“ได้ ห้าสิบล้านตำลึงก็ห้าสิบล้านตำลึง” ฟันของไทเฮาสั่นไปหมด ทันทีที่ทรงโบกมือ ก็มีคนรับใช้ถือกล่องตั๋วเงินและเพชรนิลจินดามากมายมาวางต่อหน้าของกู้ชูหน่วน
“ตั๋วเงินและเพชรนิลจินดาของเก่าและเครื่องประดับเหล่านี้มีมูลค่ามากกว่าห้าสิบล้านตำลึง คุณหนูสามกู้ท่านสามารถตรวจสอบดูได้”
เป็นที่รู้กันดี
ไทเฮาไม่มีเงินแล้ว
ดังนั้นจึงนำของเก่าและเครื่องประดับเพชรพลอยออกมา
กู้ชูหน่วนไปเปิดกล่องหนึ่ง ในนั้นเต็มไปด้วย ไข่มุก หินโมรา หินตาแมว แล้วยังมีไข่มุกราตรีที่เม็ดใหญ่เท่าไข่ของนกพิราบอยู่อีก
กู้ชุหน่วนไล่เปิดทีละกล่อง นับทีละกล่อง แต่ละกล่องล้วนเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าควรเมือง
“ว้าว…”
ทุกคนตาค้างไปหมด
ในใจองค์หญิงตังตังและไทเฮาเลือดซิบ แทบอยากสับกู้ชูหน่วนระบายความโกรธเป็นหมื่นๆชิ้น
เอาเงินไปเสียก็จบ นี่ยังต้องมาเปิดต่อหน้าพวกเขาทีละกล่องๆนับทีละชิ้นๆ แบบนี้ไม่เท่ากับการดูถูกพวกนางหรอกหรือ?
องค์หญิงตังตังวิตกกังวล จนอยากให้ไทเฮาถอนรับสั่ง แต่นางก็กลัวว่าจะถูกไทเฮาตบ
แม้แต่เซียวหยู่เซียนเองก็ทนดูไม่ไหว เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วกระซิบ “ยัยขี้เหร่ เจ้าพอได้แล้วกระมัง พระพักตร์ไทเฮาทรงไม่ค่อยดีแล้ว”
“เงินมา ของไป ถ้าไม่ตรวจสอบเงินให้ดีๆหากในภายหลังมีเรื่องอะไร ถึงเวลานั้นจะเรียกร้องกับใครได้เล่า” นางพูดท่าทีจริงจัง ทุกคนเหงื่อตกแทนนางจริงๆ
จบเห่
ปมขัดแย้งของกู้ชูหน่วนกับไทเฮาต้องใหญ่มากขึ้นแน่
ผ่านไปนานพอสมควรกู้ชูหน่วนก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และพูดประโยคที่ทำให้ไทเฮาต้องกัดฟันกรอด “มันก็เกือบจะมีค่าเท่ากับห้าสิบล้านตำลึงหรอกนะเพคะ แต่สิ่งของเหล่านี้ยังต้องเอาไปแลกเงินที่โรงรับจำนำอีก ยุ่งยากอยู่บ้างจริงๆ ไทเฮาท่านน่าจะเอาตั๋วเงินมาให้หม่อมฉันโดยตรงถึงจะถูกนะเพคะ”
“……”
หากนางมีเงิน ยังต้องดึงจากตรงนั้นตรงนี้ หาของล้ำค่าเยอะแยะขนาดนี้มาให้นางหรือ?
องค์หญิงตังตังกล่าวอย่างโกรธเคือง “กู้ชูหน่วน เจ้ามันจะมากเกินไปแล้ว!”
“องค์หญิงท่านกล่าวแบบนี้ หม่อมฉันทำมากเกินไปตรงไหนกัน หากพวกท่านตัดใจเสียเงินเหล่านี้ไปไม่ได้ ก็ไม่ต้องแลกสิ อย่างไรเสียหยกเสี้ยวจันทร์นี้ข้าเองก็ชอบมันมาก”
“เจ้า…”
ไทเฮาส่งสัญญาณให้องค์หญิงตังตังเงียบปาก ส่วนตัวเองก็ฝืนยิ้มออกมา “คุณหนูสามกู้ ในเมื่อตรวจสอบตั๋วเงินไปหมดแล้ว เช่นนั้นก็น่าจะมอบหยกเสี้ยวจันทร์ให้พวกเราแล้วใช่ไหม?”
“พูดได้ดี พูดได้ดี แต่หม่อมฉันอยากถามให้แน่ใจอีกครั้ง ไทเฮา ท่านต้องการแลกเปลี่ยนหยกเสี้ยวพระจันทร์กับหม่อมฉันจริงๆหรือเพคะ?”
ไทเฮาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
นางพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร? หรือว่าไม่ต้องการจะแลกเปลี่ยนแล้ว?
“แน่นอน”
“แน่พระทัยว่าจะไม่เสียพระทัยภายหลังนะเพคะ?”
ไทเฮาเลิกคิ้ว คาดเดาความหมายในคำพูดของนาง “ไม่อยู่แล้ว คุณหนูสามกู้ยังจะกังวลเรื่องใดอีก?”
“ไม่แล้วเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่กลัวพระองค์จะเสียพระทัยภายหลัง หากแน่พระทัยว่าไม่มีทางเสียพระทัยภายหลังแล้ว หม่อมฉันก็วางใจเพคะ”
กู้ชูหน่วนใช้ความคิดกระตุ้นให้แหวนมิติออกมา แล้วนำสมบัติเงินทองเป็นกองก็ใส่ลงไปในแหวนมิติ
ทุกคนอุทานด้วยความตกใจ “แหวนมิติ นางมีแหวนมิติจริงๆ!”
“สวรรค์! เป็นแหวนมิติจริงๆ ข้ารับรองเลยว่าแหวนของนางอย่างน้อยก็ต้องมีมากกว่าห้าสิบล้านตำลึง”
“แต่ไม่ใช่ว่าแหวนมิติหาซื้อไม่ได้แล้วหรือ?นางไปซื้อมาจากไหน?หรือว่าเทพสงครามจะมอบให้นาง?”
ทุกคนต่างก็อิจฉากู้ชูหน่วน
หยกเสี้ยวพระจันทร์หนึ่งชิ้น กลับได้รับถึงหนึ่งร้อยล้านตำลึง ครึ่งหนึ่งของท้องพระคลังล้วนเป็นของนางไปแล้วแน่ๆ
“ในเมื่อเจ้าได้รับเงินแล้ว ก็ควรคืนหยกเสี้ยวจันทร์มาให้ข้าได้แล้วกระมัง?” ไทเฮาพูดเรียบๆ แบบเผินๆ แต่จริงๆในใจนางโกรธแค้นกู้ชูหน่วนสุดขั้วหัวใจ
กู้ชูหน่วนเอามือล้วงเข้าไปในอกเสื้อหาอยู่ครู่หนึ่ง ก็พบกล่องใบหนึ่ง “เอ้า ถวายพระองค์เพคะ”
องค์หญิงตังตังรับมา แล้วเปิดกล่องออก ภายในกล่องกลับมีหยกเสี้ยวจันทร์ที่แตกออกเป็นสิบกว่าชิ้น หักจนประกอบให้เป็นชิ้นก็ยังไม่ได้
สีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างมาก “เหตุใดหยกเสี้ยวจันทร์ถึงแตกเช่นนี้ กู้ชูหน่วน! เจ้าทำอะไรลงไป?!”
ไทเฮาสั่นสะท้าน แทบยืนไม่ติด สีหน้าซีดขาวมองดูหยกเสี้ยวจันทร์ที่แตกละเอียด “ทำไม…ทำไมเป็นแบบนี้ ทำไมหยกเสี้ยวจันทร์ถึงแตกได้?”