อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม – บทที่ 607 ก้นเหวที่น่าสยองขวัญ

บทที่ 607 ก้นเหวที่น่าสยองขวัญ

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 607 ก้นเหวที่น่าสยองขวัญ
ในถ้ำน้ำแข็งบนยอดหุบเขา การต่อสู้ดุเดือด ลมเมฆเปลี่ยนสี

กู้ชูหน่วนไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจ เพราะนางและเย่จิ่งหานกำลังร่วงหล่นไปอย่างรวดเร็ว

เบื้องล่างของหุบเหวน้ำแข็งทั้งหมดเต็มไปด้วยกำแพงน้ำแข็งลื่นๆ ความนูนเว้าแม้แต่น้อยก็ไม่มี และยิ่งไม่มีอะไรที่สามารถหยุดยั้งหรือให้พวกเขาคว้าไว้ได้เลย

กู้ชูหน่วนได้รับบาดเจ็บ อาการบาดเจ็บของเย่จิ่งหานก็สาหัสยิ่งขึ้น และพวกนางอยู่ไกลจากกำแพงน้ำแข็งของหุบเหวน้ำแข็งด้วย ไม่มีทางจะทำอะไรได้โดยสิ้นเชิง ทำได้เพียงร่วงหล่นต่อไป

กู้ชูหน่วนไม่ยอม นางไม่อยากตายไปเช่นนี้

ข้างหูเป็นเสียงที่อ่อนแอของเย่จิ่งหาน อีกทั้งการพลิกฝ่ามือแล้วกอด

“ไม่ว่าจะขึ้นสวรรค์ลงนรก ชั่วชีวิตนี้ชาตินี้ของข้าเย่จิ่งหานจะติดตามเจ้าเป็นแน่แล้ว”

“ชีวิตของข้ากู้ชูหน่วน นอกจากตัวข้าเอง ไม่มีผู้ใดจะสามารถเอาไปได้”

พูดพลาง กู้ชูหน่วนก็หัวเราะอย่างเย็นชาทีหนึ่ง สายตาดุดัน ออกแรงเขย่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่อยู่บนข้อมือ

“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ข้าสั่งให้เจ้าตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้ แค่เจ้าตื่นขึ้นมา ข้าจะให้หมูร้อยตัวเป็นรางวัล”

“ฟ่อฟ่อ……”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่ยังมึนเมาไม่ได้สติเปล่งเสียงออกมาจากมุมปากด้วยความโลภ ส่ายหัวน้อยๆ ราวกับกำลังละเมออยู่ว่าเมื่อครู่มีคนเอ่ยถึงหัวหมูหนึ่งร้อยตัวใช่หรือไม่

กู้ชูหน่วนดีใจทันที “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เร็ว รีบแปลงร่างช่วยพวกข้า ไม่เช่นนั้นพวกเราทั้งหมดจะต้องตกไปตายอยู่ในนี้แล้ว”

“ฟ่อฟ่อ……”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นด้วยความงงงัน มองดูลมเย็นพัดปะทะหน้าอยู่ไม่หยุด ตัวสั่นทันทีอย่างอดไม่ได้ จนถึงตอนนี้งูทั้งตัวก็ยังดึงสติมาไม่ได้

“เจ้ายังอึ้งอะไรอยู่อีก ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ รีบแปลงร่างซะ ไม่เช่นนั้นคืนนี้พวกสัตว์ดุร้ายที่อยู่เบื้องล่างก็จะได้กินซุปงูเข้มข้นแล้ว”

กู้ชูหน่วนตีหัวมันอย่างแรง ตีจนเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หัวหมุนมึนงง

ความเร็วของการตกนั้นเร็วเกินไป แล้วเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่ยังมึนเมาสะลึมสะลืออยู่นั้นก็เหมือนกับจะได้สติขึ้นมาบ้างแล้ว มันเบิกตาโพลง มองดูเย่จิ่งหานที่มีสีหน้าหมดคำจะพูด แล้วมองดูกู้ชูหน่วนที่มีสีหน้าเคร่งขรึมอีกครั้ง แล้วแปลงร่างทันที

