อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 611 ค่ายกลนรกสิบแปดขุม
กู้ชูหน่วนดึงผ้าห่ม คุมเขาไว้อย่างมิดชิด กล่าวปลอบว่า “ทนอีกสักหน่อนเถอะ บางทีอีกประเดี๋ยวก็อาจจะมีคนมาช่วยพวกเราแล้ว” คำพูดนี้ ไม่ต้องพูดถึงเย่จิ่งหาน แม้แต่กู้ชูหน่วนเองก็ไม่เชื่อ
ที่นี่คือแดนเหนือสุด ไร้กลิ่นอายผู้คนมาตลอดทั้งปี หิมะน้ำแข็งปกคลุม บนยอดอาจจะเป็นภูเขาลูกเล็กๆก็ได้ แต่จะผู้ใดที่มีเวลาว่างน่าเบื่อจนมาปีนเขาไปทั่วทุกแห่งได้อีก?
“กุกกุก…..”
ไม่รู้ว่าท้องของใครส่งเสียงดังขึ้นมาอย่างไม่ถูกเวลา
กู้ชูหน่วนเลียริมฝีปากอันซีดขาวเล็กน้อย กล่าวด้วยเสียงขุ่นเคือง “ข้าไม่ควรเอาอาหารทั้งหมดให้เจ้างูโง่จอมตะกละนั่นกินเลย”
แม้จะเหลือไว้สักหน่อย พวกเขาก็คงไม่ต้องถึงขั้นหิวจนหน้ามืดตาลายแบบนี้
เย่จิ่งหานโอบนางแน่น สูดกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์บนตัวนางด้วยความโลภ “รอให้กำลังภายในของข้าฟื้นคืนมาหน่อย ข้าก็จะให้กำลังภายในของข้าสะเทือนหิมะน้ำแข็งเหล่านั้น พาเจ้าออกไป”
“ได้……”
“ดี……”
กู้ชูหน่วนยิ้มเจื่อน
แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังเป็นยอดฝีมือระดับหก ก็สะเทือนภูเขาหิมะออกไม่ได้
ในถ้ำหิมะอันมืดมิด ทั้งสองต่างไม่มีอะไรจะพูดกัน เพียงแค่อิงแอบกันเงียบๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
ความหิว ความหนาวเย็นโจมตีพวกเขาอย่างต่อเนื่อง
สถานที่ที่หนาวเย็นเช่นนี้ กู้ชูหน่วนทนไม่ไหวเล็กน้อยแล้ว ร่างกายเริ่มค่อยๆเย็น สั่นเทาไม่หยุด แม้แต่ฟันก็สั่นกึกกึก
เย่จิ่งหานช่วยนางถูกมือน้อยๆอยู่ไม่หยุด ให้ความอบอุ่นแก่นาง แล้วเอาผ้าห่มห่มให้นางทั้งหมด
กู้ชูหน่วนกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ข้า…..ข้าไม่หนาว ท่านบาดเจ็บหนักกว่าข้า ท่านห่มก็ดีแล้ว”
“อาการบาดเจ็บของข้าดีขึ้นมากแล้ว กำลังภายในก็ลึกล้ำกว่าเจ้า ยังสามารถทนได้อีกครู่หนึ่ง เจ้าห่มให้ดี”
“ข้าจะต้องตายที่นี่แล้วงั้นหรือ?”
“ไม่ ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตายหรอก”
“อืม”
กู้ชูหน่วนพิงไหล่ของเขา ตอบรับเบาๆเสียงหนึ่ง
ผ่านไปอีกวัน สถานการณ์ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ
กลิ่นอายแห่งความตายก็ปกคลุมมากขึ้นเรื่อยๆ
ระหว่างนี้ เย่จิ่งหานเคยลองใช้กำลังภายในสั่นสะเทือนหิมะน้ำแข็งเหล่านั้น ทว่านอกจากหิมะน้ำแข็งด้านนอกจะร่วงตกลงมาส่วนหนึ่ง ก็สั่นสะเทือนอย่างอื่นไม่ออก
ถ้ายังสั่นสะเทือนต่อไปแล้วก้อนน้ำแข็งที่ติดอยู่ตรงปากถ้ำแตก หิมะน้ำแข็งทั้งหมดก็จะปกคลุมลงมา พวกเขาจะต้องโดนทับถมตายกันหมด
การใช้กำลังภายในครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้อาการบาดเจ็บของเย่จิ่งหานหนักขึ้น
กู้ชูหน่วนกล่าวด้วยความอ่อนแรง “ทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะมีคนเอาหิมะทั้งหมดออกไปจากภายนอก”
กู้ชูหน่วนพยายามเรียกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หลายครั้ง แต่ไม่ได้รับการตอบสนองของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แม้แต่น้อย
“แฮะแฮะ…..”
กู้ชูหน่วนไอสองสามครั้ง กระอักเลือดออกมากองหนึ่ง ซึ่งทำให้เย่จิ่งหานตกใจเข้าแล้วจริงๆ
เขาแตะหน้าผากของกู้ชูหน่วน สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ทำไมถึงได้ร้อนขนาดนี้? เจ้าเป็นหวัดแล้วหรือ?”
กู้ชูหน่วนแบะปาก
อากาศเหน็บหนาวพื้นเย็น และไม่มีอาหารอีก นางขดตัวอยู่ในนี้มาหลายวันขนาดนี้ จะไม่เป็นไข้เป็นหวัดได้หรือ?
“ยังมียาอีกหรือไม่ ข้าป้อนให้เจ้าดื่ม”
“ไม่มีแล้ว” ก่อนหน้านี้เขาบาดเจ็บสาหัสมากเกินไป ให้เขาใช้ไปหมดแล้ว
“เช่นนั้นเจ้าก็ดื่มน้ำหน่อย”
เย่จิ่งหานหยิบแก้วขึ้นมาใบหนึ่ง ตักหิมะหนึ่งแก้ว หลังจากนั้นหิมะเต็มหนึ่งแก้วที่เขาตักขึ้นมา ก็กลายเป็นน้ำเดือดในทันที
“หากเจ้าไม่รักษาแรงไว้ เจ้าก็จะทนต่อไปไม่ได้”
กู้ชูหน่วนส่ายศีรษะ ไม่ยอมดื่มน้ำของเขา
น้ำร้อนนั่นใช้กำลังภายในของเขาเป็นตัวเร่ง ไม่มีอาหารบำรุง อีกทั้งในสภาพอากาศเลวร้ายเช่นนี้ เขาจะสามารถกระตุ้นกำลังภายในได้อีกกี่ครั้ง
“หากเจ้าตาย ข้ามีชีวิตอยู่แล้วจะมีประโยชน์อะไร? ข้าเคยบอกกับเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ขึ้นสวรรค์ลงนรก ชีวิตนี้ชาตินี้ของข้าเย่จิ่งหานก็จะติดตามเจ้าอย่างแน่นอนแล้ว”
ร่างกายของกู้ชูหน่วนกระตุกเล็กน้อย
ในแสงสลัว นางเห็นแววตาที่จริงจังมั่งคงในความรักลึกซึ้งของเย่จิ่งหาน ทุกคำที่พูดล้วนออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
เย่จิ่งหานสวมหน้ากากผีมาตลอดทั้งปี ทำให้คนเห็นใบหน้าที่แท้จริงได้ไม่ชัดเจน
กู้ชูหน่วนถอดหน้ากากของเขาลงโดยไม่รู้ตัว ปรากฏเป็นใบหน้าอันสง่างามเป็นเลิศไม่เป็นสองรองใคร เค้าโครงชัดเจน
ดวงตาอันลึกล้ำของบุรุษ เผยให้เห็นความเป็นห่วงที่ปกปิดไม่ได้
คิ้วคมๆและดวงตาอันสดใส ริมฝีปากบางๆที่ซีดขาวเล็กน้อย ตาหูจมูกปากรูปทรงสมส่วนของเขา เหมือนดั่งงานศิลปะที่สง่างามโดดเด่นที่สุดของสรวงสวรรค์
ด้วยใบหน้าที่งดงามหล่อเหลาเช่นนี้ แม้จะเกิดในฝูงชน ก็จะถูกดึงดูดได้ในพริบตา
ไม่รู้ว่าเป็นปัญหาของแสงไฟหรือไม่ แต่กู้ชูหน่วนรู้สึกว่าบุคลิกลักษณะเฉพาะตัวของเขา จนถึงโฉมหน้าของเขาดูนุ่มนวลกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย
นางยิ้มด้วยความลุ่มหลง “ท่านหน้าตาดีขนาดนี้ ทำไมต้องสวมหน้ากากที่อัปลักษณ์นี่อยู่ทุกครั้ง”
“เจ้าอยากรู้หรือ?”
“อืม”
“เพราะหน้าตาของข้านี้เหมือนกับท่านแม่ของข้ามาก ท่านแม่ของข้ามีศัตรูมากมาย นางกลัวว่าคนอื่นจะจำได้ว่าข้าเป็นลูกชายของนาง ด้วยเหตุนี้นางจึงให้ข้าสวมหน้ากากตั้งแต่เด็กๆ”
“ท่านแม่ของท่านคือ……”
“พระชายาของอดีตฮ่องเต้”
“พระ….พระชายาของอดีตฮ่องเต้? แต่ไม่ใช่ว่าท่านเป็นน้องชายของอดีตฮ่องเต้ เป็นเสด็จอาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันหรอกหรือ?”
กู้ชูหน่วนสับสนมึนงงจนจับทิศไม่ถูกเล็กน้อยแล้ว
“เจ้าน่าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเผ่าหยกสินะ”
“รู้”
“ท่านแม่ของข้าเป็นคนเผ่าหยก ทุกคนในเผ่าหยกล้วนโดนคำสาปโลหิตกันหมด ผู้ชายที่โดนคำสาปโลหิต จะเสียสติ ฆ่าคนอย่างบ้าคลั่ง อีกทั้งภายในร่างกายยังมีพลังการกัดกร่อนอย่างหนึ่งกัดกร่อนร่างกายของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายจะกัดกร่อนจากภายในสู่ภายนอกและตาย แต่ผู้หญิงกระดูกจะแตกไปทีละนิ้วทั้งร่าง ร่างกายดั่งถูกมีดดาบนับพันหมื่นเล่มเชือดเฉือน เฉือนพวกนางอยู่ไม่หยุด……”
สติของกู้ชูหน่วนชัดเจนขึ้นมาก
ท่าทางของประชาชนในเผ่าหยกขณะที่คำสาปโลหิตกำเริบ ประทับอย่างชัดเจนในสมองของนาง เจ็บปวดจนนางหายลำบาก
คำสาปโลหิตของเผ่าหยก ไม่มีผู้ใดกระจ่างไปมากกว่านาง
“เผ่าหยกอยู่อย่างสันโดษมาร้อยปี ไม่ไปมาหาสู่กับโลกภายนอก และไม่อนุญาตให้คนในเผ่าแต่งงานกับคนนอก ตอนนั้นท่านแม่ของข้าเป็นธิดาเทพของเผ่าหยก เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยกรุ่นต่อไป ตัวนางมีภารกิจอันหนักอึ้ง ก็คือตามหามุกมังกรเจ็ดเม็ด”
“คิดจะเสาะหามุกมังกรเจ็ดเม็ด ทำได้เพียงออกไปจากเผ่า หลังจากที่ท่านแม่ของข้าออกจากเผ่าหยกไป ก็ไปรักกับท่านพ่อของข้าก็คือเสด็จพ่อของข้า ตกลงแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกันตลอดชีวิตเป็นการส่วนตัว สุดท้ายก็มีข้า”
เย่จิ่งหานพูดช้าๆ คิ้วขมวดและคลายออกเป็นครั้งคราว ราวกับว่าจมเข้าไปอยู่ในความทรงจำ
“ท่านแม่ของข้าเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ไม่เพียงแค่อ่อนโยนแต่ยังมีเมตตาด้วย นางช่วยท่านพ่อของปกครองแคว้น ลงโทษขุนนางทุจริต จัดการอุทกภัย บรรเทาโรคระบาด ชนะใจได้รับความรักความเคารพจากประชาชนทั้งหมดของแคว้นเย่”
“ท่านพ่อท่านแม่ของข้ากลัวว่าเผ่าหยกและเผ่าเทียนเฟิ่นจะรู้ว่าพวกเขาให้กำเนิดข้า และจะฆ่าข้าในอนาคต ด้วยเหตุนี้……ตั้งแต่ที่ข้าเกิด ก็ถูกรายงานเท็จว่าเป็นเลือดเนื้อของเสด็จปู่ที่ได้มาในวัยชรา และก็คือน้องชายแท้ๆของเสด็จพ่อ”
กู้ชูหน่วนเข้าใจแล้ว
ไม่น่าแปลกใจที่เย่หวงองค์ปัจจุบันเรียกเขาว่าเสด็จอา
ตามที่เขาพูด อันที่จริงเขาและเย่หวงก็เป็นเพียงพี่น้องกันเท่านั้น ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบอาหลาน
เจ้าหมอนี่ เขาหลอกเย่หวงซะจนน่าอนาถเชียว
“งั้นหลังจากนั้นล่ะ…..ท่านพ่อท่านแม่ของท่านล่ะ?” กู้ชูหน่วนถามอย่างระมัดระวัง
นางเชื่อว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น ไม่เช่นนั้นตำแหน่งหัวหน้าเผ่าหยก จะวนมาจนถึงนางได้อย่างไร
“ต่อมา…..ผู้อาวุโสของเผ่าหยกรู้เรื่องนี้และโกรธมาก ประกาศว่าจะฆ่าเสด็จพ่อของข้า ท่านแม่ของข้าอ้อนวอนด้วยความลำบาก เผ่าหยกถึงได้ปล่อยตัวเสด็จพ่อของข้า แต่เงื่อนไขก็คือ จำเป็นต้องไปกับพวกเขา”
“ในปีนั้น ข้าอายุยังไม่ถึงสามขวบ เห็นกับตาว่าท่านแม่ของข้าทำเพื่อแคว้นเย่ เพื่อเสด็จพ่อ ติดตามพวกผู้อาวุโสเผ่าหยกไป”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ……”
“หลังจากนั้น…..ไม่รู้ว่าเผ่าเทียนเฟิ่นไปรู้มาจากไหนว่าข้ากับท่านแม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน มีความเป็นไปได้ที่สุดว่าจะเป็นแม่ลูกกัน เพราะว่าท่านแม่ของข้าสังหารผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฟิ่นไปไม่น้อย เผ่าเทียนเฟิ่นเห็นแม่ของข้าเป็นหอกตำตาหนามตำใจ พวกเขาวางกับดัก จับข้าแล้วล่อแม่ของข้ามา”
เย่จิ่งหานพูดพลาง ร่างกายก็สั่นเท่าไม่หยุดขึ้นมา เสียงก็ไม่ได้สงบนิ่งเหมือนก่อนหน้านี้
“ท่านแม่ของข้าเพื่อจะช่วยข้า บุกเข้าค่ายกลนรกสิบแปดขุมโดยลำพัง สังหารยอดฝีมือของเผ่าเทียนเฟิ่นไปมากมาย นางพยายามอย่างสุดแรงกำลังความสามารถ เมื่อช่วยข้าแล้วตัวเองกลับตายอย่างน่าสังเวชในค่ายกลนรกสิบแปดขุม”