จากวันนั้นมาคนทั้งสองก็จะนัดกันต่อสู้บนเขาคาบเมฆทุกๆ ราวครึ่งเดือน
หลังจากการต่อสู้แต่ละครั้งพวกเขาทั้งสองก็จะไปเก็บตัววิเคราะห์สิ่งที่ได้เรียนรู้จากศึกนั้นๆ
กำลังฝีมือของเย่หยวนและฮันยี่ไม่ได้แตกต่างกันมากมายนัก ต่างฝ่ายต่างไม่อาจจะทำอันตรายกันได้มากมาย
แต่ศึกแต่ละครั้งคนทั้งสองจะต่อสู้กันอย่างยาวนานจนแทบล้มลงเพราะหมดแรง
และมันก็มีผลัดกันแพ้ชนะบ้างไปตามประสาการประลองของผู้มีฝีมือเท่าเทียม
ตอนแรกๆ ตัวฮันยี่ย่อมจะมีอัตราในการชนะมากกว่าเย่หยวน
เพราะจะอย่างไรเสียแปลงห้าเต๋าของเขามันก็สำเร็จมายาวนานและรูปร่างแรกของเขาก็พัฒนาไปได้ไกลกว่าเย่หยวนนัก
แต่ยิ่งเวลาผ่านไปความได้เปรียบของฮันยี่ก็ยิ่งน้อยลงไปและถูกเย่หยวนตามขึ้นมาเรื่อยๆ
คนทั้งสองนี้เป็นยอดอัจฉริยะอย่างแท้จริง ภายใต้การต่อสู้ที่บ้าคลั่งพวกเขาก็ยังสามารถพัฒนาฝีมือขึ้นไปได้อย่างไม่มีหยุด แต่ว่าสุดท้ายเย่หยวนก็ยังพัฒนาได้เร็วกว่า แม้ว่าคนทั้งสองต่างจะไม่มีใครหยุดนิ่ง
สามปีต่อมาอัตราการชนะของเย่หยวนและฮันยี่ขึ้นมาเสมอกันในที่สุด หลังจากนั้นอีกสามปี ฮันยี่ก็แทบไม่อาจจะเอาชนะเย่หยวนได้อีก จากนั้นสองปีฮันยี่ก็แทบจะทำได้แค่ตั้งรับเย่หยวนอยู่ฝ่ายเดียว ผ่านไปจนเข้าสู่ปีที่เก้า ในที่สุดฮันยี่ก็สามารถทำให้บัวห้าดาวของเขานั้นพัฒนาขึ้นมาจนถึงขั้นสมบูรณ์ได้!
เพราะว่าเรื่องนั้นมันจึงทำให้พลังฝีมือของเขาก้าวกระโดดขึ้นมาอยู่เหนือกว่าเย่หยวนไปอีกครั้ง
ห้าธาตุที่ยังไม่สมบูรณ์และห้าธาตุที่สมบูรณ์นั้นมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
การเดินพลังห้าธาตุนั้นมันเป็นการหมุนวนที่ไร้สิ้นสุด เรียกได้ว่าเป็นชุดพลังแห่งกฎที่แข็งแกร่งที่สุดชุดหนึ่ง!
แต่ว่าเต๋าแห่งเอกภพที่ผสานพลังของดาบ มิติและค่ายกลนั้นเองมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังแห่งธาตุทั้งห้าเลย
สิ่งที่ฮันยี่มีสูงกว่าคือระดับพลังแห่งกฎ
แต่ว่าฮันยี่นั้นก็เชิดหน้าได้ไม่นานนัก
ห้าปีจากนั้นเย่หยวนก็ตามขึ้นมาทันอีกครั้ง
พลังต่อสู้ของคนทั้งสองนั้นมันอยู่ในระดับเดียวกันอีกครั้ง
จากนั้นฮันยี่ก็กลับถูกเย่หยวนก้าวนำขึ้นไปอีกครั้ง
และครั้งนี้เขาก็พ่ายอย่างไร้ข้ออ้างใดแล้ว
บนเขาคาบเมฆนั้นมันมีเสียงปะทะกันดังขึ้นเป็นระยะๆ
สองเงาร่างนั้นพุ่งผ่านกันไปมาทำให้เหล่ายอดฝีมือแปลงยอดเต๋าทั้งหลายนั้นต้องอ้าปากค้าง
เป็นยอดฝีมือแปลงยอดเต๋าเช่นกันแต่พวกเขานั้นกลับไม่อาจเอาตัวไปเทียบคนทั้งสองได้!