จากสามเมตร เป็นสามสิบเมตร หนึ่งร้อยเมตร สุดท้ายก็กลายเป็นงูเหลือมเก้าหัวที่มีความยาวมากกว่าหนึ่งร้อยเมตร

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์โค้งตัวทีหนึ่ง แบกเย่จิ่งหานและกู้ชูหน่วนที่ร่วงตกอย่างต่อเนื่องไว้ ยืมความลื่นเป็นที่สุดของกำแพงน้ำแข็งลงไปทางด้านล่างด้วยความรวดเร็ว

กู้ชูหน่วนและคนอื่นๆโล่งใจ

ยังดีที่สุดท้ายเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่ได้เลอะเลือน ไม่เช่นนั้นร่วงตกจากที่สูงขนาดนั้น ไม่ตายก็แปลกแล้ว

แดนเหนือสุดเล็กๆที่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะมีเหวน้ำแข็งที่ลึกขนาดนี้อยู่ ตอนนี้กู้ชูหน่วนเพิ่งจะรู้สึกตกใจและตระหนักได้ว่าตอนนั้นที่ตัวเองกระโดดลงมาโดยที่ไม่สนใจอะไรเลยนั้น มีความเสี่ยงมากเพียงใด

ทั้งสองโล่งใจได้ไม่ถึงเฮือกหนึ่ง เห็นเพียงดวงตาทุกคู่บนหัวอันใหญ่โตทั้งเก้ากำลังงีบหลับ

ร่างใหญ่อันใหญ่โตก็ร่วงตกไปเบื้องล่างโดยไม่รับการควบคุม

“อ้าก…….”

กู้ชูหน่วนร้องด้วยความตกใจทีหนึ่ง พยายามคว้าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไว้ “งูโง่ เจ้ากำลังทำอะไร?”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์สั่นตัวทีหนึ่ง จิตวิญญาณฟื้นคืนมาสองสามระดับ จึงพอที่จะควบคุมการร่วงลงไปด้านล่างได้อย่างมั่นคง

“ฟ่อฟ่อ……”

มันยิ้มซื่อๆอย่างเขินอาย

ดื่มเหล้ามากเกินไป สมองเลอะเลือนไปหน่อย

สีหน้าของกู้ชูหน่วนดูไม่ได้เป็นที่สุด

เพราะเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เพิ่งจะดีได้แค่ครู่เดียว เริ่มก็โยกไปมาอีกแล้ว การสั่นไหวมากมายขนาดนี้ แทบจะเหวี่ยงพวกเขาออกไปแล้ว

แม้ว่าจะฝืนเบรกไว้ ก็จะทำให้งูทั้งตัวร่วงลงไปเบื้องล่างโดยไม่รับการควบคุม หรือว่าโซไปเซมา

นี่เป็นการนั่งบนงูยักษ์และร่วงลงไปอย่างปลอดภัยที่ไหนกัน นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการผจญภัย

เพียงแค่ไม่ระวังเล็กน้อย นางก็จะตายอย่างไร้สถานที่ฝังศพแล้ว

เย่จิ่งหานบาดเจ็บหนักมาก จะทนการทรมานเช่นนี้ของมันได้อย่างไร กระอักเลือดออกมาทันที เปรอะเปื้อนจนเสื้อผ้าของกู้ชูหน่วนเป็นสีแดง

กู้ชูหน่วนโมโหอย่างรุนแรง “ถ้าเจ้ายังไม่ตื่น พาพวกเราลงไปดีๆ ข้าจะไม่ให้เนื้อย่างใดๆแก่เจ้า แถมยังจะเอาดีงูของเจ้าออกมาดองเหล้าด้วย หากว่าเจ้าไม่เชื่อ จะลองดูตอนนี้ก็ได้”

“ฟ่อ……”

ไม่รู้เพราะได้ยินว่ากู้ชูหน่วนจะไม่ให้มันกินเนื้อ หรือว่าจะควักดีงูของมันออกมา ร่างกายของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์สะดุ้งทันที ในที่สุดก็ได้สติจากการเมาเหล้าขึ้นมามากกว่าครึ่งแล้ว เริ่มรักษาความสมดุลของร่างกายไต่ผาลงไป

