จะรับข้อเสนอดังกล่าว !!!
ครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดผู้ว่าทั้งเจ็ดก็ได้มาถึงเมืองหยานแล้ว ! และด้วยไม่อยากล่าช้า ถังหยินจึงได้ทำการเชิญพวกเขาทั้งหมดให้มาร่วมงานเลี้ยงในคืนนั้นเลย !
มาตอนนี้ …จวนที่เขายึดครองกลายเป็นที่รู้จักกันในชื่อจวนถังหยินไปแล้ว ด้วยเพราะภายนอกที่พักอาศัยนั้น มักมีทหารเฟิงสวมใส่เกราะสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนยืนอยู่ที่นั่น !
และเมื่อผู้ว่าทั้งหลายมาที่งานเลี้ยง สิ่งที่พวกเขาเห็นตรงหน้าก็ถึงกับทำให้คนทั้งเจ็ดสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม
ด้วยในลานบ้าน แค่เพียงทางเดินทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยทหารจากกองทัพหลวงแล้ว ! อีกทั้งคนพวกนี้ก็ยังใส่ชุดเกราะเต็มยศ รวมไปถึงถือหอกยาวไว้ในมือ เหน็บดาบไว้ที่เอว และเก็บธนูยาวไว้ที่หลังของพวกเขาด้วย !
ภาพตรงหน้าทำให้ผู้ว่าทั้งเจ็ดพร้อมใจกันเช็ดเหงื่อเย็น ๆ ที่หน้าผากขณะที่พวกเขาเดินไป และยิ่งพวกเขาก้าวลึกเข้าไปมากเท่าไหร่ ความรู้สึกภายในก็ยิ่งร้องเตือน ว่าพวกเขาได้ตายที่นี่เป็นแน่ !!!
พวกเขาเดินผ่านกลุ่มของกองทัพเฟิงด้วยความยากลำบากไปได้สำเร็จ และในที่สุดก็มาถึงทางเข้าห้องโถงใหญ่แล้ว ทว่าก่อนที่จะเข้าไป คนทั้งเจ็ดก็พลันได้เสียงหัวเราะดังขึ้นมาเสียก่อน และเมื่อมองไป พวกเขาก็ได้เห็นเข้ากับชายวัยกลางคนที่มีอายุราว ๆ 30 ปี ผู้มีท่าทีสง่า ผอม สูง และใบหน้าหล่อเหลาคมคายเดินออกมาต้อนรับ
“ทุกคนเชิญทางนี้ ข้าคือหยวนจี้ !” ชายวัยกลางคนยกมือทักทายทุกคน
ที่แท้คนคนนี้ก็คือหยวนจี้ ! อันที่จริงผู้ว่าทั้งเจ็ดเคยได้ยินชื่อเรื่องของคนตรงหน้ามาบ้างไม่มากก็น้อย เพราะแม้ว่าหยวนจี้จะไม่ใช่แม่ทัพที่เข้าร่วมการต่อสู้ แต่เขาคนนี้ก็ถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญ ! เพราะคนผู้นี้นั้น คือคนที่ค่อยบริหารจัดการมณฑลทั้งหมดที่อยู่ภายใต้การครอบครองของถังหยิน !
“ยินดีอย่างยิ่งที่ได้พบ ท่านหยวนจี้ !”
ผู้ว่าทั้งเจ็ดพากันแสดงความเคารพให้กับหยวนจี้
“ฮา ฮา ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ เข้ามาได้เลย นายท่านรออยู่นานแล้ว !”
ว่าแล้วหยวนจี้ก็พลันหันกลับไป ปล่อยให้ผู้ว่าทั้งเจ็ดเดิมตามเข้าไปในห้องโถงใหญ่
ภายในนั้น ถังหยินกำลังนั่งอยู่ตรงกลางห้องโถงโดยมีโต๊ะและหมอนอิงมากกว่ายี่สิบใบวางอยู่ทั้งสองข้าง และนอกเหนือจากผู้ว่าทั้งเจ็ด ส่วนที่เหลือทั้งหมดต่างก็ถูกจับจองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว !
เมื่อเห็นว่าแขกเข้ามาแล้ว ถังหยินที่นั่งอยู่ก็ไม่ได้ยืนขึ้นเพื่อต้อนรับแต่อย่างใด ชายหนุ่มเพียงโบกมือและยิ้มให้ “ขอบคุณทุกท่านมากแล้ว ที่มาเยือนยังจวนอันต่ำต้อยของข้าคนนี้ ! ”
คำพูดของถังหยินฟังดูถ่อมตน แต่เมื่อผู้ว่าทั้งเจ็ดได้ยิน พวกเขากลับหัวใจสั่นสะท้านแทนเสียอย่างงั้น และที่เป็นแบบนี้ ก็เพราะพวกตนเคยบอกปัดจดหมายที่ถังหยินส่งมาเมื่อครั้งก่อนหน้า !!!
ดังนั้นพวกเขาทั้งเจ็ดจึงได้แต่ตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะตั้งสติได้ และรีบโค้งคำนับพร้อมกล่าวว่า “ท่านถัง ขออภัยที่พวกเราล่าช้าขอรับ !”