อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 715 ดักสังหาร
กู้ชูหน่วนถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง ยังคงไม่วางใจ จึงขึ้นไปบนรถม้า เร่งเดินทางกลับไปยังเผ่าหยกโดยเร็วที่สุด
บนรถม้า กู้ชูหน่วนกับเวินเส้าหยีและยังมีเสี่ยวลู่อยู่บนรถม้าคันเดียวกัน ผู้อาวุโสเจ็ดกับผู้อาวุโสหกแยกกันนั่งอยู่คันที่อยู่ข้างหน้า
ตลอดทางคนมากมายเดินทางเป็นขบวนใหญ่ เร่งเดินทางอย่างรวดเร็วราวกับสายลม เกิดฝุ่นฟุ้งตลบไปทั่วทุกที่ที่ผ่าน
คนเหล่านี้ในดวงตาเผยให้เห็นประกายวาววับ ขมับนูนขึ้น ทุกๆฐานที่มั่นยังมีคนคอยสับเปลี่ยนม้าเป็นการเฉพาะ เร่งเดินทางกันทั้งวันทั้งคืน
บนรถม้าคันที่อยู่ตรงกลางซึ่งดูเรียบง่ายแต่ก็ไม่ทิ้งความหรูหรา
กู้ชูหน่วนกำลังมองดูต้นไม้ที่อยู่นอกหน้าต่างที่รถม้าขับผ่าน มือก็เอาแต่จับแหวนมิติเอาไว้ เกรงว่าแหวนมิติจะถูกคนอื่นแย่งชิงไป มุกมังกรที่อยู่ข้างในจะสูญหายอีกครั้ง
เวินเส้าหยีนั่งอยู่ตรงข้ามกับนาง บนเท้าของเขามีโซ่ตรวนที่หนักอึ้งคล้องอยู่ มองไปยังนอกหน้าต่างเช่นกัน
แม้จะอยู่บนรถม้าคันเดียวกัน ทั้งสองคนกลับไมพูดจากัน แต่ต่างก็กำลังใช้ความคิดของตนเอง
“ปัง……”
“เอี๊ยด……”
รถม้าที่กำลังขับเคลื่อนอย่างรวดเร็วหยุดลงอย่างกะทันหัน ม้าตกใจจนยกขาขึ้นมา รถม้าเหมือนถูกลากขึ้นมาด้วย
กู้ชูหน่วนกับเวินเส้าหยีที่ยังคงตกอยู่ในห้วงความคิดเกือบจะถูกสะบัดออกไปด้านนอก
เสียงโจมตีด้านนอกดังโครมครามขึ้นมา พื้นผิวดินสั่นไหวไปหมด
นี่ไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ดักซุ่มสังหารพวกเขา
หลังจากที่พวกเขาได้มุกมังกรมาแล้ว คนที่ไล่สังหารพวกเขาก็มีมาไม่หยุด เพียงแต่ถูกคนของพวกเขาสกัดไว้ก่อน หรือไม่ก็ขวางไว้ด้านหลัง แล้วก็จัดการทั้งหมด
แต่รูปแบบครั้งนี้ใหญ่กว่าครั้งที่ผ่านมามาก กลิ่นคาวเลือดโชยมาแตะจมูก นอกรถม้ามีแต่เสียงการเข่นฆ่าที่โหดเหี้ยม
กู้ชูหน่วนเลิกผ้าม่านขึ้น นอกรถม้ากองกำลังหลักของเผ่าเทียนเฟิ่นกำลังไล่ตามมา ในนั้นยังมีผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฟิ่นอยู่ด้วย
คนเหล่านี้ลงมืออย่างอำมหิต ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ปรานีเลยแม้แต่น้อย
“ส่งตัวหัวหน้าเผ่าน้อยและมุกมังกรมาให้พวกเรา ไม่เช่นนั้นอย่าคิดว่าจะมีชีวิตรอดไปจากที่นี่ได้”
“หึ อาศัยแค่พวกเจ้าน่ะหรือ ดูสิว่าข้าจะใช้ค้อนฆ่าเจ้าอย่างไร”
หลังจากเสี่ยวลู่ได้ยินเสียงของลูกน้องแล้ว ก็รายงานอย่างนอบน้อมว่า
“นายหญิง เป็นคนในเผ่าเทียนเฟิ่น รองหัวหน้าเผ่าซือคงได้เปิดเผยข่าวให้เผ่าเทียนเฟิ่นรู้ ยังร่วมมือกับสุดยอดผู้อาวุโสอีกหลายคนของเผ่าเทียนเฟิ่น หวังจะตามหาพวกเรา ฉะนั้นจึงได้วางคนดักซุ่มอยู่ที่ทะเลสาบฉางผิงเยอะมาก เพื่อซุ่มโจมตีพวกเรา”
เวินเส้าหยีขมวดคิ้วเล็กน้อย
ผลสรุปเช่นนี้ เป็นสิ่งที่เขาไม่อยากเห็น
ไม่ว่าจะเป็นเผ่าเทียนเฟิ่นหรือเผ่าหยก ก็ไม่ควรจะเข่นฆ่ากันเพราะเขาและมุกมังกร ต้องล้มตายและบาดเจ็บมากมาย
เสี่ยวลู่บอกว่า “พวกผู้อาวุโสหกได้ทำการต่อสู้มาตลอดทาง พวกเราบุกออกไปก่อน คนของพวกเราจะทยอยตามมาสนับสนุนเรื่อยๆ พวกเขาทำอะไรเราไม่ได้แน่”
ไม่รอให้กู้ชูหน่วนได้พูดอะไร สวีหู่ที่คุ้มกันอยู่นอกรถม้าขี่ม้าด้วยตนเอง พุ่งออกมาจากพื้นที่ที่เต็มไปด้วยศพและทะเลเลือด ที่ติดตามอยู่หลังรถม้าพวกเขายังมีลูกน้องที่จงรักภักดีของสำนักอสุราหลายคน รวมไปถึงผู้อาวุโสเจ็ด
เวินเส้าหยีพูดว่า” สุดยอดผู้อาวุโสทั้งสี่ของเผ่าเทียนเฟิ่นต่างก็ออกมากันแล้ว ครั้งนี้เผ่าเทียนเฟิ่นเอาจริงแล้ว อยากจะเดินทางไปถึงเผ่าหยกอย่างปลอดภัย เกรงว่าจะไม่ง่ายขนาดนั้น พื้นที่ตรงนี้อยู่ใกล้กับเผ่าเทียนเฟิ่นมาก แม้ว่าคนของพวกเจ้าจะทยอยกันมาสนับสนุนช่วยเหลือ ก็ไม่แน่ว่าจะบุกเข้ามาได้”
เสี่ยวลู่ยกมีดสั้นขึ้นมา จี้ไปที่ลำคอของเขา ข่มขู่เสียงเย็น “อย่าว่าพวกเราจะสามารถบุกออกไปได้ แม้ออกไปไม่ได้ คนที่ต้องตายคนแรกก็คือท่าน”
ความตายกำลังจะมาเยือน แต่เวินเส้าหยียังคงนิ่งดุจขุนเขา ไม่หวั่นไหว และมองไปนอกหน้าต่างอย่างสง่างาม พูดเสียงเรียบว่า “ข้าตายแล้ว ความแค้นระหว่างสองเผ่าจะยิ่งฝังรากลึกมากขึ้น”
กู้ชูหน่วนเผยรอยยิ้มที่มั่นใจออกมา พูดด้วยเสียงเนิบช้าว่า”ถ้าหากเผ่าหยกมีความสามารถเพียงเท่านี้ ก็ไม่ต้องเรียกว่าเผ่าหยกแล้ว ”
เวินเส้าหยีใช้ความคิด
เพื่อมุกมังกร นางจะสู้จนตัวตายจริงหรือ เอาชีวิตคนมากมายมาล้อเล่น
“เจ้าคิดว่าข้ายินดีหรือ สงครามระหว่างเผ่าเทียนเฟิ่นกับเผ่าหยกไม่ช้าก็ต้องเปิดศึก นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น”