รองหัวหน้าเผ่าซือคงกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า “อึ้งอะไรอยู่ ยังไม่รีบลงมืออีก”
“หยุด”
เวินเส้าหยีตะโกนด้วยความหนักแน่น เขาเดินมาด้านหน้าของรองหัวหน้าเผ่าซือคงช้าๆ ดวงตาสองคู่ผสานกันกับเขา
“สวีชิงเคยทำความดีความชอบในการทำศึกให้แก่เผ่าเทียนเฟิ่น ตรงนี้มีอยู่ยี่สิบกว่าชีวิตเต็มๆ รองหัวเผ่าไม่แม้แต่จะไต่สวน ก็ฆ่าคนโดยตรงแล้ว กระทำการอย่างลวกๆเกินไปหรือไม่”
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ข้าเห็นด้วยตาทั้งหมดแล้ว และได้ยินที่สวีชิงพูดจาสามหาวออกมา ยโสโอหัง ไม่แยแสต่อกฎวินัย ไม่จำเป็นต้องไต่สวนอีก”
ตรงนี้เป็นคนของรองหัวหน้าเผ่าซือคงทั้งหมด และเขาก็สูญเสียวิทยายุทธไปอีก ตำแหน่งในเผ่าก็ตกต่ำ
ในใจของเวินเส้าหยีมีลางสังหรณ์ไม่ดีผุดขึ้น
มักจะรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้จะจัดการได้ยาก
และ……
ที่รองหัวหน้าเผ่าซือคงทำเช่นนี้ ก็เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู โดยพุ่งเป้ามาที่เขา
ตามกฎของเผ่าเทียนเฟิ่น รองหัวหน้าเผ่ามีอำนาจจัดการลูกศิษย์ได้ทุกคน จนกระทั่งผู้อาวุโสในเผ่า
เวินเส้าหยีจำเป็นต้องยอมจำนน
“สวีชิงและคนอื่นๆมีโทษไม่ถึงกับตาย รองหัวหน้าเผ่าให้โอกาสสักครั้งได้หรือไม่”
“หัวหน้าเผ่าน้อยขอความเมตตาให้สวีชิงพ้นผิดเช่นนี้ หรือระหว่างพวกเจ้ามีการร่วมมืออะไรบางอย่างกัน หรือว่ามีความลับอะไรระหว่างกันเช่นนั้นหรือ”
“ข้าเป็นคนตรงไปตรงมา จะมีความลับอะไร”
“ในเมื่อไม่มีความลับ เจ้ากับสวีชิงก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ทำไมถึงได้ห้ามข้าไม่ให้โบยสวีชิงและคนอื่นๆให้ตายอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า”
ไม่ว่าสวีชิงจะโง่ขนาดไหนก็ฟังออก เกรงว่าคนที่รองหัวหน้าเผ่าซือคงจะฆ่าครั้งนี้คงไม่ได้มีแค่พวกเขา
แต่คิดจะพุ่งเป้ามาที่รองหัวหน้าเผ่าน้อย
เหอะ……
ปกติหัวหน้าเผ่าน้อยปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ ตอนนี้หัวหน้าเผ่าน้อยสูญสิ้นวิทยายุทธแล้ว เขาร่วมมือกับผู้อาวุโส คิดจะกำจัดหัวหน้าเผ่าน้อย
สวีชิงกล่าวว่า “ข้าเงยหน้าไม่กลัวฟ้า ก้มหน้าไม่กลัวดิน ไม่ละอายต่อจิตใจภายใน เจ้าคิดจะฆ่าก็ฆ่า ทำไมจะต้องบังคับเอาความผิดมาครอบให้มากมายด้วย”
“ลงมือ”
“ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามลงมือ”
รองหัวหน้าเผ่าและหัวหน้าเผ่าน้อยประจันหน้ากัน
ไม่ว่าใครก็ไม่ยอมถอย
รองหัวหน้าเผ่าซือคงกล่าวเยาะเย้ย “หัวหน้าเผ่าน้อย ก่อนที่เจ้าจะออกหน้าปกป้องพวกเขา ก็ควรจะปกป้องตัวเองก่อนหรือไม่”
เวินเส้าหยีเลิกคิ้ว
กู้ชูหน่วนที่อยู่ในการไตร่ตรองเป็นร้อยตลบ เข้าใจได้โดยประมาณแล้วว่ารองหัวหน้าเผ่าซือคงคิดจะทำอะไร
“เผ่าเทียนเฟิ่นเคลื่อนขั้นสูงสุดระดับหกออกมาห้าคน ในนั้นมีสุดยอดผู้อาวุโสขั้นสูงสุดระดับหกสี่คน ยังมีลูกศิษย์อาวุธพร้อมอีกสองพันกว่าคน พวกเขาล้วนเข้าไปสละชีวิตอยู่ที่เผ่าหยก แต่บังเอิญก็มีเพียงเจ้าที่รอดชีวิตกลับมา เรื่องนี้เจ้าไม่ควรให้คำอธิบายดีๆสักหน่อยหรือ?”
“เมื่อสองสามวันก่อนในห้องประชุม ข้าไม่ได้พูดไปแล้วหรือ? เพื่อช่วยข้าแล้วสุดยอดผู้อาวุโสไม่กี่ท่านนั้นได้ถูกคนของเผ่าหยกสังหาร ลูกศิษย์ฝีมือดีอีกสองพันกว่าคนก็เช่นกัน…..”
เมื่อเอ่ยถึงพวกเขา ความเจ็บปวดก็วาดผ่านไปบนใบหน้าของเวินเส้าหยี
หากทำได้ เขาก็ไม่อยากหวนรำลึกถึงฉากนั้นอีกตลอดไป
ตั้งแต่เล็กเขาได้รับการเลี้ยงดูมาจากสุดยอดผู้อาวุโสทั้งห้า
ในนั้นเสียชีวิตไปสี่คนเพื่อช่วยเขา ทั้งหมดเสียชีวิตอยู่ที่เผ่าหยก
และลูกศิษย์ฝีมือดีอีกสองพันกว่าคนที่เสียชีวิตไป ก็เป็นลูกศิษย์คนสนิทที่สุดยอดผู้อาวุโสไม่กี่ท่านนั้นตั้งใจอบรมปลูกฝังมาหลายปี แต่ละคนจงรักภักดีกันทั้งสิ้น
แผนการที่ได้วางไว้กว่าสิบปี ที่เผ่าหยกล้วนกลายเป็น……
“เท่าที่ข้ารู้ เผ่าหยกมีผู้อาวุโสที่บรรลุถึงขั้นสูงสุดระดับหกเพียงแค่สองคนเท่านั้น และผู้อาวุโสใหญ่ในนั้นก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสไปนานแล้ว เดิมทีก็ไม่มีความสามารถที่จะทำศึกได้อีก เผ่าเทียนเฟิ่นของพวกเราไปกันมากมายขนาดนั้น จะสละชีพไปทั้งหมดได้อย่างไร”
“รองหัวหน้าเผ่า ท่านอยากพูดอะไรกันแน่”
“ได้ยินว่าหัวหน้าเผ่าน้อยกับหัวหน้าเผ่าหยกมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา ทั้งยังได้สละชีพช่วยนางไว้หลายครั้ง แน่นอนว่าข้าไม่ได้อยากสงสัยหัวหน้าเผ่าน้อย แต่ว่ามีคนไปมากมายขนาดนั้น ทุกคนล้วนสละชีพหมดแล้ว มีเพียงเจ้าที่กลับมาได้ นี่ทำให้คนต้องไตร่ตรองอย่างหนักจริงๆ”
สวีชิงกล่าวด้วยความโกรธเคือง “เจ้าใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น หัวหน้าเผ่าน้อยจะสมรู้ร่วมคิดกับเผ่าหยก หักหลังเผ่าเทียนเฟิ่นได้ยังไง”
“ให้คนมา ฆ่า”
ฆ่าหนึ่งประโยค ไม่รอให้เวินเส้าหยีพูดอะไร ผู้ใต้บังคับบัญชาของรองหัวหน้าเผ่าซือคงก็ชักดาบออกมาแล้ว หนึ่งคนดาบหนึ่งเล่ม ปาดคอของสวีชิงและคนอื่นๆต่อหน้าเวินเส้าหยีไปโดยตรง
เลือดกระเซ็นไปทั่ว มีบางส่วนยังกระเซ็นมาบนเสื้อผ้าของเวินเส้าหยีอีกด้วย