เพราะการปกป้องช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังของกู้ชูหน่วน เย่เฟิงแค่ถูกกักบริเวณเท่านั้น แต่ว่ากลุ่มคนในราชวิทยาลัยก็ยังคงเดือดดาลไม่หาย ได้โยนความผิดทั้งหมดไปให้กับเย่เฟิง
กู้ชูหน่วนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “สามวัน ภายในสามวันข้าจะหาตัวฆาตกรตัวจริงออกมา เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับอาจารย์ใหญ่ ถ้าหากผ่านไปสามวันแล้วข้ายังหาตัวฆาตกรออกมาไม่ได้ พวกท่านค่อยลงโทษเย่เฟิงก็ยังไม่สาย”
“ไม่ได้ เวลาสามวันอะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้าเกิดเขาคิดหาวิธีให้ตัวเองหลุดจากข้อกล่าวหาได้เล่า นอกเสียจากเจ้าจะสามารถยืนยันได้ตอนนี้เลยว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ” มีคนในราชวิทยาลัยจำนวนไม่น้อยต่างก็พูดขึ้น
เซียวหยู่เซวียนพูดอย่างโมโห “ราชวิทยาลัยใหญ่ขนาดนี้ แม้แต่นักเรียนคนหนึ่งก็จับตาดูไม่ไหวหรือ พวกเจ้าจะลงโทษเขาให้ตายเลยใช่หรือไม่”
“เขาฆ่าอาจารย์ใหญ่ หนึ่งชีวิตชดใช้ต่อหนึ่งชีวิตก็เป็นเรื่องปกติ”
“ตาข้างไหนของเจ้าเห็นว่าเขาฆ่าคน”
“คุณชายเซียว คุณหนูกู้ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ พวกเจ้าอย่าได้ถูกรูปลักษณ์ภายนอกของเย่เฟิงหลอกเอาได้ เขานั่นชั่วช้ามาก”อาจารย์สวีพูดอย่างมั่นใจอีกครั้ง
เซียวหยู่เซวียนยิ้มหยัน ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความดูถูก”ตอนแรกนั้นใครกันที่เอาแต่ชื่นชมเย่เฟิงว่าเป็นคนมีจิตใจดี มีพรสวรรค์เป็นอย่างยิ่ง เป็นคนที่มีความสามารถเหนือคนอื่น นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่วัน อาจารย์สวี หรือว่าท่านลืมแม้กระทั่งคำพูดของตัวเองที่เคยพูดเอาไว้แล้ว”
“เจ้า……สารเลว เย่เฟิงให้ผลประโยชน์อะไรแก่เจ้า ทำไมพวกเจ้าต้องช่วยเหลือเขาขนาดนี้ด้วย ”
“เพราะการเขียนพู่กันจีนของเขา เพราะเสียงพิณของเขา เพราะดวงตาของเขา และเพราะการวางตัวของเขาด้วย ท่านอาจารย์ที่มีความรู้ลึกซึ้งและไม่ขาดแคลน จากการเขียนพู่กันและการเล่นพิณของเย่เฟิง
“น่าขัน อาศัยแค่การเขียนพู่กันและเสียงพิณก็สามารถดูคนคนหนึ่งออกอย่างนั้นหรือ ช่างเป็นคำพูดที่ไร้มูลความจริงสิ้นดี”
