อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม – บทที่ 479 ถอยทัพ

บทที่ 479 ถอยทัพ

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 479 ถอยทัพ
สิ่งที่กู้ชูหน่วนพูดไม่น่าฟัง แต่กลับมีเหตุผลทุกคำ ฮ่องเต้ของแคว้นฉู่นิ่งเงียบ

ตอนนั้นตกใจที่ได้ยินถึงชาติกำเนิดของเย่เฟิงพร้อมกับข่าวร้าย เขารู้สึกโกรธมาก จากนั้นก็นำทัพออกรบด้วยตนเอง สาบานว่าจะกำจัดเผ่าปีศาจให้ราบ

เขาเคลื่อนกองทัพ ทำลายเขาสูบวิญญาณจนราบคาบ ทำลายฐานที่มั่นของเผ่าปีศาจจุดแล้วจุดเล่า ยังฆ่าหัวหน้ากองธงของเผ่าปีศาจไปอีกสองคน

คนที่เคยรังแกเย่เฟิงทั้งหมด นอกจากหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ที่หาตัวไม่พบ เขาก็ไม่ปล่อยใครไว้แม้แต่คนเดียว

สุดท้ายก็ยังคงไม่อาจดับความโมโหได้ ส่งกองทัพมาล้อมภูเขาหยุนฉี อยากจะทำลายหัวหน้าเผ่าของเผ่าปีศาจ

เขาจากมากอย่างรีบร้อน แม้ว่าจะจัดการเรื่องทั้งหมดในแคว้นฉู่แล้ว แต่ก็ยากที่จะป้องกันขุนนางที่ไม่ซื่อสัตย์ฉวยโอกาสก่อกบฏ

ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขา แคว้นที่อยู่รอบๆจะฉวยโอกาสปล้นชิงตามไฟก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

กู้ชูหน่วนเตือนได้ถูกต้อง

“ประเทศที่ยิ่งใหญ่อย่างแคว้นฉู่ ไม่ใช่แคว้นทั่วไปจะมาสั่นคลอนได้ง่ายๆ อีกอย่างเห็นพวกเราเป็นคนกินเจไม่ฆ่าสัตว์หรืออย่างไร กระทั่งฮ่องเต้ฮ่องเฮาก็ปกป้องไม่ได้”แม่ทัพชุยเอ่ยอย่างเดือดดาล

“ฮองเฮา ข้าช่วยท่านกับเย่เฟิงโดยไม่เสียดายชีวิตตัวเองตั้งหลายครั้ง ให้พวกท่านถอยทัพออกไปจากภูเขาหยุนฉีคงไม่มากไปกระมัง”

“เรื่องนี้……”

ฮองเฮามองไปทางฮ่องเต้แห่งแคว้นฉู่ ถามความคิดเห็นของเขา

ฮ่องเต้ของแคว้นฉู่พูดว่า “ช่างเถอะ เห็นแก่เจ้าที่เคยช่วยฮองเฮาและเย่เฟิงเอาไว้ ครั้งนี้ข้าจะถอยทัพ แต่ข้าไม่มีทางที่จะไม่หาเรื่องเผ่าปีศาจตลอดไป เผ่าปีศาจทำให้ครอบครัวข้าไม่สามารถอยู่พร้อมหน้ากันได้ พวกเขาต้องชดใช้”

“คนที่ทำลายการได้อยู่อย่างพร้อมหน้าของครอบครัวพวกวท่าน น่าจะเป็นคนที่อุ้มเย่เฟิงหนีไปคนนั้น”

เอ่ยถึงคนคนนั้น บรรยากาศในกระโจมก็อึมครึมลง

คนของแคว้นฉู่ต่างก็รู้ดี นั่นเป็นคนสนิทที่หักหลังฮ่องเต้และฮองเฮา หลายปีมานี้ ฮ่องเต้และฮองเฮากลัวคนอื่นจะเอ่ยถึงเรื่องนี้มากที่สุด

