หม่ากงกงกล่าวด้วยความหวาดกลัว “รอบต่อไปประลองหมากกัน เทพหมากกระดานได้เสนอหมากหลิงหลง หากผู้ใดที่อยู่การประลองสามารถแก้หมากหลิงหลงของเทพหมากกระดานได้ ก็จะเป็นผู้ชนะ”
กู้ชูหน่วนเกาเข้าที่ใบหูแล้วกล่าวด้วยความสงสัย “ผู้ท้าชิงคือข้ามิใช่รึ ทำไมถึงกลายเป็นตาเฒ่าหมากกระดานไปได้ล่ะ”
“เอ่อ……”
หม่ากงกงอยากจะตบเบา ๆ เตือนสตินาง
หมากหลิงหลงของเทพหมากกระดานนี้ สิบปีมาแล้วยังไม่เคยมีผู้ใดสามารถแก้ได้ ที่เทพหมากกระดานมาราชวิทยาลัยครั้งนี้ คงอยากจะมาหาอาจารย์ซ่างกวนเพื่อเดินหมากด้วยกัน แต่ว่าอาจารย์ซ่างกวนไม่ตอบรับคำเชิญ เทพหมากกระดานจึงจำต้องเข้าร่วมงานชุมนุมโต้วเหวิน เพื่อดูว่าจะมีผู้ใดสามารถแก้ได้หรือไม่
หมากกระดานนี้ ต่อให้อาจารย์ซ่างกวนกับคุณชายอี้จะร่วมเดินหมากด้วยกัน ก็ใช่ว่าจะสามารถแก้ได้ และไม่กล่าวไม่ได้ว่าคุณหนูสามนั้นก็โอหังเกินไปแล้ว
เทพหมากกระดานลูบเคราสีขาวแล้วหัวเราะดังฮ่า ๆ “นางหนู ข้าจะไม่เอาเปรียบเจ้า ขอเพียงเจ้าสามารถเดินหมากได้สามตา รอบนี้ก็จะถือว่าเจ้าเป็นผู้ชนะ”
“ตาเฒ่า เจ้าลืมไปแล้วหรือ ว่าเจ้านั้นเคยพ่ายแพ้ให้แก่ข้า เงินหนึ่งแสนตำลึงติดค้างเมื่อไรจะให้ข้า”
ตาเฒ่าหมากกระดานสำลัก ยิ้มขมขื่นแล้วหยิบหนึ่งแสนตำลึงออกมาจากทรวงอกโยนไปให้นาง “เมื่อสักครู่ข้าเลินเล่อไปหน่อย ครั้งนี้ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะแก้อย่างไร”
“ท่านผู้เฒ่า คงไม่ใช่เพราะตนเองไม่สามารถแก้หมากหลิงหลงได้ ถึงได้ใช้พวกข้าเป็นเครื่องมือหรอกนะ”
เมื่อถูกแทงใจดำ ฉับพลันสีหน้าของเทพหมากกระดานก็ดำมืดขึ้น เขาจึงแถอย่างข้าง ๆ คู ๆ “เหลวไหล ผู้เฒ่าอย่างข้ายังคงเป็นเทพหมากกระดานอันดับหนึ่งในใต้หล้า ใต้หล้านี้มีหมากใดที่ข้าแก้ไม่ได้ ข้าเพียงแค่ใจหายที่แผ่นดินใต้หล้ากว้างใหญ่ แต่มิมีผู้ใดที่จะมาเป็นคู่ต่อสู้ได้ เท่านั้นเอง”
กู้ชูหน่วนเหลือบมองเขาด้วยสายตาที่คลางแคลงใจทีหนึ่ง ทำให้เทพหมากกระดานโมโหจนแทบอยากจะกระทืบเท้า
“เคารพคนชราเมตตาเด็กเป็นคุณธรรมอันงดงามของชาวจีน ข้าก็จะไม่เอาเปรียบผู้เฒ่าอย่างเจ้า ผู้ท้าชิงยังคงเป็นข้า พวกเจ้าห้าคนลงเดินหมากกับข้า ผู้ใดสามารถเอาชนะข้าได้ ตานี้ก็ถือว่าเป็นผู้ชนะ”
