“เป็นไปได้อย่างไรกัน? เขา… เขาเองก็บรรลุสามกฎเช่นกัน!”
“สามพลังแห่งกฎ! และหนึ่งในนั้นยังเป็นถึงกฎแห่งห้วงมิติที่เหนือล้ำสวรรค์อันนั้น!”
“ดาบ มิติ ค่ายกล ผสานสามกฎเข้าเป็นหนึ่ง มันแข็งแกร่งไม่แพ้สามกฎของจางซุนซิงหยู่เลยแม้แต่น้อย!”
…
เหล่ายอดฝีมือแห่งเมืองตะวันโรจน์ต่างตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
เพราะไม้ตายของเย่หยวนคนนี้กลับทำให้คนทั้งหลายต้องขนลุกตั้ง
จางซุนซิงหยู่นั้นผสานกฎแห่งชีวิตและกฎแห่งความตายเข้ากับเต๋าดาบของเขาย่อมจะเรียกได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะหนึ่งในล้าน
แต่ใครจะไปคิดฝันว่าเย่หยวนกลับเป็นสัตว์ประหลาดยิ่งกว่า ผสานกฎแห่งห้วงมิติและกฎเต๋าค่ายกลเข้ากับเต๋าดาบได้!
พรสวรรค์ของเขานี่เรียกได้ว่าเหนือล้ำสวรรค์อย่างแท้จริง!
พวกเขาได้เข้าใจแล้วว่าทำไมเย่หยวนจึงมีท่าทีใจเย็นได้ปานนั้น เพราะว่าเขามีฝีมือที่แท้จริง
“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไรกัน? กฎแห่งห้วงมิติแค่บรรลุได้มันก็นับว่ายากเหลือแล้วแต่เขากลับ… เอามันผสานเข้ากับเต๋าดาบได้?”
เฮ่อหยุนเซียงนั้นอ้าปากค้างออกมาอย่างไม่อยากเชื่อภาพเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นตรงหน้าเมื่อครูนี้
เขานั้นรู้ดีว่าเย่หยวนย่อมจะมีไม้ตายที่เก็บซ่อนไว้แต่ในความคิดของเขานั้นต่อให้ไม้ตายนั้นมันจะแข็งแกร่งแค่ไหนมันก็ไม่มีทางเทียบเคียงพลังของจางซุนซิงหยู่ได้
เพราะจะอย่างไรเสียคนที่จะบ่มเพาะกฎแห่งชีวิตและกฎแห่งความตายไปได้ถึงระดับของจางซุนซิงหยู่มันก็เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีแล้ว
แต่ใครจะไปคิดว่าเย่หยวนนั้นกลับจะเหนือสวรรค์เสียยิ่งกว่าตัวจางซุนซิงหยู่!
แม้ว่าเขานั้นจะพยายามประเมินเย่หยวนให้สูงเท่าที่จะคิดได้ไปแค่ไหน แต่สุดท้ายเขาก็ยังประเมินเย่หยวนต่ำไป!
เฮ่อหยุนเซียงนั้นได้แต่ต้องถอนหายใจยาวออกมาอย่างโล่งใจ
เพราะหากตอนนั้นเขาไปท้าทายเย่หยวนจริงๆ แล้วตัวเขาคงตายลงเป็นแน่
ข้างๆ เฮ่อหยุนเซียง ตี้ชิงก็กล่าวขึ้นมา “เฒ่าเฮ่อ ครั้งนี้ข้าติดหนี้เจ้าแล้ว! ไม่เช่นนั้นข้าคงได้กลายเป็นศพไร้ญาติแน่!”
แต่จางซุนซิงหยู่กลับรู้สึกรุ่มร้อนอย่างเคียดแค้น
เพราะก่อนหน้าเขาวางท่าโม้ไว้เยอะ ตอนนี้ตัวเขาย่อมจะไม่มีทางถอยได้แล้ว
ฟันดาบเดียวบ้าบออะไร!
ให้ได้ตายศพสวยๆ บ้าบออะไร!
ดูสภาพตอนนี้แล้วเขาย่อมจะได้เป็นได้ตัวตลก!
จางซุนซิงหยู่ไม่ได้โง่มากนัก เขาย่อมจะรู้ว่าเย่หยวนย่อมจะเก็บซ่อนไม้ตายไว้อยู่
แต่เขาก็ไม่นึกฝันว่าสิ่งที่เย่หยวนเก็บซ่อนไว้มันกลับจะเหนือล้ำจินตนาการของเขาไปได้ปานนี้!
เวลานี้เขาจึงเริ่มโกรธแค้นขึ้นมาเพราะความอับอายปล่อยพลังพุ่งพล่านทะยานฟ้า
“หึ ดีมาก! ข้าไม่นึกเลยว่าในแดนเนรเทศนี้มันกลับจะยังมีใครที่กล้าเย้ยหยันข้าจางซุนซิงหยู่! เจ้าคิดว่าแค่ผสานสามกฎเข้าด้วยกันได้แล้วเจ้านั้นจะเก่งกาจเหนือฟ้าดินหรือ? ข้าจะบอกเจ้าให้ว่าความโหดร้ายของแดนเนรเทศนั้นมันเป็นอย่างไร!”
ตู้ม!
ด้วยความโกรธแค้นจางซุนซิงหยู่ก็ได้ปล่อยปราณดาบที่รุนแรงกว่าเก่าหลายเท่าตัวออกมา!
เดิมทีเขาย่อมจะคิดเย้ยหยันเย่หยวนจึงไม่ได้ปล่อยพลังที่แท้จริงออกมาแม้มันจะดูรุนแรงแค่ไหนก็ตาม
แต่เวลานี้เขาได้ใช้พลังออกมาถึงแปดในสิบแล้ว!
ดาบนี้ของเขามันรุนแรงจนแทบผ่าโลกา!
เย่หยวนหรี่ตาลงมองพร้อมใช้ค่ายกลดาบเอกภพออกมารับทันที!
ปากเย้ยหยันดูถูกแต่ใจจริงนั้นยำเกรงไม่น้อย
เย่หยวนนั้นยังคงไม่คิดประมาทฝีมือของจางซุนซิงหยู่แม้แต่น้อย
เพราะเขาคนนี้คือคนที่ทำให้เย่หยวนคิดเอาจริงขึ้นมาได้
ในระดับบ่มเพาะเดียวกันนั้นมันมีไม่กี่คนที่จะสามารถผสานสามกฎเข้าด้วยกันได้เช่นเขา!
ที่สำคัญไปกว่านั้นที่โลกภายนอกนั้นต่อให้จะเป็นยอดคนที่ผสานสามกฎเข้าด้วยกัน มันก็คงไม่อาจจะมากฝีมือเก่งกาจพอเป็นคู่มือเขาได้
แต่ที่แห่งนี้มันคือแดนเนรเทศ!
ยอดฝีมือในที่นี้ต่างเป็นสัตว์ประหลาดที่ผ่านการรบมานับครั้งไม่ถ้วนในทุกวี่วัน!
สัญชาตญาณการต่อสู้ของพวกเขามันฝังลึกลงไปถึงกระดูกดำ!
ไหนจะยังเรื่องที่จางซุนซิงหยู่นั้นมีพลังบ่มเพาะเหนือกว่าเขาไปขั้นหนึ่งด้วย
ศัตรูเช่นนี้แลคือคนที่เย่หยวนเข้าแดนเนรเทศมาตามหา!
ตู้ม!
ตู้ม!
ตู้ม!
คนทั้งสองพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรงเร็วล้ำ
เวลานี้เหล่าชาวเมืองตะวันโรจน์ทั้งหลายนั้นต่างพุ่งตัวหนีไปไกลลิบกลัวว่าจะโดนลูกหลงจากพลังของคนทั้งสองเข้า
จางซุนซิงหยู่นั้นสมชื่อว่าเป็นเจ้าเมืองตะวันโรจน์อย่างแท้จริง เขานั้นลงมือแต่ละครั้งมันกลับรุนแรงกว่าครั้งก่อนๆ เสมอ!
ดาบแห่งความเป็นความตายนั้นมันเปลี่ยนชีวิตและความตายได้เพียงแค่คิด!
เขานั้นคือผู้ควบคุมความเป็นความตาย!
ที่สำคัญไปกว่านั้นวิชาดาบของเขานั้นยังเหนือล้ำจนไม่อาจจะเอาคนทั้งหลายมาเทียบเคียงได้ แต่ละดาบที่ฟันออกมานั้นมันเหนือล้ำจนไม่อาจคาดเดา! มันเรียกได้ว่าเป็นวิชาดาบที่หมายเอาชีวิตศัตรูอยู่เสมอ! และเป้าหมายของแต่ละดาบนั้นมันก็คือการสังหาร!
ในดาบแรกๆ นั้นเย่หยวนย่อมจะยังป้องกันได้ไม่ยาก
แต่ยิ่งรับการโจมตีไปมากเท่าใดแรงกดดันที่เย่หยวนได้รับมันก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้นจนเริ่มเกิดรอยร้าวขึ้นมาค่ายกลดาบของเขา
หลังจากผ่านไปได้หลายเพลงดาบในที่สุดเย่หยวนก็เริ่มได้รับบาดเจ็บ!
ค่ายกลดาบเอกภพของเขานั้นมันเพิ่งจะเคยถูกคนระดับเดียวกันไล่ต้อนจนถึงขนาดนี้!
“เด็กน้อย ทำไมไม่พูดต่อแล้วเล่า? เมื่อกี้ยังวางตัวโอหังอยู่เลยมิใช่หรือ? คิดจะไม่ให้ข้าได้ตายศพสวยๆ มิใช่หรือ? แค่ฝีมือเท่านี้?” จางซุนซิงหยู่หัวเราะขึ้นมา
เขานั้นคับแค้นในท่าทางของเย่หยวนอย่างมาก
เวลานี้เขาหวังเพียงแค่จะสับเย่หยวนให้ตายคามือ
แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะมีค่ายกลดาบเอกภพที่สุดแกร่งอยู่ไร้ซึ่งช่องว่างแต่ภายใต้พลังโจมตีที่รุนแรงบ้าคลั่งเช่นนี้เขาก็ยังต้องรับแรกกระแทกไปเต็มๆ!
เขานั้นรู้สึกได้ถึงอาการบาดเจ็บภายในและไม่อาจจะเปิดปากพูดได้ในตอนนี้
ตอนที่เย่หยวนผสานเต๋าแห่งความเร็วและช้าเข้าไปในเอกภพนั้น พลังของมันย่อมจะพัฒนาขึ้นไปอีกมากล้น
หากวัดกันแค่ที่พลังแห่งกฎนั้น ตัวเย่หยวนย่อมจะไม่ได้อ่อนแอกว่าจางซุนซิงหยู่
แต่สุดท้ายแล้วแม้จะเท่าเทียมกันที่พลังแห่งกฎ เย่หยวนก็ยังมีพลังบ่มเพาะต่ำกว่าจางซุนซิงหยู่!
ภายใต้สภาพถึงขีดจำกัดเช่นนี้ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยในพลังบ่มเพาะมันย่อมจะเป็นตัวตัดสินแพ้ชนะ
ได้เห็นเช่นนั้นเฮ่อหยุนเซียงก็ต้องส่ายหัวออกมา “น่าเสียดาย! หากเย่หยวนนั้นบ่มเพาะจนถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นสุดมาก่อนตัวจางซุนซิงหยู่ย่อมจะต้องพ่ายแพ้แน่! สุดท้ายความห่างของพลังบ่มเพาะนี้มันไม่อาจจะเอาอะไรมากลบทับได้!”