“ท่านเย่หยวนนั้นจะเป็นสัตว์ประหลาดเกินไปแล้ว! เวลาแค่สิบสี่ปีนี้”
“ที่น่ากลัวที่สุดนั้นมันคือพรสวรรค์ในการพัฒนาของเขาต่างหาก! ต่อสู้กันมาอีกไม่กี่ครั้ง เขาก็ก้าวข้ามท่านผู้นำเจ้าศักดิ์สิทธิ์ไปได้จนทำให้ท่านผู้นำเจ้าศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจจะต่อต้านได้เลย!”
“เช่นนั้นหรือ? เดิมทีข้าคิดว่าท่านผู้นำเจ้าศักดิ์สิทธิ์นั้นมีพรสวรรค์ของสัตว์ประหลาดแล้วแต่เมื่อได้เห็นท่านเย่หยวนข้าจึงเพิ่งได้รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้ามันเป็นเช่นไร!”
…
การต่อสู้อันยาวนานสิบสี่ปีที่ผ่านมานี้ คนทั้งหลายได้เห็นการพัฒนาของพวกเย่หยวนกับตาตัวเอง
คนที่สามารถบรรลุสำเร็จแปลงยอดเต๋าได้นั้นย่อมจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์หนึ่งในล้าน
แต่ฮันยี่นั้นกลับเหนือล้ำกว่าเหล่านักยุทธแปลงยอดเต่าทั้งหลายไปอย่างสิ้นเชิง!
แต่ว่าตัวฮันยี่ที่เก่งกาจนั้นก็ยังไม่อาจจะเทียบเคียงเย่หยวนผู้นี้ได้
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงรู้สึกจุกขึ้นมาที่อกเมื่อได้เห็นพรสวรรค์ของคนทั้งสอง
ตูม!
เย่หยวนนั้นเห็นจังหวะที่ฮันยี่พลาดเปิดช่องว่างและโจมตีเข้าไปด้วยดาบสองขั้วเอกภพอย่างต่อเนื่องจนสุดท้ายเอาชนะฮันยี่ลงได้
“ข้ายอมแพ้!”
ฮันยี่นั้นได้แต่ต้องร้องประกาศยอมแพ้ออกมา
ดาบสองขั้วเอกภพนั้นกลับไปอยู่บนต้นอ่อนอีกครั้ง เวลานี้เจ้าต้นอ่อนนั้นมันเติบโตขึ้นมาอย่างมากจนเรียกมันว่าเป็นต้นกล้าก็คงไม่ผิดแล้ว
นี่มันแสดงให้เห็นว่ารูปร่างแรกของเย่หยวนนั้นมันได้พัฒนาขึ้นมาจนถึงขั้นสูงสุดแล้ว
ฮันยี่นั้นได้แต่ต้องกลอกตามองและกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ “เจ้าหมอนี่ จะไว้หน้าข้าหน่อยไม่ได้เลยหรือ?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “หน้านั้นมันเป็นสิ่งที่เจ้าต้องรักษาเอง ไม่ใช่รอเอาจากคนอื่น หากข้าไว้หน้าเจ้าแล้วมันจะยังต้องมาประลองกันเพื่ออะไร?”
ฮันยี่ยิ้มขึ้น “เจ้านี่มันน่าเบื่อจริงๆ! ไม่ต้องสู้แล้ว ไม่สู้ใดๆ แล้ว! ต่อให้สู้กันอีกตอนนี้มันก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไร ข้าจะบรรลุขึ้นไปแล้ว!”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “จริง เวลานี้ต่อสู้กันไปมันก็คงไม่อาจจะพัฒนาใดๆ ไปได้อีกแล้ว เจ้าและข้านั้นต่างมาถึงคอขวดที่ไม่อาจก้าวข้ามได้ สู้กันต่อไปเช่นนี้มันก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไร รีบๆ บรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ดีกว่า”
ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ครอบของเย่หยวนและบัวห้าดาวของฮันยี่นั้นมันพัฒนาขึ้นมาจนถึงที่สุดของชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยแล้ว การจะพัฒนาใดๆ ต่อจากนี้ไปมันจะมีแต่เสียเวลาอย่างไม่ได้ประโยชน์
หากคิดอยากจะพัฒนาต่อไปแล้วมันก็มีแต่ต้องบรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ไปเท่านั้น
การบรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่นั้นมันเป็นแค่เรื่องง่ายดายสำหรับคนทั้งสอง
หากพวกเขาคิดอยากบรรลุแล้วมันย่อมจะทำได้ทุกเมื่อ
แต่ฮันยี่นั้นกลับก้มหน้าลงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง “ลาจากกันครั้งนี้ข้าไม่รู้เลยว่าเราจะได้พบเจอกันอีกหรือไม่”
เขานั้นแตกต่างจากเย่หยวนเพราะเขานั้นคือนักโทษ หากบรรลุขึ้นไปแล้วเขาก็แค่จะขึ้นไปอยู่แดนเนรเทศชั้นสองเท่านั้น
แต่เย่หยวนนั้นจะออกไปสู่โลกภายนอก
คนทั้งสองต่อสู้กันมายาวนานถึงสิบสี่ปีและพัฒนาด้วยกันมาตลอดสิบสี่ปีแน่นอนว่าความผูกพันมันย่อมจะเกิดขึ้นมาในใจ
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่โลกภายนอก!”
ฮันยี่สั่นสะท้านไปทั้งกายจนต้องเงยหน้ามามองเย่หยวน
แต่ไม่นานเขาก็ต้องยิ้มแห้งๆ ขึ้นมา “คงเปล่าประโยชน์ แดนเนรเทศนี้โฉปู้ฉุนสร้างมันขึ้นมาเองกับมือ ไม่ต้องพูดถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยใดๆ เลย ต่อให้ข้าจะบรรลุขึ้นไปถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกขั้นสุดได้ข้าก็คงไม่อาจจะออกไปได้เช่นกัน”
เย่หยวนจึงถามกลับมา “แล้วทำไมเล่า? มีแต่จิตใจที่หนักแน่นเท่านั้นที่จะพาคนเราสู่ความยิ่งใหญ่ หรือว่าเจ้าจะยอมรับชะตากรรมของตนเช่นนี้?”
เหล่านักยุทธในแดนเนรเทศนั้นต่างเป็นนักโทษประหารสิ้น
แต่โทษของแต่ละคนนั้นมันก็มีที่มาแตกต่างกันไป
ฮันยี่นั้นบรรลุขึ้นมาจากมหาพิภพหนึ่งกับภรรยา
เดิมทีพวกเขานั้นเป็นดั่งกิ่งทองใบหยก ภรรยาของฮันยี่นั้นเองก็เป็นสาวงามล้ำ
แต่เรื่องที่ไม่มีใครคาดฝันมันกลับเกิดขึ้นเพราะว่าภรรยาของเขานั้นกลับไปต้องตาองค์ชายของอาณาจักรหนึ่งเข้าจนถูกจับตัวไป
ตัวภรรยาของเขานั้นยอมตายดีกว่ายอมเสียเกียรติจึงปลิดชีพฆ่าตัวตายลง
ฮันยี่นั้นเพิ่งจะบรรลุขึ้นมาได้ไม่นานเขายังไร้ซึ่งพลังใดๆ มีหรือที่เขาจะต่อต้านพลังอำนาจของอาณาจักรหนึ่งได้?