“ปัง……”

สองคนหนึ่งงูปะทะเข้ากับหิมะบนพื้นอย่างรุนแรง เจ็บจนกู้ชูหน่วนขมวดคิ้วแน่น พยุงเย่จิ่งหานที่บาดเจ็บสาหัสขึ้นมาด้วยความร้อนใจ

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กะพริบตาอย่างไร้เดียงสา

มันสาบาน

มันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ

เพราะกำแพงน้ำแข็งนั้นลื่นเกินไปจริงๆ มันก็ตกลงมาอย่างเจ็บมากปวดมากเจ็บปวดมากๆเหมือนกัน

กู้ชูหน่วนจ้องมองเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แวบหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้สนใจมันอีก แล้วตรวจชีพจรให้เย่จิ่งหานอย่างถี่ถ้วน

อวัยวะภายในของเขาเคลื่อนผิดที่ไปหมด กระดูกหลังหักไปหลายชิ้น เลือดไหลรินช้าๆ แม้แต่เส้นเอ็นเส้นเลือดก็ได้รับความเสียหายอย่างสาหัส ในร่างกายของเขายังมีก๊าซพิษรุนแรงพุ่งปะทะกันอย่างวุ่นวายอีกด้วย ราวกับว่ากำลังจะระเบิดออกมาจากร่างกายเช่นนั้น

“เย่จิ่งหาน ท่านฟื้นสิ ท่านจะหลับไม่ได้ ข้าจะรักษาให้ท่านเดี๋ยวนี้”

กู้ชูหน่วนหยิบกล่องยาออกมาจากแหวนมิติด้วยความเร่งรีบจนทำอะไรไม่ถูก นางจัดการทำอยู่รอบหนึ่ง กลับพบว่าไม่มียาใดที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเขาได้ด้วยความรวดเร็วได้โดยสิ้นเชิง

มือ สั่นเทาอยู่ไม่หยุด

ฐานะที่เป็นหมอ นางรู้ เย่จิ่งหานได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้ เป็นไปได้มากที่จะอยู่ได้ไม่พ้นคืนนี้

นางกัดฟัน บังคับตัวเองให้สงบใจลง ช่วยห้ามเลือดและต่อกระดูกให้เขาไปพลาง ฝังเข็มถอนพิษให้เขาไปพลาง

นางยังคิดจะถ่ายทอดลมปราณของตัวเองให้เขา เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บภายในให้เขา แต่นางพบว่าอวัยวะภายในของตัวเองก็ปั่นป่วนอย่างต่อเนื่อง ถึงกระทั่งเริ่มวิงเวียนศีรษะแล้ว

ระดับเจ็ด…….

ศักยภาพแข็งแกร่งนัก

นางก็จะต้องแข็งแกร่งเช่นนี้

นางสาบาน ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม นางจะต้องพัฒนาให้ถึงระดับเจ็ดให้ได้โดยเร็วที่สุด

“โครม…….”

บนหุบเขาน้ำแข็งไม่ไกลนัก มีเสียงดังกึกก้องดังมาเป็นระยะ พร้อมกับเสียงคำรามของสัตว์ดุร้ายจำนวนมาก กู้ชูหน่วนส่งสัญญาณให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เปลี่ยนเป็นร่างเล็กทันที หลบซ่อนตัวไว้ ตัวเองก็ลากเย่จิ่งหานที่ใกล้จะหมดลมไปซ่อน อีกด้านหนึ่งด้วย

นางแอบชำเลืองมองขึ้นไป กลับเห็นสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ถูกสัตว์ดุร้ายกลุ่มหนึ่งรุมล้อม สัตว์ดุร้ายกลุ่มใหญ่กำลังแย่งกันฉีกกัดเลือดเนื้อของเขา

สุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ผู้น่าสงสารทั้งตัวมีวิทยายุทธอันแข็งแกร่ง แต่ในเวลานี้กลับถูกสัตว์ดุร้ายกลุ่มหนึ่งฉีกกัดจนไม่มีแรงกำลังจะตอบโต้ใดๆได้

