วาจาเผด็จการเหน็บความข่มขวัญ ราวกับหากมีคนกล้าก้าวออกมาสักก้าว ชีวิตของเขาก็จะถึงที่สิ้นสุด
ครั้นยินเสียงที่คุ้นเคย เย่เฟิงก็สะท้านหนักกว่าเดิมอย่างหยุดไม่อยู่
ความผิดปกติของเขาทำให้ฮองเฮาฉู่ฉงนใจ
เย่เฟิงกำลังกลัวอะไร?
“ตึง…”
ชายที่ลงมาจากท้องฟ้าอยู่ตรงหน้าเย่เฟิง ด้วยแรงกำลังที่หนักทำให้แผ่นดินสะเทือน แผ่นอิฐแตกออกเป็นชั้นๆ เห็นได้ถึงความแกร่งกล้าของกำลังภายใน
“เสี่ยวเฟิงเอ๋อ เจ้าให้ข้าหาลำบากจริงๆ”
ผู้ที่มาเป็นชายกลางคนอายุเกินสี่สิบ รูปร่างกำยำล่ำสัน บึกพ่วงพี นัยน์ตาแหลมคนดุจเหยี่ยวทำให้คนต้องครั่นคร้าม สูงกว่าเย่เฟิงละคนอื่นๆ กว่าคืบ
ด้านหลังเขายังมีผู้คุ้มกันสี่คน และนั่นคือสี่ผู้พิทักษ์วชิระของเขา
แต่ละคนร่างกำยำ กล้ามเนื้อเป็นมัด
“ท่าน…ท่านหัวหน้ากองธง…”
เย่เฟิงหน้าซีดขาว ปากสั่นระริกเอ่ยคำนี้ออกมา
ปีนี้เขาอายุสิบแปด เขาถูกส่งไปอยู่ข้างกายหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ตั้งแต่อายุห้าขวบ ได้รับความอัปยศอดสู ช่วงสิบสามปีนี้ พูดได้ว่าเวลาส่วนมากของเขาล้วนอยู่ในเงาของคนผู้นั้น
กับหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ เขาพรั่นพรึงจากจิตวิญญาณ
เย่เฟิงแทบอยากทรุดคุกเข่าลงแบบอัตโนมัติ แต่เขาก็ไม่อยากให้ฮองเฮาฉู่รู้ว่าเขาเป็นแค่ทาสบำเรอต่ำต้อยที่ผู้คนรังเกียจ
ความดิ้นรนและสับสน ทำให้เย่เฟิงว้าวุ่นขาดสติ
เขาจะคุกเข่าก็ไม่ใช่ ไม่คุกเข่าก็ไม่ใช่ ได้แต่ยืนทื่ออยู่ตรงนั้น มองชายที่ทำให้เขาหวาดกลัวถึงทรวงในด้วยความสยองเกล้า
ฮองเฮาฉู่เดินขึ้นหน้าเย่เฟิง ประเมินห้าคนที่มาด้วยประสงค์ร้าย “พวกเจ้าเป็นใคร? มีธุระอะไรกับเย่เฟิง?”
ดวงตาคมกริบราวกับคมดาบหรี่ลงเล็กน้อย กวาดตามองฮองเฮาฉู่อย่างเย็นเฉียบ วาจาที่เอ่ยออกมาแม้คนอื่นจะไม่เข้าใจ แต่กลับโจมตีเย่เฟิงราวกับสายฟ้าฟาด
“ที่แท้ก็เป็นฮองเฮาของแคว้นฉู่ อย่างไร? แม้แต่เรื่องภายในของเผ่าปีศาจของเรา ฮองเฮาฉู่ก็จะยุ่งด้วยหรือ?”
เย่เฟิงกลัว
เนื่องจากหัวหน้ากองธงกล้วยไม้โหดเหี้ยมอำมหิตเสมอมา ทั้งยังมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับจอมมาร มิเคยเห็นผู้ใดอยู่ในสายตา
แม้นางจะเป็นฮองเฮาแคว้นฉู่ แต่หากหัวหน้ากองธงกล้วยไม้อยากเอาชีวิต บางทีก็อาจลงมือได้
และองครักษ์ลับเหล่านี้ของฮองเฮาฉู่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา
ฮองเฮาฉู่ทำหน้าเย็นชา แม้นางจะเป็นหญิงอ่อนแอคนหนึ่ง แต่กลับไม่หวั่นในความกดดันของพวกหัวหน้ากองธงกล้วยไม้เลย ทั้งยังแผ่ความเป็นพญาหงส์ที่ไม่อาจมองข้ามออกมาอีก
“ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร หากเจ้ามาไหว้พระ เราก็ไม่มีคำพูด แต่หากเจ้ามาสร้างความวุ่นวาย หรือคิดจะทำร้ายเย่เฟิง เรื่องนี้พวกเราแคว้นฉู่ยุ่งด้วยแน่ บางทีพวกเจ้าเผ่าปีศาจอาจไม่กลัวแคว้นฉู่เรา แต่แคว้นฉู่เราก็ไม่เกรงเผ่าปีศาจของพวกเจ้าเช่นกัน!”
ดำรัสของฮองเฮาฉู่ง่ายๆ แต่ได้ใจความ การข่มขู่เด่นชัด
ถ้าหัวหน้ากองธงกล้วยไม้กล้าทำร้ายเย่เฟิง เช่นนั้นพวกเขาแคว้นฉู่ก็จะใช้กำลังของแคว้นต่อต้านเผ่าปีศาจ เมื่อประจันหน้าก็ต้องเพลี่ยงพล้ำทั้งสองฝ่าย
เย่เฟิงคิดไม่ถึง เพียงพบหน้าแค่สองครั้ง เพื่อเขาแล้วฮองเฮาฉู่กลับกล้าเดิมพันด้วยแคว้นฉู่
กู้ชูหน่วนก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน แต่กลับรู้สึกดีกับนางผู้นี้มากขึ้น
ทันใดนั้นหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ก็หัวเราะฮ่าๆ เสียงดังกังวานไปทั่ววัดเมฆขาว
“เสี่ยวเฟิงเอ๋อหนอ เสี่ยวเฟิงเอ๋อ ข้ายังคิดว่าทำไมจู่ๆ เจ้าก็กล้าขึ้นมา ที่แท้ก็หาที่พึ่งพิงได้แล้วนี่เอง”
เย่เฟิงฝืนนิ่ง เอ่ยเสียงสั่น “เย่เฟิงมิกล้า เย่เฟิงจะตามท่านกลับเผ่าปีศาจเดี๋ยวนี้ ท่านหัวหน้ากองธงโปรดละเว้นพวกเขาด้วย”
กู้ชูหน่วนถาม “ฝูกวงน้อย เจ้าจัดการได้กี่คน?”
ฝูกวงตั้งใจมองครู่หนึ่ง เอ่ยเสียงหนัก “สี่วชิระของเขา ข้าน้อยจัดการได้สามคนขอรับ”
สามหรือ?
อย่างมากนางก็จัดการได้แค่คนเดียว
แล้วหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ที่ร้ายกาจที่สุดใครจะจัดการเล่า?