ด้วยความคับแค้นนั้นตัวฮันยี่จึงได้ทำการเก็บตัวบ่มเพาะอย่างบ้าคลั่ง สุดท้ายนอกจากจะบรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นสุดได้แล้วเขายังสำเร็จแปลงยอดเต๋าได้ด้วย
ด้วยความคับแค้นของเขาสุดท้ายเขาจึงได้ไปล้างแค้นและสังหารคนทั้งอาณาจักรลงด้วยน้ำมือของเขาจนสิ้น!
แน่นอนว่าเรื่องนี้ย่อมจะกลายเป็นปัญหาใหญ่
จากนั้นเขาจึงได้ถูกโยนลงมาขังไว้ในแดนเนรเทศนี้
หลังจากเย่หยวนได้ยินเรื่องนี้ตัวเขาก็ได้แต่ต้องถอนหายใจยาว
ฮันยี่นั้นมีวิธีการที่ดุเดือดร้ายฆ่าสังหารไม่เลือกหน้า ถูกจับมาขังไว้ในนี้มันก็คงมีแต่ต้องโทษตัวเขาเองแล้ว
แต่ว่านิสัยของเขานั้นไม่ใช่คนเช่นนั้น
ภรรยาที่รักของเขานั้นถูกทำให้อับอายเช่นนี้ เป็นใครก็คงจะคลั่งเสียสติได้เช่นกัน
ฮันยี่หรี่ตาลงมองด้วยรอยยิ้ม “พูดได้ดี ข้าฮันยี่นั้นไม่เคยยอมรับโชคชะตา! หลังจากออกไปแล้วเจ้าต้องบ่มเพาะให้ดี อย่าได้ถูกข้าก้าวล้ำไปเสียเล่า!”
เย่หยวนหัวเราะขึ้นมาเมื่อได้ยิน “แค่คนอย่างเจ้านั้นยังไม่เก่งกาจพอหรอก!”
ฮันยี่ที่ได้ยินก็ต้องผงะหลังไปแต่เขาก็รู้แก่ใจดีว่ามันคงไม่มีทางเป็นไปได้
เพราะเจ้าเด็กคนนี้มันเป็นสัตว์ประหลาดจนเกินไป
ฮันยี่นั้นรู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นยอดคนมากพรสวรรค์แต่หากเอาไปเทียบกับเย่หยวนแล้วเขาย่อมจะกลายเป็นแค่คนธรรมดาไป!
ยิ่งบ่มเพาะไปวันหน้าตัวเย่หยวนก็จะยิ่งทิ้งห่างตัวเขาไปเรื่อยๆ อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ว่าความเป็นสัตว์ประหลาดของเย่หยวนนี้มันก็ได้ฝังลงลึกในใจเขา
ฮันยี่นั้นให้คำมั่นกับตัวเองว่าจะต้องพยายามให้ถึงที่สุดเพื่อไม่ให้ถูกเย่หยวนทิ้งห่างจนเกินไป
“เจ้านี่มันไม่น่ารักเอาเสียเลย! แต่จะอย่างไรเสียออกไปเจ้าก็คงได้อยู่ในโลกที่สุขสบายแต่ข้านั้นจะยังคงอยู่ในดินแดนแห่งความโหดร้ายนี้ต่อไป บางทีข้านั้นอาจจะพัฒนาได้ไม่ช้ากว่าเจ้าก็ได้!” ฮันยี่หรี่ตาลงกล่าวอย่างไม่คิดยอมแพ้
ในวันนี้มันได้เกิดสองแสงพุ่งหายไปจากเขาคาบเมฆ
เมื่อได้เห็นคนทั้งสองนั้นหายลับไปสีหน้าของคนทั้งหลายที่ดูเหนื่อยอ่อนก็ดูมีชีวิตขึ้นมาทันที
“ไปเสียที! มีสองคนนั้นอยู่ด้วยแล้วข้านั้นแทบไม่เป็นอันจะทำอะไร”
“คนทั้งสองมีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำจนเกินไป อยู่ใกล้พวกเขาแล้วมันมีแต่จะทำให้พวกเรารู้สึกไร้ค่าขึ้นมา!”
“ข้าต้องกลับไปบ่มเพาะเรียกความมั่นใจกลับคืนมา!”
……………..