“น้ำเสียงช่างผยองนัก ได้ อย่างนั้นข้าจะขอท้าสู้กับเจ้า หากว่าเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องเป็นสาวใช้หมากรุกของข้ายี่สิบปี”
“ได้ หากว่าเจ้าแพ้ ข้าก็จะไม่เอาเงินตำลึงของเจ้า เจ้าคารวะข้าเป็นอาจารย์แทนก็แล้วกัน ข้ายอมลำบากเป็นอาจารย์ให้กับเจ้า”
โอหัง โอหังเกินไปแล้ว
ไม่น่าเชื่อว่าใต้หล้านี้จะกล้ามีคนประลองหมากกับเทพหมากกระดาน ยังกล้าให้เทพหมากกระดานมาเป็นลูกศิษย์อีก
กู้ชูหน่วนจะรู้หรือไม่ว่าการที่จะมาเดินหมากกับเทพหมากกระดานนั้นความรู้ต้องแตกฉานแค่ไหน
ซ่างกวนฉู่มองกู้ชูหน่วนอย่างมีนัย ประหนึ่งว่าจะมองนางทะลุปรุโปร่งให้จงได้
กระดูกมือของอี้เฉินเฟยที่เห็นได้อย่างจัดเจนจับเข้าที่โต๊ะเป็นระยะ ๆ ในแววตาประกายความสงสัย
นิสัยของอาหน่วนเปลี่ยนไปขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด
ทะนงอวดดีเช่นนี้ไม่เหมือนนิสัยนางที่สุขุมสงบอย่างแต่ก่อน
ฮ่องเต้เย่มองดูความมั่นอกมั่นใจของกู้ชูหน่วน ในพระทัยจึงเกิดความไม่มั่นใจเล็กน้อย
นางคงจะไม่เหมือนเมื่อสักครู่ที่จะเอาชนะเหล่าอัจฉริยะมากมายหรอกกระมัง
ๆ ฮ่องเต้เย่กล่าวอย่างประจบประแจงขึ้น “ฝ่าบาทโปรดวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ เทพหมากกระดานเก่งกาจเกรียงไกร หมากหลิงหลงเป็นหมากที่สืบทอดแต่โบราณ หลายร้อยปีมาแล้วยังไม่มีผู้ใดแก้ได้ ต่อให้คุณหนูสามจะเก่งกาจเพียงใด มีหรือจะเอาชนะเทพหมากกระดานได้ เมื่อสักครู่ที่นางสามารถเอาชนะได้
เมื่อเสี่ยวหลีจื่อพูดเช่นนี้ ฮ่องเต้เย่ก็รู้สึกสบายพระทัยขึ้นฉับพลัน
นี่เขากำลังพะวงเรื่องใดฤๅ
แม้แต่คุณชายเซียวรองยังมิอาจแก้หมากหลิงหลงนี้ได้ คนไม่เอาไหนอย่างกู้ชูหน่วนจะแก้ได้อย่างไร
ดอกโบตั๋นเมื่อสักครู่ จะต้องเป็นเพราะนางใช้วิชามารแน่ ๆ
อาจารย์สวีอยากจะทุบกู้ชูหน่วนให้ตาย
ไม่มีความสามารถนั้น จะคุยโวโอ้อวดทำไมกัน ชื่อเสียงของราชวิทยาลัยจะต้องเสื่อมเสียภายใต้น้ำมือของนางเป็นแน่แท้
เทพหมากกระดานจะยิ้มก็ไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่เชิง “นางหนู เจ้าเป็นคนแรกที่กล้ามาโอหังต่อหน้าข้า ข้าจะยอมรับคำท้าของเจ้า เจ้าจงเตรียมตัวมาเป็นสาวใช้หมากรุกของข้าเถิด”
อ๋องเจ๋อยิ้มเยาะ “ไม่รู้จักเจียมตัว”
เนื่องด้วยเขาถูกผึ้งมากมายรุมต่อย ใบหน้าจึงบวมตุ่ยจนสิ้นเค้าใบหน้าเดิม โดยเฉพาะปากใบนั้นบวมเป่งราวกับลูกรอกก็ไม่ปาน สาธยายน่าเกลียดเพียงใด ก็จะน่าเกลียดเพียงนั้น
อาจเพราะบวมเป่งอย่างรุนแรง ก็รู้สึกเจ็บปวดเหลือทนแม้กระทั่งเวลาอ๋องเจ๋อพูด เสียงที่เปล่งออกมาก็ฟังออกได้ไม่ชัดเจน
กู้ชูหน่วนทำเสียงจุ๊ ๆ “หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวเชียว โอ๊ย โชคดีที่ยกเลิกงานแต่งแล้ว มิเช่นนั้นข้าคงจะอ้วกแตกอ้วกแตนทุกวันเป็นแน่”
อารมณ์โกรธของอ๋องเจ๋อยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
นางผู้น่าเกลียดกล้าดีอย่างไรมารังเกียจเขา
“เจ้าแน่จริงก็จงถอดผ้าคลุมหน้าออกเสีย ปกปิดเพื่อเหตุใดกัน”
“ข้ากลัวว่าเจ้าจะอิจฉาความงามของข้า”
“แหวะ……”
อ๋องเจ๋อแทบจะอาเจียนออกมา
ใบหน้าที่เป็นหลุมเป็นบ่อ น่าเกลียดอย่างหาใดเปรียบนี่นะรึ ที่เขาจะอิจฉา
“กู้ชูหน่วน แน่จริงเจ้ากับข้าก็มาเดิมพันกันอีกสักตา”
“ได้สิ แต่ว่าถ้าต่ำกว่าสามล้านตำลึง ข้าไม่เดิมพันนะ”
“ได้ สามล้านตำลึงก็สามล้านตำลึง ถ้าหากว่าเจ้าไม่สามารถเอาชนะพวกข้าห้าคนได้ ข้าไม่เพียงแต่แก้ผ้าเจ้าประจานร้อยรอบ ข้ายังต้องการมือสองข้างของเจ้าด้วย”
กู้ชูหน่วนครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วก็ตอบตกลง “ได้ อย่างนั้นก็ขอให้ทุกท่านจงเป็นพยาน ท่านอ๋องผู้โง่เขลาท่านนี้รนหาที่อยากมอบสามล้านตำลึงให้กับข้าเอง ข้าไม่ได้รีดไถเขาแต่อย่างใดนะ”
ทุกคนต่างพูดไม่ออก
พวกเขาต่างไม่รู้จะว่ากู้ชูหน่วนอย่างไรดีแล้ว
แม่นางผู้นี้ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ อะไรก็กล้าเดิมพัน
มือคู่นั้น นางต้องรักษาไว้ไม่ได้อย่างแน่นอน
ฮ่องเต้เย่ทรงกริ้วเล็กน้อย “เสี่ยวหลีจื่อ เจ้าว่าเชื้อพระวงศ์ของข้าเหล่านี้มีเงินทองมากมายเกินไปหรือไม่ แค่เริ่มก็เดิมพันกันหลักแสนหลักล้าน”
เสี่ยวหลีจื่อที่ไม่รู้ว่าจะทูลกลับอย่างไรดี
อ๋องเจ๋อถูกยั่วให้โมโหจนเลอะเลือนไปหมดแล้ว
ต่อหน้าฝ่าบาท ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าเดิมพันมากขนาดนี้
เสี่ยวหลีจื่อกล่าวอย่างระมัดระวัง “บางที…….ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงประทานไว้ให้พ่ะย่ะค่ะ”
ใคร ๆ ก็ทราบว่า ฮ่องเต้องค์ก่อนไม่ว่าจะประทานให้มากมายเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีค่าเท่ากับห้าล้านตำลึง
