ตุบ ตุบ ตุบ!
เฉิงฉงชานก้าวถอยออกไปทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
“ศ-ศิษย์พี่ ท่านคงไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่หรือไม่?” เฉิงฉงชานนั้นฝืนยิ้มถามขึ้น
แต่จ้าวคุนนั้นกลับส่ายหัวออกมา “ไม่ได้ล้อเล่น! ข้านั้นเคยอ่านถึงมันในหนังสือเก่าของนิกายว่านี่มันคือพิษเฉพาะตัวของจงเจียนโชว ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกขนานนามว่าเป็นยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกอันดับหนึ่งในห้ายอดแดนสวรรค์! คนที่ถูกพิษนี้เข้าไปจะไม่มีทางรอดไปได้! ปะทุเงียบนั้นหากมันยังอยู่ในช่วงฟักตัวมันจะยังพอใช้โอสถสวรรค์ต่างๆ กดไว้ได้แต่หากมันปะทุขึ้นมาแล้วใต้ระดับจักรพรรดิหยกลงมามันย่อมจะไม่มีใครรอดได้! ดูท่าสุสานที่เจ้าไปเจอเข้ามันจะเป็นสุสานของเขาแน่แล้ว!”
พูดมาถึงตรงนี้ดวงตาของจ้าวคุนมันก็เปล่งประกายความโลภขึ้นมา
จงเจียนโชวนั้นครั้งหนึ่งเคยเลื่องชื่อในห้ายอดแดนสวรรค์ ถูกขนานนามว่าเป็นยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกอันดับหนึ่ง!
มีหรือที่คนเช่นนี้จะทิ้งอะไรที่ธรรมดาๆ ไว้?
ตำนานที่เขาทิ้งไว้นั้นมันย่อมจะมีแต่สมบัติล้ำค่า!
เจ้าโง่เฉิงฉงชานคนนี้กลับเอามันให้เย่หยวนไปเสียอย่างนั้น
แต่ว่ามันก็คงไม่มีพิษภัยใดๆ เพราะในเมื่อเขามาแล้วเขาก็ย่อมจะเอามันกลับไปได้!
เฉิงฉงชานนั้นรีบกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าวิตก “บ้าน่า! เป็นไปไม่ได้! ข้านั้นสัมผัสถึงพิษอะไรไม่ได้เลยแท้ๆ!”
จ้าวคุนจึงกล่าวเสริมขึ้นมา “นั้นแหละคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของพิษชนิดนี้ มันเป็นสิ่งที่จะไม่มีทางตรวจพบได้หากยังอยู่ในช่วงฟักตัว! แต่หากมันปะทุขึ้นมาแล้วก็รอดได้ยากยิ่ง!”
พูดมาถึงตรงนี้จ้าวคุนก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเย่หยวนด้วยสายตาตกตะลึง
พิษปะทุเงียบนั้นมันคือพิษที่ทำให้คนผู้ได้ยินต้องสั่นกลัว แต่เย่หยวนนั้นกลับสามารถแก้ไขมันได้แม้มันจะปะทุขึ้นแล้วก็ตาม!
ฝีมือนี้มันเป็นของจริง!
เพราะจะอย่างไรเสีย นี่มันก็คือพิษที่ยังไม่มีใครแก้ไขได้!
ในเวลานี้คนรักของเฉิงฉงชาน หวู่ชวงคนนั้นก็กล่าวขึ้นมาพร้อมคุกเข่าลงขอร้องจ้าวคุน “ศิษย์พี่จ้าว ข้าขอร้องท่านล่ะ ช่วยศิษย์พี่เฉิงด้วย!”
จ้าวคุนยิ้มตอบกลับไป “คิดจะให้ข้าลงมือช่วยมันย่อมทำได้ แต่เจ็ดในสิบของสมบัติที่พวกเจ้าได้มาจากสุสานนั้นต้องเป็นของข้า! ที่สำคัญข้าจะเป็นคนเลือกด้วย!”
เฉิงฉงชานหน้าเปลี่ยนสีไปทันที “ศิษย์พี่จ้าว นั่นมัน… มันจะไม่มากไปหน่อยหรือ?”
จ้าวคุนจึงตอบกลับมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “เทียบกับชีวิตเจ้าแล้วมันย่อมจะไม่แพงไป! หากเจ้าไม่ถูกพิษตัวข้าก็ย่อมจะไม่เรียกร้องใดๆ ให้มากมาย แต่เมื่อเจ้าคิดหันมาก้มหัวขอร้องข้าเช่นนี้แล้ว เจ้าก็ย่อมจะต้องจ่ายออกมาตามราคา”
คนทั้งสามรอดชีวิตออกมาได้สิ้น ใครเห็นก็รู้ได้
มีหรือที่สุสานของยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกนั้นกลับจะมีโอสถสวรรค์แค่ไม่กี่เม็ด?
เพียงแค่ว่าจะอย่างไรพวกเขาก็เป็นคนนิกายเดียวกัน ทีแรกเขาก็ไม่คิดจะเอาอะไรให้มากมาย
เพราะจะอย่างไรเฉิงฉงชานก็เป็นคนรายงานเรื่องนี้กลับไปให้ทางนิกาย
หากเฉิงฉงชานเกิดมาตายลงตรงนี้ทางนิกายคงไม่นิ่งนอนใจแน่
แต่ในเมื่อเฉิงฉงชานมาคิดก้มหัวขอร้องเขานั้น มันก็ย่อมจะคนละเรื่องกัน
เฉิงฉงชานหน้าซีดขาวลงก่อนจะร้องกล่าวขึ้นมาพร้อมกัดฟันแน่น “ได้! ตราบเท่าที่ศิษย์พี่ช่วยให้ข้ารอดไปได้ ข้าจะมอบสมบัติที่ได้มาเจ็ดในสิบให้ท่าน!”
จ้าวคุนยิ้มขึ้นมาพร้อมพยักหน้ารับ “ได้ เช่นนั้นก็มาทำพันธะวิญญาณดั่งเดิมกัน!”
“เดี๋ยวสิ! พวกเจ้าจะไม่คิดถามคนที่สำคัญที่สุดในสัญญาครั้งนี้เสียหน่อยหรือ? พวกเจ้าจะไม่คิดถามความเห็นข้าแม้แต่น้อยเลยหรือ?” เย่หยวนกล่าวขึ้นมา
ศิษย์พี่น้องทั้งหลายนี้พูดกล่าวเจรจาต่อรองกันแต่ไม่คิดจะเอาเย่หยวนผู้ที่รู้วิธีรักษาพิษนี้มาสนใจเลย
การลงมือของจ้าวคุนนั้นมันย่อมจะเป็นการจับตัวเย่หยวนไปบังคับให้เขารักษาเฉิงฉงชานอย่างไม่ต้องสงสัย
เขานั้นเห็นได้ชัดเจนจากท่าทางของเฉิงฉงชานและจ้าวคุน
แต่สิ่งที่เขายิ่งผิดหวังก็คือแม้แต่หวู่ชวงนั้นเองก็ยังไม่คิดจะเห็นหัวผู้มีพระคุณอย่างเขานี้
เฉิงฉงชานถูกพิษ นางนั้นไม่คิดขอร้องเย่หยวนแต่กลับไปขอร้องให้จ้าวคุนจับเย่หยวนมาทันที ดูท่าแล้วตัวนางเองก็คงไม่สนใจชีวิตของผู้บรรลุสวรรค์นัก
หรือจะบอกว่านางไม่เคยคิดสนใจชีวิตใครเลย?
น่าขัน!
คนทั้งหลายนี้มันเหมือนหนังคนแสดงของนิทานชาวนากับงูเห่า ทำเอาคนที่คิดช่วยต้องหมองใจสิ้น
ไม่ว่าเย่หยวนจะแสดงท่าทางอย่างไรออกมาเขานั้นก็ยังช่วยชีวิตคนทั้งสามไว้
นี่มันคือความจริง!
แต่ศิษย์พี่น้องทั้งหลายนี้กลับไม่คิดจะแสดงความขอบคุณใดๆ ต่อเขาแม้แต่น้อย
ศิษย์ของนิกายสวรรค์หยกแท้นั้นมันช่างทำให้เย่หยวนได้เปิดหูเปิดตายิ่งนัก!
จ้าวคุนหันกลับมามองเย่หยวนก่อนจะหัวเราะขึ้น “มดปลวก ข้าบอกให้เจ้าทำอะไรเจ้าก็ทำตามไป ใครสนใจความคิดของเจ้ากันเล่า? ข้ารู้ว่าเจ้านั้นสำเร็จกฎแห่งห้วงมิติแต่ต่อหน้าข้าเจ้ามันก็ไร้ค่าใดๆ แน่นอนว่าหากเจ้าดื้อด้านจริงๆ แล้วข้าก็ยังมีวิธีการอีกนับไม่ถ้วนที่จะทำให้เจ้ายอมจำนน! อ่า เกือบลืมไป เมื่อกี้เจ้าคิดท้าทายข้าใช่หรือไม่?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ว่าไงนะ? ข้าฟังภาษาหมาไม่ค่อยออก”
ซี๊ด…
การท้าทายของเย่หยวนนี้มันทำให้คนโดยรอบต้องสูดหายใจเข้าลึก
ราชครูผู้นี้ช่างกล้า!
มาถึงขั้นนี้แล้วแต่เขากลับยังไม่คิดยอมก้มหัว เช่นนี้มันมีแต่จะหาเรื่องใส่ตัวมิใช่หรือ?
แน่นอนว่าจ้าวคุนนั้นหรี่ตาลงมองพร้อมกล่าวลั่น “ดีมาก ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตายเองแล้วข้าก็จะสนองให้เจ้าเอง!”
วินาทีเดียวกันนั้นจ้าวคุนก็ปลดปล่อยคลื่นพลังปะทุขึ้นจากร่างจนทำให้คนทั้งหลายแทบไม่อาจหายใจ
เขานั้นมองดูเย่หยวนก่อนจะกล่าวขึ้นมาว่า “เจ้าคงไม่รู้ว่าข้านั้นขึ้นชื่อเรื่องความเร็วแม้แต่ในหมู่คนนิกายสวรรค์หยกแท้ด้วยกัน! เจ้าคิดจะมาแสดงฝีมือน้อยๆ ของเจ้าต่อหน้าข้าหรือ?”
เย่หยวนยิ้มแต่ไม่ตอบกลับใดๆ ไป
จ้าวคุนที่ได้เห็นใบหน้านั้นของเย่หยวนแล้วยิ่งโกรธเคืองพุ่งร่างหายไปทันที
“ห-หายไปแล้ว!”
“ไม่หาย เขาเร็ว! เร็วจนเรามองไม่ทัน!”
“นี่มันจะเหนือสวรรค์เกินไปหรือไม่? สมชื่อว่าเป็นศิษย์นิกายในของนิกายสวรรค์หยกแท้จริงๆ!”
…
เงาร่างของจ้าวคุนนั้นจางหายไปจนทำให้เกิดเสียงโห่ร้องขึ้นตามๆ กัน
วิชาเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งเช่นนี้พวกเขาเพิ่งจะเคยได้พบเห็นเป็นครั้งแรก
เฉิงฉงชานหันมามองเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม “เจ้าโง่ ศิษย์พี่จ้าวนั้นเป็นผู้ที่ฝึกฝนก้าวลวงเทพสวรรค์ขึ้นไปจนถึงระดับเหนือฟ้า ต่อให้จะเป็นยอดฝีมือสิบอันดับคนอื่นๆ เองก็คงไม่อาจจะตามเขาได้ทันเช่นกัน!”
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองที่เย่หยวนได้โปรยผงสีเหลืองอ่อนออกมา
วินาทีที่ผงนี้มันถูกโปรยมันก็ลอยไหลไปตามสายลม
เมื่อเฉิงฉงชานได้เห็นเขาก็ต้องหัวเราะลั่นขึ้นมา “ฮ่าๆๆ… เจ้าสมองเพี้ยนไปแล้วหรือ? แค่ผงนี้เจ้าก็คิดจะจัดการกับศิษย์พี่จ้าวแล้ว?”
ตึง!
เสียงของเขายังไม่ทันจางหายไปแต่มันก็ปรากฏร่างหนึ่งร่วงลงกองกับพื้น
จ้าวคุนนั้นกำลังนอนชักกระตุกอยู่บนพื้นดิน
ในเวลานี้ใบหน้าของจ้าวคุนมันบิดเบี้ยวเหมือนกำลังเจ็บปวดทรมานอย่างมาก น้ำลายไหลฟูมปากและดวงตานั้นเหลือกขึ้นสูง กระตุกชักอย่างไม่มีท่าทีจะหยุด
ดวงตาของเฉิงฉงชานแทบจะถลนออกมาจากเบ้า
คนทั้งหลายในที่นี้ต่างต้องอ้าปากค้างไปตามๆ กัน
นี่มัน… เกิดอะไรขึ้นกัน?
วินาทีก่อนนั้นจ้าวคุนกำลังพุ่งตัวไปหาอย่างรวดเร็วเหนือฟ้าราวกับว่าโลกนี้เป็นของเขา
แต่วินาทีต่อมาเขากลับนอนชักบนพื้น?
นอน… ชัก!
ยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ขั้นปลายนั้นกลับลงไปนอนชักกับพื้น!
“เจ้า… เจ้าทำอะไรศิษย์พี่จ้าวกัน?” เฉิงฉงชานถามขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้าก็บอกแล้วไงว่าข้านั้นเปิดดูภายในแผ่นหยกได้และเรียนรู้จะผสมกลั่นเจ้าสิ่งนี้ขึ้นมา มันเรียกว่าโค่นสายลม เจ้า… คงเคยได้ยินมันมาก่อนใช่หรือไม่?”
เฉิงฉงชานหน้าซีดขาวลงทันทีที่ได้ยิน “ค-โค่นสายลม! เจ้า… เจ้ากลับเรียนรู้ที่จะผสมโค่นสายลมขึ้นมา! ให้ตายสิ เช่นนั้นแล้วเรา…”
เสียงของเขานั้นยังไม่ทันจางหายเฉิงฉงชานก็ต้องกระตุกและชักขึ้นมาอย่างรุนแรง
จากนั้นเขาก็ลงไปกองนอนกับพื้น
ตึบ!
ตึบ!
ตึบ!
ยอดฝีมือคนแล้วคนเล่าลงไปนอนกองชักกระตุกบนพื้น
ถังหยูและพวกนั้นต้องเบิกตากว้างค้าง
ภาพของยอดฝีมือนับร้อยๆ ที่ร่วงลงไปนอนกองพร้อมๆ กันพร้อมกระตุกชักน้ำลายไหลตาเหลือก มันเป็นภาพที่หาดูได้ยากยิ่ง!
………………………..