“ใช่ คนจะดีหรือเลว ไหนเลยจะสามารถดูออกไปเพียงผิวเผิน บางทีเขาอาจจะถนัดในการเสแสร้งก็ได้”
“หลักฐานทั้งหมดล้วนชี้ไปที่ตัวของเย่เฟิง ถ้าหากเขาไม่ได้ฆ่าอาจารย์ใหญ่ ทำไมเขาจึงไม่กล้าพูดออกมาว่าเมื่อคืนเขาไปที่ใด ไปพบใคร”
มีอาจารย์ในราชวิทยาลัยไม่น้อยที่มีความประทับใจในตัวเย่เฟิงมาก
เสียดายที่หลักฐานมากมายชี้ไปยังตัวเขา เป็นสาเหตุให้พวกเขาไม่กล้าที่จะไม่เชื่อ
และเหล่านักเรียนเองต่างอิจฉาในพรสวรรค์ของเย่เฟิง จนแทบอยากจะเหยียบเขาให้จมดิน
อาจารย์ซ่างกวนเอ่ยขึ้นช้าๆ น้ำเสียงสดใสอบอุ่น” เย่เฟิงดูแล้วไม่ใช่คนที่เลวร้ายจนไม่อาจให้อภัยได้จริงๆ บางทีระหว่างเกิดเรื่องอาจมีเรื่องอะไรเข้าใจผิดขึ้นมาก็ได้ ไม่สู้ให้โอกาสคุณหนูสามกู้สักครั้ง ถ้าหากภายในสามวัน เจ้าสามารถหาตัวฆาตกรตัวจริงได้ พวกเราจะปล่อยตัวเย่เฟิง ถ้าหากหาไม่เจอ เช่นนั้นเย่เฟิงต้องชดใช้ชีวิตให้กับอาจารย์ใหญ่”
กู้ชูหน่วนพูดว่า “ได้”
อาจารย์หรงรีบพูดขึ้นว่า “อาจารย์ซ่างกวน เห็นชัดๆว่าเย่เฟิงเป็นฆาตกร ไยต้องทำเรื่องที่ไม่จำเป็นอีกเล่า”
“ถ้าหากเย่เฟิงไม่ใช่ฆาตกร นั่นก็เท่ากับว่าพวกเราใส่ร้ายคนบริสุทธิ์ ถ้าหากเย่เฟิงเป็นฆาตกร มากที่สุดเขาก็มีชีวิตต่อไปได้อีกแค่สามวันเท่านั้น คุณหนูสามกู้มีประโยคหนึ่งที่พูดได้ถูกต้อง หรือว่าราชวิทยาลัยที่ใหญ่ขนาดนี้แม้แต่นักเรียนคนหนึ่งก็จับตาดูไม่ได้หรือ”
เหล่าอาจารย์ที่เพิ่งจะพูดจาอย่างฮึกเหิมต่างก็เงียบลง
สิ่งที่อาจารย์ซ่างกวนพูดไม่ได้ไร้เหตุผล
ถ้าหากเย่เฟิงไม่ใช่ฆาตกร เช่นนั้นคงทำให้อาจารย์ใหญ่ตายอย่างไม่รู้สาเหตุ และฆาตกรก็ยังลอยนวลอยู่
ความโกรธของอาจารย์หรงนั้นยากจะสลายไปได้ คำพูดที่พูดออกมา ไม่เหลือพื้นที่สำหรับหารือเลยแม้แต่น้อย
“ข้าสามารถให้เวลาเจ้าสามวันในการหาตัวฆาตกรตัวจริง แต่ถ้าหากผ่านไปสามวันแล้วเจ้าให้คำตอบที่น่าพอใจไม่ได้ ข้าจะให้เย่เฟิงอยู่ไม่สู้ตาย ”
“ได้”
อาจารย์ที่อบรมสั่งสอนผู้คน กลับพูดคำว่าจะให้เย่เฟิงอยู่ไม่สู้ตายออกมา ไม่รู้จริงๆว่าเขาพูดออกมาได้อย่างไร
กู้ชูหน่วนเดินไปทางหอตำรา ได้วิเคราะห์ทุกอย่างข้างในอย่างละเอียดอีกครั้ง
ทุกคนจิตใจหนักอึ้ง กำลังเตรียมตัวจะจากไป กู้ชูหน่วนกลับตะโกนขึ้นมาเสียงดังกะทันหัน
“รอเดี๋ยว ในหอตำรายังมีรอยเท้าอีกรอยหนึ่ง”
คำพูดประโยคเดียวดึงดูดความสนใจของคนทั้งหมดเอาไว้