หลิวเยว่ลนลานจนแทบจะเป็นบ้า จึงกล่าวอย่างรีบเร่ง “เฮียใหญ่ เฮียห้ามหน่อยสิ เทพหมากกระดานนั้นจะไปมีเรื่องด้วยไม่ได้ ถ้าหากสองมือของลูกพี่ถูกตัด เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี”
“ข้าสามารถห้ามได้หรือ นางปล่อยโอกาสในการห้ามด้วยหรือ”
ตอนนี้ทำได้เพียงรอดูสถานการณ์เท่านั้น
อี้เฉินเฟยกับซ่างกวนฉู่นั่งข้างกัน ซ่างกวนฉู่ยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “คุณชายอี้ เจ้าว่าตานี้ใครจะเป็นผู้ชนะ”
“อาจารย์ซ่างกวนรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วมิใช่รึ” อี้เฉินเฟยที่กำลังหมุนจอกสุราอยู่ และดูเหมือนกับจะยิ้มไม่ยิ้ม
รูปร่างหน้าตาของพวกเขาสองคนในใต้หล้านี้ไม่มีผู้ใดจะเทียบเทียมได้ งดงามจนไม่เหมือนกับมนุษย์ธรรมดา ตอนนี้นั่งใกล้กัน ช่างเหมือนกับภาพทิวทัศน์ที่งดงามที่สุด จนอดไม่ได้ที่จะเหลียวไปมอง
อาจารย์สวีนั่งใกล้พวกเขามากที่สุด
สำหรับคำพูดของเขา ฟังแล้วรู้สึกแปลกพิลึกเล็กน้อย
คุณชายอี้กับอาจารย์ซ่างกวนกำลังเอ่ยถึงผู้ใด ทำไมเขาถึงฟังไม่เข้าใจ
บรรดาบ่าวรับใช้วางหมากหลิงหลงลงด้านหน้าอ๋องเจ๋อ เย่เฟิง เทพหมากกระดาน รวมถึงสองอัจฉริยะจากแคว้นจ้าว ส่วนกู้ชูหน่วนนั้นนั่งอยู่ตรงข้ามพวกเขา หนึ่งต่อห้า
กู้ชูหน่วนบุ้ยปากใส่เย่เฟิง “เสี่ยวเฟิงเฟิง ตาที่แล้วพวกเราเสมอกัน หรือว่าตานี้เรามาเดิมพันกันอีกรอบ”
ริมฝีปากบางและเย็นชาของเย่เฟิงเปล่งเสียงออกมาหนึ่งประโยค “ไม่มีเงิน”
“เมื่อสักครู่ข้าชนะเงินจากท่านอ๋องผู้โง่เขลานั่นมาไม่น้อย ข้าแบ่งให้เจ้านิดหน่อย พวกเราสองคนค่อย……”
“ปัง……”
อ๋องเจ๋อตบเข้าที่หมากกระดานแรง ๆ เจ็บจนหน้าตาบิดเบี้ยว
“กู้ชูหน่วน เจ้าพูดให้ไพ……ไพเราะหน่อย”
“ไพเราะบ้านเจ้าสิ เจ้าพูดไพเราะให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ทรวงอกของอ๋องเจ๋อเกิดความปั่นป่วน เส้นเลือดบนใบหน้าปูดเขียว ใคร ๆ ก็ดูออกว่าเขานั้นกำลังเก็บกด
อ๋องเจ๋อถูกคุณหนูสามกู้ทำให้ได้รับความเสียหายปานนี้ เขาสามารถอดทนมาถึงตอนนี้ได้ ถือเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ หากเปลี่ยนเป็นพวกเขา เกรงว่าคงระเบิดแต่เนิ่น ๆ แล้ว
หม่ากงกงรีบให้บ่าวจัดวางหมากกระดานใหม่ จากนั้นกล่าว “รอบที่สองประลองการเดินหมาก เวลาหนึ่งก้านธูป”