บทที่ 318 การถอยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ยืมผลึกเกล็ดหิมะให้พวกเขาใช้ นางไม่กลัว
น้ำของทะเลโลหิตในถังไม้มีสีทองปนสีแดงเลือด ค่อยๆกลายเป็นสีดำ มีกลิ่นคาวเลือดลอยออกมา
กู้ชูหน่วนปาดเหงื่อออก มุมปากเผยให้เห็นรอยยิ้มดีใจ
นางเดาไม่ผิด ถ้าอยากจะควบคุมพิษร้ายในร่างกายของเขา ก็ต้องหาวิธีที่ร้ายกาจกว่าสิ่งที่อยู่ในร่างกายของเขา
ตั้งแต่สมัยโบราณน้ำกับไฟก็ไม่ถูกกันแล้ว พิษเย็นใช้หินหลอมเหลวควบคุมดีที่สุด
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ยังคงนำน้ำจากทะเลโลหิตเข้ามาในถังไม่หยุด
หัวที่มีขนาดใหญ่ของมันก็โคลงไปมาไม่หยุด ราวกับไม่ค่อยเข้าใจ น้ำในทะเลโลหิตร้อนขนาดนี้ ทำไมพอเข้าไปในถังไม้แล้วจึงได้ลดอุณหภูมิลงอย่างรวดเร็ว
“ตอนนี้ข้าจะฝังเข็มให้เขา เข็มนี้ถ้าฝังลงไปแล้ว ภายในเจ็ดวัน เขาจะสูญเสียพลังภายในทั้งหมด เจ้าเตรียมตัวพร้อมหรือยัง”
ดวงตาดุดันของเย่จิ่งหานกวาดมองไปยังหลีโล่
หลีโล่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านอ๋องโปรดวางใจ ข้าน้อยได้เตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว รับรองว่าไม่มีใครรู้ว่าท่านและพระชายามาที่เมืองอู๋ซวงแน่นอน ยิ่งไม่มีใครรู้ว่า ท่านกับพระชายามาที่นี่”
สองมือของเย่จิ่งหานกำแน่น พยายามสะกดกลั้นความเจ็บปวดในร่างกาย เขาเอ่ยด้วยเสียลอดไรฟันว่า”ฝังเข็มเถอะ”
ประโยคที่ว่าฝังเข็มเถอะ เท่ากับการมอบชีวิตทั้งหมดของบตนเองไว้ในมือของกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนไม่กล้าประมาท หยิบเข็มเงินออกมา ฝังลงไปที่จุดฝังเข็มที่สำคัญเช่นจุดเทียนฉือ จุดไป่หุ้ยเป็นต้น
“อืม……”
เย่จิ่งหานครางอย่างอย่างเจ็บปวดเสียงหนึ่ง
กู้ชูหน่วนพูดว่า “เจ็บนิดหน่อย แต่ท่านต้องอดทน ขอเพียงสามารถแบกรับความเจ็บปวดให้ผ่านห้าวันนี้ไป สองขาของท่านก็สามารถยืนขึ้นได้แล้ว”
“ได้”
หลีโล่ไม่รู้ว่าเจ้านายของตนเองถูกฝังเข็มไปมากเท่าไหร่ ได้รู้เพียงแต่ว่าสำหรับคนฝึกวิทยายุทธอย่างเขา จุดฝังเข็มมากมายเขานั้นไม่รู้จักเลย และไม่รู้ว่าพระชายาใช้วิธีการอะไรด้วย
แต่ว่าเลือดพิษในถังไม้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่คอยนำน้ำจากทะเลโลหิตเข้ามาอยู่เรื่อย ๆเกรงว่าน้ำสมุนไพรในถังไม้คงจะไหม้ไปนานแล้ว
“ฟู่ ในที่สุดก็เสร็จซะที”
หลังจากที่ฝังเข็มเงินเล่มสุดท้ายเสร็จแล้ว กู้ชูหน่วนก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆเฮือกหนึ่ง
“พวกเจ้าเทน้ำในถังไม้ออกให้หมด จากนั้นก็เติมน้ำสะอาดเข้าไปใหม่ ใส่ยาสมุนไพรเข้าไปตามสัดส่วนนี้”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่แล้ว ทุกสองชั่วยาม ให้ทำตามวิธีการเช่นนี้อีกรอบ น้ำสมุนไพรใหม่ๆจะยิ่งขับพิษของเขาออกมาได้เร็วขึ้น และทำให้เลือดของเขาไหลเวียนได้”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากทำทั้งหมดเสร็จแล้ว หลีโล่ก็ถามอย่างหยั่งเชิงว่า “พระชายา การแช่ยาสมุนไพรด้วยวิธีการนี้ หลังจากนี้ห้าวัน ขาทั้งสองข้างของท่านอ๋องจะหายดีใช่หรือไม่”
“ไม่เร็วขนาดนั้น ถอดเสื้อผ้าของเจ้านายเจ้าออกให้หมด ให้เขานอนลงบนหินก้อนนั้น”
เย่จิ่งหานที่กำลังอดทนต่อความเจ็บปวดลืมตาขึ้นมาทันที “ถอดเสื้อผ้าหรือ ให้นอนที่ไหน นี่มันที่โล่งนะ”
“ท่านแช่อยู่ในน้ำ ข้าจะฝังเข็มบนขาของท่านได้อย่างไร ท่านไม่นอนบนก้อนหิน แล้วจะต้านทานพิษเย็นได้อย่างไร”กู้ชูหน่วนกลอกตาให้เขาทีหนึ่ง
คิดว่านางเป็นคนยังไง
หญิงบ้ากามหรือ
เห็นผู้ชายแล้วต้องโผเข้าไปหา
ไม่ดูตัวเองซะบ้างเลยว่าตอนนี้ในร่างกายของตัวเองมีพิษตกค้างอยู่ตั้งเท่าไหร่
นางยังกลัวถูกพิษเลย
“เปลี่ยนเป็นวิธีอื่น”
“นี่เป็นเพียงวิธีการเดียว ถ้าหากไม่ใช่วิธีการนี้ ไม่เพียงแต่ขาของท่านทั้งสองข้างจะลุกขึ้นยืนไม่ได้ แม้แต่ชีวิตของท่านก็คงต้องทิ้งไว้ที่นี่”
“……”
“พวกเจ้าสองคน ยังไม่รีบประคองเขาขึ้นมาอีก”
“แต่ว่า …… “แต่ว่าเจ้านายยังไม่มีคำสั่ง
“พวกเจ้าอยากจะมองดูเจ้านายของพวกเจ้าตายโดยไม่ทำอะไรใช่หรือไม่”
“แน่นอนว่าไม่ใช่”
“แล้วทำไมยังไม่รีบประคองเขาขึ้นมานอนเล่า”
“รอก่อน นอนบนก้อนหินก็ได้ แต่จุดสำคัญของร่างกาย จำเป็นต้องปกปิดเอาไว้”เย่จิ่งหานพูด
“ทำเหมือนข้าไม่เคยเห็นทุกส่วนของร่างกายท่าน”
“กู้ชูหน่วน”เย่จิ่งหานกัดฟันกรอด
นี่ถือเป็นการถอยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว
“ได้ได้ได้ นอกจากบริเวณที่ต้องฝังเข็มแล้ว ส่วนอื่นๆท่านปกปิดได้หมด พอใจหรือยัง”
สีหน้าของเย่จิ่งหานดูดีขึ้นมาเล็กน้อย
แต่ไม่ช้า เขาก็รู้ว่า ตัวเองถูกผู้หญิงคนนี้หลอกอีกแล้ว
เขานอนอยู่บนก้อนหินที่ร้อนระอุ เสื้อผ้าบนร่างกายทั้งหมดแทบจะถูกกู้ชูหน่วนถอดออกไปจนหมด ตั้งแต่บริเวณหน้าอกลงไป ถูกเข็มเงินฝังอยู่เต็มไปหมด ปวดจนเขาแทบจะร้องไห้ออกมา
ที่น่าโมโหกว่านั้นคือ เขาต้องเปลือยกายต่อหน้ากู้ชูหน่วนอีกครั้ง
เย่จิ่งหานเอ่ยอย่างขุ่นเคือง “กู้ชูหน่วน เจ้าบอกแล้วนี่นาว่าจุดที่ไม่ต้องฝังเข็มให้ปกปิดเอาไว้ได้”
“ใช่ข้าเคยพูด ฉะนั้นข้าจึงปิดลำคอของท่านเอาไว้อยู่นี่ไง”
ปิดลำคอจะมีประโยชน์อะไร
ที่สำคัญคือ ส่วนที่อยู่ถัดจากลำคอลงไปไม่มีการปกปิดเลย
การรักษาขา จุดที่ฝังเข็ม ไม่ใช่สองขาของเขาหรืออย่างไร
ทำไมจึงเอาแต่ฝังเข็มลงไปบนร่างกายของเขา
แต่ไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนใช้ยาอะไร ร่างกายเขาอ่อนปวกเปียกไปหมด แม้แต่แรงในการยกมือก็ยังไม่มี
ราวกับรับรู้ถึงโทสะในใจของเย่จิ่งหาน นางพูดอธิบายว่า “สองขาของท่านก็เป็นแค่ภาชนะที่รองรับเท่านั้น อยากจะรักษาขาให้หาย ก็ต้องเริ่มทำการรักษาจากต้นตอ”
เหตุผลบ้าบออะไรกัน
ผู้หญิงคนนี้ นางจงใจใช่หรือไม่
เย่จิ่งหานกราดเกรี้ยวจนถึงขีดสุดแล้ว แต่กู้ชูหน่วนกลับทำเรื่องที่ทำให้เขาต้องยิ่งรู้สึกอับอายและโมโหมากยิ่งขึ้น
นาง
คิดไม่ถึงเลยว่านางจะฝังเข็มลงไปที่’น้องชาย’ของเขา
“กู้ชูหน่วน……”
เสียงตะคอกอย่างดุดันดังสนั่น
แม้แต่ก้อนหินที่ร้อนระอุยังสั่นสะเทือนไปหลายครั้ง
กู้ชูหน่วนถูกตะคอกจนตกใจสะดุ้งมือสั่น เข็มเล่มหนึ่งฝังเอียงไป ฝังไปบนจุดที่อ่อนแอที่สุดของเขา
“ซี้ด…”
ใบหน้าหล่อเหลาของเย่จิ่งหานเจ็บปวดจนบิดเบี้ยวขึ้นมา
ปวด……
ปวดแทบจะตายแล้ว
เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าความสุขในครึ่งหลังของชีวิตนี้ที่สุดแล้วต้องขึ้นอยู่กับกู้ชูหน่วนใช่หรือไม่
กู้ชูหน่วนกุมขมับ รีบดึงเข็มเงินออกมา
“ใครใช้ให้ทานตะคอกเสียงดังเล่า เข็มเงินของข้าก็เลยเอียงไป เรื่องนี้จะโทษข้าไม่ได้”
บางทีอาจเป็นเพราะว่านางถอนเข็มออกอย่างรวดเร็วมาก หรือบางทีอาจเป็นเพราะว่าจุดนั้นบอบบางเกินไป เย่จิ่งหานจึงรู้สึกเจ็บจนต้องสูดลมหายใจอีกครั้ง
ถ้าหากสายตาสามารถฆ่าคนได้
เกรงว่ากู้ชูหน่วนคงถูกเขาฆ่าตายไปเป็นพันเป็นหมื่นรอบแล้ว
เขาเริ่มเชื่อเรื่องที่นางเป็นตัวเคราะห์ร้ายขึ้นมาซะแล้ว
คิดไม่ถึงว่าเขาจะหลงเชื่อผู้หญิงคนนี้
ถึงว่าชิงเฟิงคอยพร่ำบอกเสมอ ยินดีที่จะยอมเชื่อภูตผีปีศาจบนโลกใบนี้ แต่ไม่เชื่อลมปากของผู้หญิงอย่างเด็ดขาด
หลีโล่แทบไม่กล้าจะดูสีหน้าของเจ้านายตนเอง
รู้สึกรับไม่ได้จริงๆ
พระชายารักษาขาก็ทำไปซิ ทำไมต้องใช้วิธีการสุดขั้วเช่นนี้ด้วย
เจ้านายเป็นผู้ที่มีสถานะสูงส่ง ไม่เคยถูกใครเหยียดหยามเช่นนี้มาก่อน
“กู้ชูหน่วน ทางที่ดีเจ้าควรภาวนาให้เจ้ารักษาขาของข้าให้หาย ไม่เช่นนั้น……”
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น แต่ใครๆต่างก็ฟังออกว่าในคำพูดนั้นแฝงแววแจ้งเตือนอยู่ด้วย
“ท่านหยุดพูดไปเลย เอาแต่หวาดระแวงอยู่ได้ ทำเอาข้าฝังเข็มต่อไม่ได้แล้ว”
กู้ชูหน่วนพลางพูด พลางหยิบผ้าออกมาผืนหนึ่ง ยัดเข้าไปในปากของเย่จิ่งหาน อุดปากที่กำลังหอบหายใจแรง
หลีโล่เอ่ยห้าม “พระชายา ทำอย่างนี้ไม่เหมาะสมกระมัง”
“ไม่เหมาะสมยังไง ท่านอ๋องเอาแต่ใจ พวกเจ้าก็เอาแต่ใจตามไปด้วย พวกเจ้าไม่ดูซะบ้างว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไร เสียเวลาในการรักษาในช่วงที่ดีที่สุด จนทำให้ท่านอ๋องต้องถึงแก่ชีวิต พวกเจ้ารับผิดชอบไหวหรือไม่”
“ข้าน้อย……ข้าน้อยไม่กล้า……”
แต่การอุดปากเจ้านายเอาไว้ วิธีการเช่นนี้เกินไปหรือไม่
ถ้าเจ้านายหายดีแล้ว และถ้าวรยุทธฟื้นกลับคืนมา เขาจะปล่อยพวกนางไปหรือ
“ในเมื่อไม่กล้า ก็หุบปาก แทบจะเอาชีวิตไม่รอดอยู่แล้ว ยังจะสนใจเรื่องศักดิ์ศรีอีก อีกอย่าง สิ่งที่ท่านมี นอกจากหญิงสาวกับขันทีแล้ว ผู้ชายทุกคนก็มี ไม่เหมือนเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ซะหน่อย ที่มีหัวแปลกประหลาดตั้งเก้าหัว”