“เจ้าไปได้แล้ว”ฮ่องเต้แห่งแคว้นฉู่สั่งการเสียงเย็น

เดิมทีเขานั้นรู้สึกซาบซึ้งใจต่อกู้ชูหน่วน แต่ว่ากู้ชูหน่วนกลับช่วยเผ่าปีศาจออกหน้าและพูดจา ทำให้เขาสูญเสียความรู้สึกดีๆที่เขามีต่อกู้ชูหน่วน

กู้ชูหน่วนยกเท้าที่หนักอึ้งราวกับถูกกรอกด้วยตะกั่วก้าวขาไม่ออก

ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ นางก็พูดขึ้นว่า

“ภูเขาหยุนฉีเมื่อก่อนเคยเป็นหน่วนหลักของเผ่าปีศาจ ที่นี่มีค่ายกลปลิดชีพโบราณอยู่เต็มไปหมด ที่พวกเขาไม่ได้ทำการป้องกันอะไรที่นี่เลย นั่นก็เพราะว่าภูเขาทั้งสองลูกเดิมก็เป็นค่ายกลสังหารด่านหนึ่ง ขอเพียงพวกเขาเปิดค่ายกล ภูเขาสองลูกนี้ก็จะสลายกลายเป็นผุยผง ที่นี่ ……น่ากลัวกว่าเขาทิ้งวิญญาณ”

ทุกคนตะลึงงัน

แม่ทัพชุยพูดขึ้นว่า “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร บนโลกใบนี้จะมีค่ายกลที่โหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนั้นได้อย่างไร ภูเขาสองลูกกลายเป็นฝุ่นผงในพริบตา เจ้าคิดว่าพวกเราเป็นเด็กสามขวบหรืออย่างไร”

ไม่เพียงแต่แม่ทัพชุยที่ไม่เชื่อ คนที่อยู่ตรงนั้นแทบจะไม่มีใครเชื่อเลย

“ข้าพูดไปหมดแล้ว พวกท่านก็เอาเองเถอะ”

ทันใดนั้นฮองเฮาฉู่ก็ร้องขึ้น “แม่นางกู้ช้าก่อน ข้าเชื่อที่เจ้าพูด ฮ่องเต้……”

ฮ่องเต้แห่งแคว้นฉู่โบกมือ ส่งสัญญาณให้เหล่าแม่ทัพถอยออกไป

“ฮ่องเต้ ไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของหญิงคนนี้ ถ้าพวกกระหม่อมถอยออกไป นางคิดไม่ซื่อ อาจจะ……”

“คนที่ฮองเฮาเชื่อ ข้าก็เชื่อด้วย พวกเจ้าถอยออกไปให้หมด”

“พ่ะย่ะค่ะ……”

แม่ทัพทั้งหลายของแคว้นฉู่ต้องก็จ้องมองกู้ชูหน่วนด้วยสายตาดุดัน แววตาแฝงไปด้วยการแจ้งเตือน

กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ

แต่ไหนแต่ไรนางเป็นพวกชอบไม้อ่อนไม่ชอบไม้แข็ง แจ้งเตือนนาง หึ……

หลังจากที่ขุนนางทั้งหลายออกไปแล้ว ในกระโจมเหลือเพียงฮ่องเต้ฮองเฮากับกู้ชูหน่วน และซือโม่เฟยสี่คน

ฮ่องเต้ของแคว้นฉู่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แค่ชั่วพริบตาเหมือนแก่ลงไปสิบกว่าปี

เขาในตอนนี้ ไม่เหมือนฮ่องเต้ แต่เหมือนพ่อธรรมดาที่สูญเสียลูกอันเป็นที่รักไป

“แม่นางกู้ ข้ารู้ ภายนอกดูเหมือนเจ้าจะช่วยเผ่าปีศาจทุกทาง แต่ที่จริงแล้วเจ้าเกรงว่าทหารแสนกว่านายของข้าจะตายอยู่ที่นี่ จึงเสี่ยงอันตรายมาแจ้งเตือนใช่หรือไม่”

กู้ชูหน่วนพยักหน้า

“ข้าเข้าใจความหวังดีของเจ้า ข้าแค่อยากจะถามคำถามเดียว หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ไม่ได้อยู่ที่ภูเขาหยุนฉีจริงหรือ”

“จริงเพคะ ถ้าหากเขาอยู่ที่ภูเขาหยุนฉี ไม่จำเป็นต้องให้พวกท่านลงมือ ข้าจะฆ่าเขาด้วยตัวข้าเอง และจะส่งศีรษะของเขามาวางไว้ตรงหน้าพวกท่าน”

“แล้วเจ้าเกี่ยวข้องกับเผ่าปีศาจอย่างไร”

“เรื่องนี้ ……ยากที่จะอธิบายเป็นคำพูดสั้นๆ……”

ซือโม่เฟยแทรกขึ้นประโยคหนึ่ง เอ่ยอย่างจริงจังว่า “นางเป็นภรรยาของข้า ย่อมมีความเกี่ยวข้องเป็นสามีภรรยากัน”

“เจ้ามีตำแหน่งอะไรในเผ่าปีศาจ”

ฮ่องเต้แห่งแคว้นฉู่อย่างไรก็เป็นฮ่องเต้ แววตาหลักแหลม แค่แวบเดียวเท่านั้นก็ดูออก ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา

กู้ชูหน่วนชิงพูดขึ้นก่อนว่า “เขาก็เป็นแค่ฉีโสว่ในเผ่าปีศาจที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร และความสัมพันธ์ของข้ากับเขาก็ซับซ้อนมาก”

ฮ่องเต้และฮองเฮาแห่งแคว้นฉู่ต่างก็เข้าใจในสิ่งที่นางพูด และไม่อยากจะถามให้มากความ ทั้งๆที่เป็นชายาเอกของเทพสงครามกลับมาเป็นภรรยาของคนในเผ่าปีศาจอีก

ฮ่องเต้แห่งแคว้นฉู่กล่าวว่า “ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ต้องขอบคุณเจ้า ที่ช่วยชีวิตฮองเฮากับองค์ชายเอาไว้ ภายหน้าหากเจ้าต้องการความช่วยเหลืออะไร ก็ไปหาข้าที่แคว้นฉู่ได้ทุกเมื่อ ถ้าข้าทำได้ ข้าจะช่วยอย่างสุดความสามารถ”

“เพคะ”

“เฟิงเอ๋อเขา……เคยเอ่ยถึงข้าต่อหน้าเจ้าหรือไม่”

“ยังมีข้า เฟิงเอ๋อเคยเอ่ยถึงข้ากับเจ้าหรือไม่”ฮองเฮาฉู่ถามขึ้นอย่างร้อนรน ดวงตาที่เศร้าโศกคู่นั้น สะท้อนความหวังของนางทั้งหมด

น้ำเสียงของกู้ชูหน่วนมีแววขมขื่นอยู่บ้าง” เคย เขาภูมิใจมากที่เกิดเป็นลูกชายของพวกท่าน และอยากจะดูแลปรนนิบัติพวกท่าน เพียงแต่เขาไม่สามารถรวบรวมความกล้าได้ ตอนที่เย่เฟิงตาย ยังสั่งเสียเป็นการพิเศษกับข้า ให้ดูแลพวกท่านให้ดี”

น้ำตาหยดหนึ่งของฮองเฮาฉู่ไหลออกมา ปิดปากของตนเองเอาไว้แน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้น

ฮ่องเต้แห่งแคว้นฉู่จับเก้าอี้มังกรไว้แน่นอย่างโทษตนเอง เอ่ยอย่างปวดใจว่า “ล้วนโทษข้าที่ไร้ความสามารถ ถ้าหากข้าสามารถหาตัวเขาพบเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่ต้องทุกข์ทรมานมากมายเช่นนั้น”

“ตอนที่ตาย เขาตายอย่างมีความสุข อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าพ่อแม่ตัวเองคือใคร และรู้ว่าพ่อแม่ตัวเองมีชีวิตที่ดีมาก ฮ่องเต้ฮองเฮา ขอพวกท่านจงรักษาตัวด้วย”

“ติ๋ง……”

สองมือของฮ่องเต้ฉู่สั่นเบาๆ หยิบขนมไส้ดอกไม้ขึ้นมาหนึ่งชิ้น กัดลงไปเบาๆหนึ่งคำพร้อมน้ำตา

นี่เป็นขนมที่เย่เฟิงลงมือทำให้ฮองเฮาเองกับมือ

ฮองเฮาเก็บเอาไว้ส่วนหนึ่งมาให้เขากิน

หลายวันมานี้ เขาไม่ยอมกัน ได้แต่ดมแล้วดมอีกเท่านั้น เหมือนกับว่าการดมขนมไส้ดอกไม้นั้น ก็เหมือนมีเย่เฟิงอยู่ข้างกายเขา

แต่วันนี้ เขากินไปหนึ่งคำ

ขนมไส้ดอกไม้หอมหวานอร่อย อ่อนนุ่ม เหนียวหนึบ อร่อยกว่าขนมไส้ดอกไม้ใดๆที่เขาเคยกินมาทั้งหมด

ดวงตาของฮ่องเต้รื้นไปด้วยน้ำตา และฝืนกลืนเข้าไปอีกหนึ่งคำ

ได้แต่ทิ้งคำพูดที่เศร้าโศกประโยคหนึ่ง”ถ้าหากเฟิงเอ๋ออยู่ข้างกาย คงจะดีมาก”

ฮองเฮาฉู่ลุกขึ้น กุมมือของเขาเอาไว้

ฮ่องเต้โอบนางเข้ามาในอ้อมอก

เงียบ

ในกระโจมบรรยากาศเงียบสงบผ่อนคลาย

กู้ชูหน่วนมองดูภาพพวกเขาอิงแอบกัน ก็ถอนหายใจอย่างไร้เสียง

ใช่แล้ว ถ้าหากเย่เฟิงยังมีชีวิตอยู่ คงจะดีมาก

เขาคงเป็นองค์ชายที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้าแน่

ชีวิตของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉู่แต่งงานกับฮองเฮาฉู่แค่คนเดียวเท่านั้น

เกิดเป็นฮ่องเต้คนหนึ่ง สาวงามในวังหลังกว่าสามพันคนเขาก็ไม่เอา ต้องการแต่งงานกับฮองเฮาคนเดียวเท่านั้น

และไม่ได้มีบุตรกับหญิงอื่นใดอีก เพื่อสืบสกุล การทำเช่นนี้ในราชวังสมัยโบราณ เกรงว่าคงจะเพียงหนึ่งเท่านั้นกระมัง

ถ้าหากเย่เฟิงยังมีชีวิตอยู่ ฮองเต้แห่งแคว้นฉู่คงจะรักเขามาก

เสียดาย

ไม่มีถ้าหาก……

กู้ชูหน่วนพาซือโม่เฟยหมุนตัวจากไป

ข้างหู ได้ยินเสียงของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉู่ดังขึ้น”ให้พวกเขาจากไปอย่างปลอดภัย ถ่ายทอดคำสั่ง ให้ทุกคนถอยทัพออกจากภูเขาหยุนฉี”

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

Status: Ongoing

กู้ชูหน่วน เดิมทีเป็นอัจริยะแพทย์สาวยุคปัจจุบัน การข้ามภพหนึ่ง พาเธอย้อนเวลาไปที่ยุคโบราณที่ไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็คือ เพิ่งจะมาถึงสถานที่แปลกหูแปลกตานี้แท้ๆ เธอก็ต้องเสียตัวให้กับชายแปลกหน้าอย่างไม่มีทางเลือก หลังจากมีการพัวพันซึ่งกันและกัน เดิมทีกู้ชูหน่วนคิดว่าแต่นี้ต่อไป ต่างคนต่างไป จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก สุดท้ายกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เย่จิ่งหานกลับคอยตอแยเธอไม่เลิก โชคชะตาฟ้าลิขิต เธอค่อยๆครอบครองใจของเย่จิ่งหานไปเรื่อยๆ จนทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก อย่างโงหัวไม่ขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท