สีหน้าถันจู่หลินขมึงตึงไปอีกหลายส่วน
ในใจก็วิเคราะห์แรงจูงใจของอี้เฉินเฟยหนัก
เขาสงสัยว่าเขาจะมีจุดประสงค์อื่น
แต่หากหัวหน้ากองธงให้เขามาเอาตัวทาสบำเรออื่นไปจริง ยันกันที่หัวหน้ากองธงที่นั่น เขาก็ต้องถูกตำหนิลงโทษแน่
จะทางไหนถันจู่หลินก็ลำบากใจ
หลังจากคิดหนักอยู่นาน เขาก็ยังเอ่ยปาก “ข้ายังคำเดิม ไม่มีคำสั่งของท่านหัวหน้ากองธง ไม่ว่าใครก็เอาทาสบำเรอพวกนี้ไปไม่ได้ แต่ข้าไปยอดเขากับเจ้าได้ พบหน้าท่านหัวหน้ากองธงด้วยตัวเอง หากเป็นคำสั่งของท่านจริง ข้าก็จะขอรับโทษเอง”
กู้ชูหน่วนยกมือซ้ายขึ้น สาดผงยาไป
สีหน้าถันจู่หลินเปลี่ยนฉับพลัน หลับตา กลั้นลมหายใจและหลบผงยาในทันที
แต่ก็ในขณะที่เขาหลับตา มือขวาของกู้ชูหน่วนก็ยกขึ้น เข็มเงินสิบกว่าเล่มพุ่งไปที่ถันจู่หลินและฉีโส่วที่อยู่ข้างกายเขา
ความเคลื่อนไหวนางเร็วมาก ทั้งหมดเพียงแค่สายฟ้าแวบเดียวเท่านั้น ถันจู่หลินไม่ทันคิด ถูกกู้ชูหน่วนกราดเข็มเงินสลบไปพร้อมกับฉีโส่วอื่นทันที
กู้ชูหน่วนยิ้มสวย “ใช้กำลังง่ายดายขนาดไหน พูดพล่ามกับเขามากทำไม?”
อี้เฉินเฟยอีหลักอีเหลื่อ ไม่พูดพล่ามก็ลอบทำร้ายหรือ?
“ไปกันเถอะ รีบทำเวลาออกจากที่นี่”
กู้ชูหน่วนพยักหน้า กวาดสายตามองทาสบำเรอทั้งหลายที่ตะลึงงันตาค้าง แล้วกรอกตาขาว “มัวอึ้งทำอะไร? ยังไม่รีบไปกับพวกเราอีก?”
“จะ…เจ้าคือ…”
“คนที่จะช่วยพวกเจ้า พวกเจ้าก็มีแค่โอกาสนี้โอกาสเดียวเท่านั้นที่จะไปจากที่นี่”
กู้ชูหน่วนไม่พูดมาก ไปทางแท่นจุดสัญญาณไฟก่อน อี้เฉินเฟยตามไปติดๆ ทาสบำเรอชายหญิงทั้งหลายก็รีบตามไปราวกับคนจมน้ำคว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย
หากทาสบำเรอต่างไปทางแท่นจุดสัญญาณไฟอย่างอึกทึก ต้องเป็นที่สังเกตแน่ ดังนั้นกู้ชูหน่วนจึงให้คนอื่นๆ รออยู่ที่แท่นจุดสัญญาณไฟ
เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองพาทาสบำเรอมากมายเร่งมาทางนี้ เหล่าฉีโส่วที่เฝ้าทาสบำเรอก็รู้สึกแปลก บ้างแอบหนีไปส่งข่าว บ้างก็เอ่ยถามอย่างตุ้มๆ ต่อมๆ “ถันจู่เจียง ครั้งนี้ท่านหัวหน้ากองธงเอาตัวทาสบำเรอมากไปหน่อยหรือเปล่าขอรับ?”
กู้ชูหน่วนหัวเราะเย็นชาทีหนึ่ง เข็มเงินในมือมุ่งไปทางคนที่จะไปส่งข่าว ต่างถูกเข็มสลบ
แทบจะเป็นเวลาเดียวกับกู้ชูหน่วน อี้เฉินเฟยก็ลงมือจี้จุดหลับของฉีโส่วพวกนั้น
เหล่าทาสบำเรอตกใจเกาะกลุ่มสั่นพั่บอยู่ด้วยกัน
กู้ชูหน่วนเห็นเย่เฟิงจากในกลุ่มได้ในแวบแรก นางประคองเย่เฟิงเดินไปข้างหน้าพร้อมเอ่ย “คนที่อยากไปจากเผ่าปีศาจมากับข้า แต่พาเขาไปด้วย!”
อี้เฉินเฟยห้ามนางไว้ “ข้าจะส่งเจ้ากับเย่เฟิงไปก่อน แล้วค่อยมาพาพวกเขาไป”
“ไม่ได้ แบบนี้จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น อัตราที่พวกเขาจะไปได้น้อยมาก อีกอย่าง…จะมาก็มาด้วยกัน จะไปก็ไปด้วยกัน”
กู้ชูหน่วนยิ้มละมุน สั่งให้ทาสบำเรอสองสามคนถอดเสื้อผ้าของพวกฉีโส่ว แล้วปลอมตัวเป็นพวกเขานำทาสบำเรอไปที่แท่นจุดสัญญาณไฟ
แท่นจุดสัญญาณไฟมีด่านเป็นชั้นๆ ไม่มีที่หลบซ่อน พวกเขาจึงได้แต่พาทาสบำเรอนับร้อยเดินหน้าไปดาดๆ
ครั้นพวกเขามาถึงก็ดึงดูดความสนใจทุกคนที่แท่นจุดสัญญาณไฟ
“หยุดนะ! สุราองุ่นรสเลิศจอกเพริศพริ้ง” ยอดฝีมือระดับหนึ่งขวางพวกเขาไว้
อี้เฉินเฟยตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติ “จันทราพรมแดนสมัยฉิน”
“ถันจู่เจียง ไม่ทราบว่าท่านนำทาสบำเรอมากมายเช่นนี้ไปทำอะไรกันขอรับ?”
“ท่านหัวหน้ากองธงมีคำสั่ง ให้ข้านำพวกเขาไปที่ยอดเขาลูกที่ห้า”
“ยอดเขาลูกที่ห้า?”
“ใช่ ท่านหัวหน้ากองธงเบื่อแล้ว คิดจะมอบพวกเขาให้หัวหน้ากองธงอื่น พวกเจ้ารีบไปเตรียมกระเช้าเร็ว อย่าได้เสียการใหญ่ของท่านหัวหน้ากองธง!”
“แต่นี่จะมากไปหน่อย…”
“ทำไม? เจ้ากล้าขัดคำสั่งท่านหัวหน้ากองธงหรือ?”
“ข้าน้อยมิกล้า!”
“เช่นนั้นยังไม่รีบไปเตรียมกระเช้าลอยฟ้าอีก! อย่าลืมนะ หน้าที่เจ้าแค่เฝ้าแท่นจุดสัญญาณไฟเท่านั้น ไม่ใช่สงสัยในคำสั่งของท่านหัวหน้ากองธง!”
“ขอรับ…”