อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 446 ต่างคนต่างคิดไปเอง
ทุกคนต่างถูกดึงดูด อยู่นานก็ไม่อาจถอนใจกลับ ยังมีบางคนกรอบตาชื้นแฉะ ปาดน้ำตาไม่หยุด ร้องไห้กระซิก “เรื่องที่พระชายาหานเขียนช่างน่าอนาถโดยแท้ นางเอกเดิมเป็นได้รับความรักพันหมื่น ครั้นราชวงศ์แปรผัน สิบขวบก็ถูกฉุดคร่าเข้าวังหลวง รับทุกข์ทรมานทุกค่ำคืน แล้วยังถูกย่ำยีให้กำเนิดบุตรชายของทรราชเซวียนหยวนจิ่นเจ๋อคนนั้น ปีนั้นที่นางถูกลักพาตัวเพิ่งอายุสิบขวบ เรื่องอำมหิตเช่นนั้น เซวียนหยวนจิ่นเจ๋อทำได้อย่างไร?”
“ข้ารู้สึกว่าพี่ชายทั้งเจ็ดของนางเอกหยางฉู่ลั่วสิถึงน่าอนาถ แต่ละคนมีความรู้ความสามารถและหน้าตาเป็นเลิศ ครบครันบุ๋นบู๊ แต่คนหนึ่งกลับตายอนาถกว่าอีกคนหนึ่ง แล้วยังคนทั้งตระกูลหยางอีก นั่นล้วนเป็นผู้จงรักภักดี เซวียนหยวนจิ่นเจ๋อชั่วร้ายเกินไปแล้ว”
“ไม่ ที่น่าอนาถที่สุดคือบุตรชายของหยางฉู่ลั่ว เดิมทีเขาควรเป็นองค์ชาย แต่เพราะเซวียนหยวนจิ่นเจ๋อไม่ยอมรับเขา ดังนั้นอยู่ในวังหลวงเขามีชีวิตยิ่งกว่าบ่าวไพร่ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้กินอิ่มท้องสักมื้อ อดอยากหิวโหยทุกวัน แต่เขาก็ไม่โอดครวญ ทุกครั้งก็ประหยัดอาหารให้หยางฉู่ลั่วกิน เด็กคนนี้ ช่างรู้ความยิ่งนัก ช่างน่าปวดใจโดยแท้”
“ก็นั่นนะสิ เขาเกิดมาก็ถูกขังอยู่ที่หอหลันหลิงไม่เคยได้ออกไปแม้แต่ก้าวเดียว ครั้งเดียวที่ออกไปยังถูกบิดาบังเกิดเกล้าของตัวเอง หรือก็คือเจ้าทรราชเซวียนหยวนจิ่นเจ๋อนั่นขังอยู่ในลานประลองสัตว์ สุดท้ายถูกเดรัจฉานร้ายกัดแขนเสียดื้อๆ เวลานั้นเขาควรไร้กำลังเพียงไร?”
“แต่ข้ารู้สึกว่าหยางฉู่ลั่วสิอนาถ ครอบครัวนางล้วนถูกทรมานจนตาย นางยังเห็นบุตรชายในอุทรของตัวเองถูกกัดแขนต่อหน้าต่อตา เลือดไหลหมดตัวตาย ส่วนเซวียนหยวนจิ่นเจ๋อสามีของนางกลับโอบหญิงงามอื่นปรบมือหัวเราะ สั่งไม่ให้หมอหลวงทั้งหมดรักษา ความรู้สึกหมดสิ้นหนทางนั้นมิใช่คนธรรมดาก็สัมผัสได้”
“ไม่ๆๆ เซวียนหยวนจิ่นเจ๋อสิอนาถ แม้เขาเป็นทรราช ทำร้ายทุกคนในตระกูลหยางที่จงรักภักดี และทำร้ายหยางฉู่ลั่วจนอเนจอนาถขนาดนั้น แต่ในใจเขาต้องทรมานแน่ หากไม่ใช่เพราะพี่สาวของหยางฉู่ลั่วรังแกเขาก่อน ล้อเล่นกับความรู้สึกของเขา เขาก็ไม่เปลี่ยนแปลงกะทันหัน เปลี่ยนไปจนอำมหิตกระหายเลือด และไม่ขังหยางฉู่ลั่วไว้ในหอหลันหลิงด้วย ต้องรู้นะ หอหลันหลิงเป็นสถานที่ที่เซวียนหยวนจิ่นเจ๋อทุ่มเงินทองมหาศาลเจาะจงสร้างขึ้น อยากมอบให้พี่สาวของหยางฉู่ลั่ว”
“ทรราชนั่นหรือน่าสงสาร? เจ้าอย่าล้อเล่นไปหน่อยเลย เขาก็ไม่ดูว่ามือของเปื้อนเลือดเท่าไรแล้ว!”
บรรดานักเรียนของวิทยาลัยนั่งล้อมถกเถียงเรื่องราวกัน กู้ชูหน่วนโล่งอกเล็กน้อย แยกยิ้มเอ่ย “ท่านอาจารย์ คนทั้งวิทยาลัยต่างถูกเรื่องของข้าดึงดูด แล้วยังมีคนมากมายประทับใจจนหลั่งน้ำตาร้องไห้หนัก ที่หนึ่งเป็นข้าแล้วใช่ไหม?”
หรือควรมอบปิ่นระย้าหยกขาวให้นางแล้ว?
ซ่างกวนฉู่กำลังอ่านต้นฉบับที่นางเขียน สายตาจดจ่ออยู่กับอักษรคำว่าเฟิงหลิง ในใจหลากอารมณ์ ครั้นได้ยินถ้อยคำของนาง ก็อดกลั้นความพลุ่งพล่านในใจอย่างหนัก เอ่ยเรียบ “ข้าบอกหรือว่าเรื่องต้องประทับเพียงนักเรียนในวิทยาลัย?”
“หมายความว่าอย่างไร?”
“ความหมายคือ ประชาชนทั้งพระนคร กระทั่งทั้งแคว้นเย่ต้องประทับใจด้วย และยอมรับว่าน่าสนใจ ประทับใจที่สุดของทุกเรื่องในวิทยาลัย จึงจะได้ที่หนึ่ง”
มุมปากกู้ชูหน่วนกระตุก สีหน้าขมึงตึงทันที
นางว่าแล้วเชียว จิ้งจอกใหญ่อย่างซ่างกวนฉู่จะใจดีขนาดนี้ได้ที่ไหน
อย่างที่คิด ปิ่นระย้าหยกขาวของเขาไม่ใช่ได้มาง่ายขนาดนั้น
ต้องการให้ประชาชนทั้งแคว้นเย่ต่างยอมรับโดยทั่วกันว่าเรื่องที่นางเขียนดีที่สุด ประทับใจที่สุด เช่นนั้นต้องใช้เวลานานเท่าไร? อี้เฉินเฟยยังจะรอถึงตอนนั้นได้ไหม?
“อาจารย์ซ่างกวน ท่านหลอกข้ากระมัง? ท่านรู้หรือไม่ว่าแคว้นเย่ใหญ่เพียงใด? อย่าว่าแต่ให้พวกเขาประทับใจและยอมรับ ถึงจะส่งเรื่องถึงมือพวกเขาทั้งหมด ปีสองปีก็ยังส่งไม่เสร็จ”
หากเป็นเช่นนี้ นางขอปฏิเสธเขียนต่อ และคิดหาวิธีอื่นเอาปิ่นระย้าหยกขาวแทน
อาจเพราะสายตานางแน่วแน่มากเกินไป น้ำเสียงของซ่างกวนฉู่อ่อนลงหน่อยหนึ่ง “เช่นนั้นเป็นทั้งพระนครก็แล้วกัน ห้ามต่อรองอีก มิเช่นนั้นจะเก็บของรางวัลกลับ”
“อีกอย่าง ต้องเขียนเรื่องให้ดี ห้ามจบอย่างขอไปทีเด็ดขาด มิเช่นนั้นก็ยกเลิกเช่นกัน”
กู้ชูหน่วนกัดฟันเอ่ย “ได้”
ช่างเถอะ เพื่อปิ่นระย้าหยกขาว นางต้องสู้สักตั้ง
วันนี้ กู้ชูหน่วนตะบี้ตะบันเขียนอยู่ในราชวิทยาลัย เรื่องที่นางเขียนวิเศษเหลือเกิน ดึงดูดบรรดานักเรียนทั้งวิทยาลัยอย่างหนัก
นักเรียนทุกคนต่างเขียนต่อไม่ได้แล้ว แม้แต่กู้ชูหยุนก็เช่นกัน
ทุกคนล้อมมองดูนางเขียนอยู่ด้านข้าง มีบางคนกระทั่งกู้ชูหน่วนเขียนคำหนึ่งก็คัดคำหนึ่ง ส่งไปให้ครอบครัวตัวเองอ่าน
ทุกแผ่นกระดาษที่นางเขียน จะมีคนรวบรวมนำไปมอบให้อาจารย์ซ่างกวนดูโดยเฉพาะ
ยากนักที่อาจารย์ซ่างกวนจะอยู่ตลอดทั้งคืน นั่งอยู่ในห้องเรียนตลอด รอต้นฉบับของกู้ชูหน่วน
ก่อนหน้านี้มิเคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
คนที่คุ้นเคยกับอาจารย์ซ่างกวนล้วนคาดเดาได้ อาจารย์ซ่างกวนน่าจะชอบเรื่องนี้มาก ถึงได้อยู่ต่ออย่างผิดวิสัย
นอกจากพวกเขา อาจารย์และนักเรียนทั้งวิทยาลัยต่างถูกดึงดูดเข้ามาหมด
ต้นฉบับย่อมส่งไปถึงตรงหน้าอ๋องหาน ฮ่องเต้เย่และคนอื่นๆ ด้วย
ฮ่องเต้เย่เห็นต้นฉบับ ถามกับเสียวหลี่จือ
“เสียวหลี่จือ เจ้าว่าเป็นเพราะข้าให้กู้ชูหน่วนสมรสกับอ๋องหาน ก็เลยมีใจคิดแค้นข้า จงใจทำให้ข้าดูแย่หรือไม่?”
“ฝ่าบาท เหตุใดจึงคิดเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ ได้รับพระราชทานสมรสจากพระองค์ นั่นเพราะบรรพบุรุษไหว้พระสะสมแต้มบุญมาเยอะ เป็นวาสนาสามชาติของนาง ต้องซาบซึ้งในน้ำพระทัยอยู่แล้ว จะมีใจคิดแค้นพระองค์ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ ”
“เจ้าดูที่นางเขียนทรราชเซวียนหยวนจิ่นเจ๋อนี่สิ กำลังบอกเป็นนัยว่าข้าก็คือทรราชชัดๆ หากมิใช่เพราะข้า นางก็ไม่ต้องแตกหักกับกู้เฉิงเซี่ยง สะบั้นสัมพันธ์พ่อลูก สุดท้ายก็ออกเรือนกับอ๋องหานอย่างโดดเดี่ยวแล้ว”
เสียวหลี่จือพรั่นพรึง รีบเอ่ยเตือน “ฝ่าบาท ทรงพระปรีชากล้าหาญ มีพระเมตตาเป็นล้นพ้น เซวียนหยวนจิ่นเจ๋อจะเทียบกับพระองค์ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”
“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าในเรื่องของนาง ตัวละครตัวไหนคือตัวข้า?”
“เออ…”
เสียวหลี่จือเหงื่อตก
เขาอ่านถึงตอนนี้ก็ดูไม่ออกเหมือนกันว่าตัวละครตัวไหนคล้ายคลึงกับฮ่องเต้ จะให้เขาตอบอย่างไร?
“ฝ่าบาท หนังสือที่พระชายาหานทรงเขียนล้ำเลิศโดยแท้ ข้าน้อยอ่านหนังสือไม่มาก ดูไม่ออกจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“ช่างเถอะ ด้วยความรู้จำพวกนี้ อภัยที่เจ้าดูไม่ออก”
ฮ่องเต้เย่อ่านต้นฉบับ อ่านอย่างมีอรรถรส หนึ่งคืนไม่รู้ว่าอ่านซ้ำกี่รอบแล้ว หากไม่ติดที่ฐานะ เขายังอยากไปราชวิทยาลัยดูนางเขียนด้วยตนเอง
เปรียบเทียบอยู่นาน เขายังรู้สึกว่ากู้ชูหน่วนคิดแค้นเขา จึงจงใจเขียนเซวียนหยวนจิ่นเจ๋อเป็นเขา ทำให้เขาดูแย่
ที่ทำให้เขาละอายใจคือ
หรือกู้ชูหน่วนรู้ว่าตนมีใจให้แก่นางอยู่บ้าง? จึงจงใจเขียนว่าเซวียนหยวนจิ่นเจ๋อชอบพี่สาวของหยางฉู่ลั่ว
หากเป็นเช่นนั้น แล้วนางต้องการบ่งบอกอะไรกันแน่?
มีใจให้เขา? หรือว่าไม่?
ในจวนอ๋องหาน
เย่จิ่งหานกำลังอ่านต้นฉบับ ถูกดึงดูดจมดิ่ง
แม้แต่ชิงเฟิง เจี่ยงเสวียที่อยู่ข้างกายเขายังถูกดึงดูดด้วย
เย่จิ่งหานเอ่ยถาม “ชิงเฟิง เจี่ยงเสวีย พวกเจ้าคิดว่าในเรื่องที่พระชายาเขียนนี่ ผู้ใดคือข้า?”
ชิงเฟิงไม่คิดสักนิด โพล่งออกไป “นั่นยังต้องพูดอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ? ก็ต้องเป็นพระเอกฉู่หยู่เฉินอยู่แล้ว เขาคิดแผนการในการในโจม สยบหมื่นหลี่ มีใจรักมั่นต่อนางเอก เฉกเช่นเดียวกับท่านอ๋องและพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”
เจี่ยงเสวียไม่กล่าววาจาอย่างรู้ความ
หากท่านอ๋องคือฉู่หยู่เฉิน เช่นนั้นหมวกเขียวบนศีรษะท่านอ๋อง(*หมวกเขียวหมายถึงการถูกสวมเขา)ก็หลายใบไปแล้วกระมัง?