บทที่ 316 เลี้ยงงูเป็นพันวัน ใช้งูแค่ชั่วครั้ง
ทะเลโลหิต?
หึ……
คนโบราณเรียกหินหลอมเหลวว่าทะเลโลหิต ทำให้รู้สึกน่ากลัวมาก
“ประคองเขาเข้าไปในถัง”
กู้ชูหน่วนพลางตำยาสมุนไพร พลางพูดขึ้น
สถานที่แห่งนี้สำหรับคนอื่นแล้ว เป็นสถานที่ร้อนระอุมาก แต่สำหรับเย่จิ่งหานแล้ว ไม่รับรู้ถึงความร้อนที่แผดเผาเลยแม้แต่น้อย
เย่จิ่งหานเพิ่งจะเข้าไปในถัง อุณหภูมิในถังก็เย็นลงทันที
กู้ชูหน่วนโรยสมุนไพรลงไปในถังไม่น้อย นางตบเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่ขดอยู่บนข้อมือนางเบาๆ
เย่จิ่งหานรีบกุมของรักของตัวเองเอาไว้ทันที จ้องมองกู้ชูหน่วนอย่างระแวง
“เจ้าคิดจะทำอะไรอีก”
กู้ชูหน่วนกลอกตาให้เขา “ท่านคิดว่าข้าจะทำอะไร”
ที่นี่ร้อนจะตาย จะไปหาสัตว์มีพิษจากที่ไหนมาทำเป็นยาให้เขาแช่ได้เล่า
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ไป ไปดึงน้ำในทะเลโลหิตมาในถังน้ำหน่อย”
ทุกคนต่างก็รู้สึกตกใจ
นั่นมันหินหลอมเหลวทะเลโลหิตเชียวนะ
หินหลอมเหลวทะเลโลหิตที่มีความร้อนแทบจะปลิดชีวิต แม้แต่เหล็กและหินก็สามารถหลอมละลายได้
ถ้าหากดึงน้ำจากทะเลโลหิตเข้ามาในถัง นั่นไม่เท่ากับจะลวกเจ้านายให้ตายทั้งเป็นหรือ
“พระชายา ท่านล้อเล่นใช่หรือไม่”
“เจ้าดูท่าทีข้า เหมือนกำลังล้อเล่นหรือ”กู้ชูหน่วนพูดอย่างจริงจัง
แววตาของนางหนักแน่น ไม่มีแววล้อเล่นเลยสักนิด
“แต่ว่า…… หินหลอมเหลวทะเลโลหิตนั่น แม้แต่เข้าใกล้ข้างๆก็ร้อนแทบตาย ไหนเลย……”
“ร่างกายของมีลักษณะพิเศษ ไม่กลัวความร้อน ถ้าอยากจะควบคุมพิษเย็นและพิษใบเลือดดำ ต้องใช้แค่น้ำร้อนจากทะเลโลหิตเท่านั้น ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกกับท่านแล้ว ขั้นตอนการรักษาเจ็บปวดมาก และยังมีโอกาสที่จะล้มเหลวอีกด้วย ท่านจะกลับใจตอนนี้ยังทัน”
“เจ้าลงมือเถอะ ข้าเชื่อในฝีมือของเจ้า”เย่จิ่งหานมองกวาดทะเลโลหิตที่เดือดพล่าน ในใจมีความรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจอยู่บ้าง แต่เขาก็เลือกที่จะเชื่อกู้ชูหน่วน เลือกที่จะมอบชีวิตของตนเองให้นาง
“ท่านอ๋อง……”
หลีโล่ร้อนใจ
เจ้านายเชื่อใจพระชายา แสดงว่าพระชายามีความมั่นใจ มีความสามารถ แต่ความเสี่ยงนี้ก็อันตรายมากเกินไปกระมัง ถ้าหาก……
กู้ชูหน่วนยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่สดใส ท่าทีมั่นใจ”วางใจได้ ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ ”
“ได้”
“องครักษ์ เมื่อเริ่มทำการถอนพิษ เย่จิ่งหานจะสูญเสียวรยุทธไปอย่างสิ้นเชิง ระหว่างการถอนพิษ ห้ามถูกรบกวน ไม่เช่นนั้นความพยายามทั้งหมดจะสูญเปล่า”
หลีโล่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง”ข้าน้อยเข้าใจแล้ว ต่อให้ข้าน้อยต้องสู้จนตัวตายก็จะไม่ให้ใครเข้าใกล้ที่นี่อย่างเด็ดขาด ”
กู้ชูหน่วนพยักหน้า หันไปยิ้มกับเย่จิ่งหาน
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ขู่ฟ่ออย่างไม่พอใจ หางงูเขียนอักษรสองตัวไว้บนฝ่ามือของกู้ชูหน่วน
ห้าสิบ
กู้ชูหน่วนหิ้วมันขึ้นมา โยนไปที่ทะเลโลหิตทันที เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ตกใจ เปลี่ยนทิศทางระหว่างทางอย่างกะทันหัน ไปเกาะอยู่ที่ข้างถังของเย่จิ่งหาน ขู่ฟ่ออย่างน้อยใจ
กู้ชูหน่วนระอาใจ “เลี้ยงงูพันวัน ใช้งูแค่ชั่วครั้ง เจ้ากินเนื้อของจวนอ๋องหานไปตั้งเท่าไหร่แล้ว เจ้าลองนับดู ยังกล้ามาต่อรองอีก หมูห้าสิบตัว ทำไมเจ้าไม่ไปแย่งจากเล้าหมูเล่า ”
หลีโล่กับองครักษ์อีกคนต่างก็มึนงง
พระชายากำลังเถียงอะไรกับงูเล็กตัวนั้น
หมูห้าสิบตัวอะไรกัน
เย่จิ่งหานเลิกหนังตาขึ้น “ทำตามที่นางสั่ง ทำสำเร็จจะให้หมูเจ้าหนึ่งร้อยตัว”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ดวงตาเป็นประกาย มองดูเย่จิ่งหานอย่างรู้สึกดีขึ้นมาหลายส่วน
มันยังคงร้องฟ่อๆ ราวกับต้องการคำยืนยัน
เย่จิ่งหานพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “สิ่งที่ข้าพูดออกไปแล้ว ไม่มีทางคืนคำ แต่ว่า แต่ถ้าเจ้าทำไม่สำเร็จ ข้าก็คิดอยากจะกินงูเก้าเศียรน้ำแดงมานานแล้ว ”
“ฟ่อฟ่อฟ่อ……”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ส่ายหัวไปมา ทำท่าทีราวกับเป็นผู้ชนะ
เห็นเพียงร่างของมันค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นทีละนิ้ว
สุดท้ายก็ใหญ่ถึงหนึ่งเมตร ห้าเมตร สิบเมตร สามสิบเมตร ห้าสิบเมตร หนึ่งร้อยเมตร ……หนึ่งร้อยสามสิบกว่าเมตร……ค่อยๆกลายร่างใหญ่ขึ้นยาวขึ้น
พวกหลีโล่มองอย่างตื่นตะลึง
นี่มันงูตัวน้อยที่มีขนาดเท่าตะเกียบตัวนั้นจริงหรือ
ทำไมจึงขยายใหญ่ได้ขนาดนี้
ร่างของงูใหญ่กว่าใบหน้าคนแล้วกระมัง