บทที่ 280 แน่ใจหรือว่าเอาจริง?
“ก็นั่นนะสิ รีบไล่นางออกไปเถอะ ดีไม่ดีจะมาปั่นป่วน”
บรรดาแขกเหรื่อในงานประมูลต่างขับไล่ไสส่ง จะได้ขจัดคู่ต่อสู้ไปอีกหนึ่ง
เสี่ยวลู่ยิ้มพราย โอบอ้อมอย่างสง่างาม นำพาเสน่ห์อิสตรีเล็กน้อย เสียงของนางกังวานหวาน ราวนกกระจิบเหลืองออกหุบเขาก็มิปาน “แขกหมายเลขยี่สิบแปดมิได้ติดเงินของงานประมูล ตามกฎ งานประมูลไม่มีสิทธิขับไล่”
“เมื่อครู่นางไม่มีเงินห้าสิบล้านตำลึงจ่ายชัดๆ”
“แต่สหายของนางจ่ายแทนนางแล้ว งานประมูลเราสนใจแต่เงิน ไม่สนใจว่าผู้ใดจ่ายแทนนาง”
เสี่ยวลู่กล่าวเช่นนี้ แสดงออกอย่างชัดเจน พวกเขาจะไม่ขับไล่กู้ชูหน่วนออกไป ในมุมของงานประมูลของพวกเขา ไม่จำเป็นต้องไล่นางไปจริงๆ เพราะนางยังไม่ได้ติดเงินสักเฟื้อง
กู้ชูหน่วนมองไปทางองค์หญิงตังตัง ยิ้มเย้ย “พวกเจ้าร้อนรนอยากไล่ข้าออกไปเช่นนี้ หรือว่าสู้ราคาไม่ได้?”
องค์หญิงตังตังหยิบป้าย ขานทันที “ยี่สิบเอ็ดล้าน”
นางแพศยา สายตาอะไรกัน?
เบ่งบารมีอวดตัวกับนางชัดๆ
“สามสิบล้านตำลึง”
อุ๊บ…
เลือดชราทุกคนพุ่งอีกแล้ว
ยี่สิบเอ็ดล้านตำลึงเพิ่งถึงสามสิบล้านตำลึง นางมั่นใจว่าจะเอาจริงนะ?
“สามสิบเอ็ดล้านตำลึง” ท่ามกลางฝูงชนไม่รู้ว่าผู้ใดขานขึ้น
“สามสิบสองล้านตำลึง”
“สามสิบสามล้านตำลึง”
กู้ชูหน่วนกวาดมองสายตาหนึ่ง คนที่เพิ่มราคาในเวลานี้ นางไม่รู้จัก หรืออาจเป็นผู้ที่หลอมยาเป็นนิดหน่อย
กู้ชูหยุนเอ่ยอย่างร้อนใจ “ท่านพ่อ เราจะไม่เพิ่มราคาแล้วจริงหรือ?”
กู้เฉิงเซี่ยงกลั้นลมหายใจหนึ่ง แล้วระบายโทสะกับกู้ชูหยุนอย่างอดไม่อยู่
“หากเจ้าหาเงินสามสิบสามล้านตำลึงได้ ข้าต้องสู้ราคาถึงที่สุดแน่!”
“…”
กู้ชูหยุนน้อยใจ
นางมีเงินมากมายเช่นนั้นที่ไหน?
นี่เป็นราคาสูงเทียมฟ้า
อ๋องเจ๋อใคร่ครวญอยู่นาน ถึงชูป้ายขึ้นด้วยมือที่สั่นระริก “สามสิบห้าล้านตำลึง”
“ห้าสิบล้านตำลึง” กู้ชูหน่วนเอ่ยอย่างเอื่อยเฉื่อย
ทุกคนพากันจุกอกพูดไม่ออก
ผู้หญิงที่ใส่ผ้าปิดหน้านามนั้นอีกแล้ว
ห้าสิบล้านตำลึงอีกแล้ว
ปัดโถ่…
พริบตาเดียวก็เพิ่มราคาสิบห้าล้านตำลึง นางไม่ขึ้นสวรรค์ไปเลยเล่า?
เดิมองค์หญิงตังตังคิดเพิ่มราคาสืบต่อ ทว่าหลังจากได้ยินว่าห้าสิบล้านตำลึงแล้ว ป้ายในมืออย่างไรก็ยกไม่ขึ้น ได้แต่เอ่ยด้วยโทสะ “ผู้ดำเนินรายการ เมื่อครู่นางไม่มีห้าสิบล้านตำลึง ครั้งนี้ก็ย่อมไม่มีเช่นกัน มิเช่นนั้น เจ้าก็ให้นางเอาเงินออกมาก่อนแล้วค่อยประมูลต่อเถอะ”
“อ้อ…แขกชั้นบน เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่มีเงิน? แล้วรู้ได้อย่างไรว่าจะไม่มีคนจ่ายให้ข้าอีก?”
“เช่นนั้นเจ้าก็เอาเงินออกมาสิ”
กู้ชูหน่วนยิ้มลอยๆ “ข้าขอถาม ที่จัดประมูลเฟิงเซียงมีกฎให้แขกเอาเงินออกมาก่อนแล้วค่อยร่วมการประมูลหรือไม่?”
“เออ…กลับไม่มี”
“ในเมื่อไม่มี แขกชั้นบน เหตุใดจึงเรียกร้องข้าเช่นนี้?”
ผู้ดำเนินรายการเบนหัวข้อสนทนาทันที “แขกผู้ทรงเกียรติหมายเลขยี่สิบแปดไม่ได้กระทำผิดกฎ สามารถร่วมการประมูลต่อได้ แขกผู้ทรงเกียรติห้องส่วนตัวหมายเลขเก้าชั้นบน หากยังก่อความไร้เหตุผลอีก ขับไล่ออกจากที่จัดประมูลเฟิงเซียงทันที”
องค์หญิงตังตังโมโหโทโสสุดแสน
กู้ชูหน่วนยั่วโมโหนางยังแล้วไป
บัดนี้แม้แต่ที่จัดประมูลเฟิงเซียงก็ยืนอยู่ฝ่ายนางด้วย
เสี่ยวลวี่เอ่ยเตือน “องค์หญิง เวลานี้พระชายาหานไม่ได้กระทำผิด เราหาข้อบกพร่องนางไม่ได้ เช่นนี้ดีกว่า เราไม่สู้ราคาแล้ว ให้นางประมูลไป ดูสิว่าอีกเดี๋ยวนางจะเอาเงินห้าสิบล้านตำลึงไปจ่ายได้ไหมเพคะ”
“ข้าไม่ประมูลตอนนี้ มิเท่ากับประกาศว่าข้ากลัวนางหรือ? ตานี้ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องประมูลมาให้ได้!”
ว่าแล้วองค์หญิงตังตังก็ยกป้ายขึ้นอีกครั้ง “ห้าสิบเอ็ดล้านตำลึง”
“หกสิบล้านตำลึง”
“…”
หกสิบล้าน สมองนางบ้าไปแล้วหรือ?
องค์หญิงตังตังยังอยากชูป้าย เสี่ยวลวี่กอดป้ายไว้แน่น “องค์หญิง เราเพิ่มราคาไม่ได้แล้วนะเพคะ หากยังเพิ่มอีก ถึงจะเป็นไทเฮา ก็รวบรวมเงินได้ไม่มากขนาดนั้นหรอกเพคะ ถึงตอนนั้นเราจะอธิบายกับที่จัดประมูลเฟิงเซียงไม่ได้”
“ขบขัน! เสด็จแม่เป็นถึงองค์ไทเฮาของแคว้น ข้าก็เป็นที่โปรดปรานที่สุดในแคว้น เป็นองค์หญิงสูงส่ง ใต้หล้านี้ยังมีเงินที่เรารวบรวมไม่ได้อีกหรือ? สำหรับให้คำอธิบาย เฮอะ ข้าต้องอธิบายอะไรหรือ?”
“หกสิบเอ็ดล้านตำลึง”
“เจ็ดสิบล้านตำลึง”
เทียบกับความร้อนรุ่มขององค์หญิงตังตัง กู้ชูหน่วนสงบนิ่งกว่ามาก นางเปิดปากปิดปากเพิ่มราคา ใบหน้าไม่แดง ลมหายใจไม่หอบ ราวกับเอ่ยเรื่องปกติทั่วไปยิ่ง
หัวใจองค์หญิงตังตังเต้นเร็วขึ้น
นางลังเลว่าจะเพิ่มราคาอีกไหม เสี่ยวลวี่กอดป้ายแน่น อย่างไรก็ไม่ให้นางเพิ่มราคาแล้ว
มือที่ถือป้ายของอ๋องเจ๋อ ราวกับเผือกร้อนลวกมือ ลวกจนเขาอยากโยนทิ้ง
เจ็บสิบล้านตำลึง…
ถึงเขาจะทุบหม้อข้าว ก็ยังห่างอีกไกลโข นี่จะให้เขาประมูลอย่างไร?
รอยยิ้มเสี่ยวลู่คลี่บาน “แขกผู้ทรงเกียรติใจกว้างจริงๆ สู้ราคาทีก็เก้าล้านตำลึง เวลานี้หมายเลขยี่สิบแปดให้ราคาเจ็บสิบล้านตำลึง ยังมีที่สูงกว่านี้อีกไหม? หากไม่มี ก็เป็นไปได้มากว่าสารานุกรมหลอมยาจะตกเป็นของหมายเลขยี่สิบแปดแล้ว”
ทั้งงานเงียบสนิท
ทุกคนต่างไม่รู้ควรใช้อารมณ์อย่างไรถ่ายทอด
พวกเขาปรารถนาเป็นนักหลอมยา เพียงแต่ถึงได้สารานุกรมหลอมยามา ก็ไม่แน่ว่าจะเรียนหลอมยาได้สำเร็จ
“หมายเลขยี่สิบแปดเจ็ดสิบล้านตำลึงครั้งที่หนึ่ง หมายเลขยี่สิบแปดเจ็ดสิบล้านตำลึงครั้งที่สอง หากไม่มีผู้ใดให้ราคา สารานุกรมหลอมยาก็คือของแขกผู้ทรงเกียรติหมายเลขที่ยี่สิบแปดแล้ว!”
มุมปากกู้ชูหน่วนยกยิ้มหนึ่ง
รอจนประกาศว่าสารานุกรมหลอมยาตกอยู่ในมือนาง
แทบทุกคนต่างคิดว่าสารานุกรมหลอมยาต้องถูกนางชิงไปแน่แล้ว
แต่ขณะที่กลองจะดังขึ้น กลับได้ยินเสียงหนึ่ง “เจ็ดสิบห้าล้านตำลึง”
ซีด…
เจ็ดสิบห้าล้านตำลึง…นี่จะใจกว้างไปหน่อยกระมัง?
ฝูงชนต่างหันไปมอง เห็นเพียงชายชราผมขาวผู้หนึ่งสู้ราคา
ชายชราผู้นั้นสวมชุดเต๋า ท่วงท่าเซียนกระดูกเต๋า ไว้เคราขาวยาวนัก เวลานี้กำลังยิ้มให้กู้ชูหน่วนอยู่
“สวรรค์! นั่นมิใช่ปรมาจารย์เฟิงหรือ? เขาเป็นปรมาจารย์หลอมยาขั้นสอง คิดไม่ถึงว่าจะปรากฏตัวที่นี่ได้”
“ก็นั่นนะสิ ปรมาจารย์เฟิงล้างมือออกจากยุทธภพตั้งแต่สิบกว่าปีก่อนแล้ว ข้าคิดมาโดยตลอดว่าเขาตายไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขายังอยู่!”
“ยาที่ท่านเซียนเฟิงหลอม อัตราการขึ้นรูปยาสูงมาก ยาที่เขาหลอม ตลาดมีราคาไร้ของ ซื้อยากยิ่ง”
“หรือว่าปรมาจารย์เฟิงก็เล็งสารานุกรมหลอมยาด้วย?”
“ใต้หล้านี้มีนักหลอมยาคนไหนไม่อยากได้สารานุกรมหลอมยาบ้าง? ข้าว่าครั้งนี้ต้องถูกเขาประมูลได้เป็นแน่แท้ นักหลอมยาใดบ้างขาดแคลนเงิน?”