ตี้ชิงกล่าว “เจ้าเด็กคนนี้มันใจร้อนเกินไป! ในหมู่ยอดฝีมือของแดนเนรเทศนั้นมันมีใครบ้างที่บ่มเพาะไม่ถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นสุด? แต่เจ้าหมอนี่มันกลับคิดมาท้าทายอีกฝ่ายด้วยพลังบ่มเพาะที่ต่ำกว่าไปขั้นหนึ่ง รนหาที่ตายแท้ๆ!”
เฮ่อหยุนเซียงยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “เด็กคนนี้มันมากพรสวรรค์จริงๆ! เพียงแค่ว่าน่าเสียดายที่เขานั้นยังเด็กและใจร้อนเกินไป! เขานั้นยังไม่เข้าใจความโหดร้ายของแดนเนรเทศอย่างแท้จริง!”
คนอื่นๆ เองก็มีความคิดที่ไม่แตกต่างไปจากเฮ่อหยุนเซียงมากมาย
พวกเขาต่างคิดว่าเย่หยวนไม่ควรรีบมาอวดอ้างพลังฝีมือตัวเองเช่นนี้
พรสวรรค์ของเขานั้นมันทำให้คนทั้งหลายสั่นกลัวได้จริง
แต่ผลลัพธ์ก็ไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าเขาจะมากพรสวรรค์สักแค่ไหน
ในที่แห่งนี้ ความพ่ายแพ้นั้นมันคือความตาย!
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจความคิดของคนทั้งหลายเพราะว่านี่คือสิ่งที่เขาต้องการมาแต่แรก!
เวลานี้เขาไม่ได้ออมมือใดๆ แล้วแม้แต่น้อย!
เขานั้นใช้พลังฝีมือที่มีออกมาทั้งหมดอย่างไม่หลงเหลือไม้ตายใดๆ เก็บซ่อนไว้อีก
เขานั้นกำลังจนมุม
แน่นอนว่าเขายังมีพิษอยู่ในมือและสามารถสังหารจางซุนซิงหยู่ลงได้แน่นอน
แต่จางซุนซิงหยู่นั้นโจมตีเข้ามาอย่างรุนแรงและดุดันไม่เปิดโอกาสให้เย่หยวนได้ใช้พิษใดๆ เลย
ในศึกประชิดเช่นนี้แล้วต่อให้จะเสียสมาธิไปแม้แต่เสี้ยววินาทีมันก็คงหมายถึงความตายเป็นแน่
เพราะฉะนั้นเขาจึงมีแต่ต้องบรรลุ!
ภายใต้สถานการณ์ที่ใช้ทุกอย่างออกมาจนถึงขีดจำกัดเช่นนี้แล้ว หากไม่บรรลุมันก็จะเท่ากับตาย!
จางซุนซิงหยู่ในตอนนี้มันเหมือนครั้งเมื่อเย่หยวนใช้มิติบ่มเพาะมรณา
เพียงแค่ว่าร่างเงาทั้งหลายมันไร้ชีวิต
แต่จางซุนซิงหยู่นั้นมีชีวิต!
ไม่ว่าร่างเงาจะพยายามลอกเลียนไปมากเท่าไหร่มันก็ย่อมจะไม่มีทางสร้างสติที่พร้อมสมบูรณ์ได้
หากเทียบกันแล้วสติปัญญาของมันย่อมจะไม่อาจเทียบเคียงเย่หยวนได้
เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงเอาชนะมันมาได้เสมอ
แต่ว่าจางซุนซิงหยู่จะไม่เปิดโอกาสให้เย่หยวน
สถานการณ์ในตอนนี้มันอันตรายเสียยิ่งกว่าตอนนั้น!
แต่เย่หยวนเป็นคนที่พร้อมรับความยากลำบาก!
เขาเป็นคนที่บ้าคลั่งมาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการหลอมโอสถหรือเรื่องของการบ่มเพาะเส้นทางนักยุทธ
ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงบ้าคลั่งของจางซุนซิงหยู่นี้ กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างกายของเย่หยวนมันจึงได้ตื่นขึ้นมาสิ้น
ตัวเขาได้เข้าสู่สภาวะที่สุดแสนประหลาด!
…………………………