ไม่รู้ว่าเย่จิ่งหานฟื้นพลังคืนมาเล็กน้อยตั้งแต่เมื่อไหร่ ปิดตานางไว้ ไม่อยากให้นางมองดูภาพอันโหดเหี้ยมเช่นนี้อีก

กู้ชูหน่วนกล่าวด้วยความเพิกเฉย “ไม่มีอะไร คนที่เป็นเศษสวะพรรคนั้น ถูกกลืนไปก็เสียเปรียบเขาแล้ว”

นางเอามือของเขาออก แล้วแหงนหน้ามองอีกครั้ง ไปและมองขึ้นอีกครั้ง สุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่แม้แต่เศษกระดูกก็ไม่มีเหลือ

บุคคลผู้เหี้ยมโหดคนหนึ่ง ก็ตายไปเช่นนี้แล้ว

กู้ชูหน่วนเอ่ยถาม “ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ยังทนได้อยู่หรือไม่?”

“ได้…..วางใจเถอะ ยังไม่ตาย”

ชีวิตของเขา นอกจากเขา ก็ไม่มีผู้ใดสามารถแย่งไปได้

“ฟ่อฟ่อ……”

ได้ยินเพียงเสียงงูไม่กี่เสียง เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เลื้อยหนีไปแล้วจริงๆ มันเลื้อยขึ้นไปช้า คิดไม่ถึง……

คิดไม่ถึงว่าจะไปล่าและฆ่าสัตว์ดุร้ายที่รั้งท้ายไม่กี่ตัวนั่นแล้ว ทั้งยังแบกศพของพวกมันมาทิ้งไว้เบื้องหน้าของกู้ชูหน่วนอีก ให้กู้ชูหน่วนย่างให้มันกิน

จิตใจของกู้ชูหน่วนสับสนคิดไม่ตก

นางนับครู่หนึ่ง ห้าตัวเต็มๆ

ทำไมมันไม่ปล้นนะ?

ไม่เห็นหรือไงว่านางบาดเจ็บหนักขนาดนี้?

ใครกันแน่ที่เป็นสัตว์เลี้ยง?

“วันนี้ข้าทำงูย่างเป็นอย่างเดียว” น้ำเสียงของกู้ชูหน่วนไม่เป็นมิตร ย่างเนื้องูได้เท่านั้น”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ร้องฟ่อฟ่อ ประท้วงด้วยความไม่พอใจ

สุดท้ายก็อ้าปากอันใหญ่ๆที่เต็มไปด้วยเลือด แยกศพของสัตว์ร้ายออก เอาผลึกในร่างกายของสัตว์ร้ายออกมา และงูฟาดหางอีกทีหนึ่ง กลืนผลึกลงท้องไป

จึงได้เปล่งเสียงของความสุขและความพึงพอใจออกมา

กู้ชูหน่วนมองจนอึ้งไปแล้ว

นี่……ก็ได้เหรอ?

ผลึกนี้ดูไม่เลว หรือว่าสามารถเพิ่งพลังได้งั้นหรือ?

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

Status: Ongoing

กู้ชูหน่วน เดิมทีเป็นอัจริยะแพทย์สาวยุคปัจจุบัน การข้ามภพหนึ่ง พาเธอย้อนเวลาไปที่ยุคโบราณที่ไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็คือ เพิ่งจะมาถึงสถานที่แปลกหูแปลกตานี้แท้ๆ เธอก็ต้องเสียตัวให้กับชายแปลกหน้าอย่างไม่มีทางเลือก หลังจากมีการพัวพันซึ่งกันและกัน เดิมทีกู้ชูหน่วนคิดว่าแต่นี้ต่อไป ต่างคนต่างไป จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก สุดท้ายกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เย่จิ่งหานกลับคอยตอแยเธอไม่เลิก โชคชะตาฟ้าลิขิต เธอค่อยๆครอบครองใจของเย่จิ่งหานไปเรื่อยๆ จนทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก อย่างโงหัวไม่ขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน