เซียวหยู่เซวียนเดินมาพูดขึ้นว่า “เถ้าแก่ เจ้าตีอาวุธลับนี้เป็นได้อย่างไร?”
“แม่นางคนนี้ใช้ให้ตี”
เถ้าแก่ช่างตีเหล็กชี้ไปยังกู้ชูหน่วนที่ยืนพิงเสาไม้อยู่อย่างเกียจคร้าน สายตาเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี
หากไม่ใช่เพราะภาพเป็นของนาง เขายังอยากที่จะตีออกมาหลายชุดเพื่อขาย
เซียวหยู่เซวียนขมวดคิ้ว
พลังของนางอยู่แค่ชีพจรยุทธ์ชั้นหนึ่ง ด้อยจนไม่รู้จะด้อยยังไงอีกแล้ว กลับรู้จักอาวุธลับที่ดีขนาดนี้
และอาวุธลับนี้ก็คล้ายกับอาวุธลับของนางมาก
เป็นเรื่องบังเอิญ?
หรือว่า…..
ไม่….
เป็นไปไม่ได้
ตอนนั้นเผ่าหยกทั้งหมดช่วยกันตามหาดวงจิตกู้ชูหน่วนที่หายไป
กระทั่งใช้วิชาต้องห้าม
หามาสามปีแล้ว สุดท้าย….
ดวงจิตดวงนั้นหายสาบสูญไปแล้ว
ไม่มีใครหล่อเลี้ยงดวงจิต มีเพียงดวงเดียว จึงหายไปโดยธรรมชาติตามกาลเวลา นางไม่มีทางเป็นดวงจิตดวงนั้นแน่
ต่อให้ใช่ ดวงจิตเพียงดวงเดียวเล็กๆ จะเกิดใหม่ได้ยังไง?
เกิดใหม่แล้ว นางจะไม่รู้จักตนเองได้ยังไง?
“เจ้าอยากได้? งั้นข้ายกให้เจ้าหนึ่งชุด”
ช่างตีเหล็กเพิ่งตีเสร็จ กู้ชูหน่วนโยนให้เขาหนึ่งชุดอย่างไม่เกรงใจ แล้วค่อยเก็บของของตนเอง พร้อมก้าวเดินจากไป
ก่อนไป นางกะพริบตาให้กับเซียวหยู่เซวียน พร้อมหัวเราะพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเซวียนเซวียน จำไว้นะ ข้าชื่อมู่หน่วน”
ร่างกายเซียวหยู่เซวียนสั่นสะท้าน ทั้งโกรธทั้งโมโหทั้งพูดไม่ออก
เสี่ยวเซวียนเซวียนอีกแล้ว
ผู้หญิงคนนี้ ทุกกิริยาท่าทางทำไมถึงได้เหมือนผู้หญิงคนนั้นเลย?
เซียวหยู่เซวียนเก็บอาวุธลับ แล้วก็ตามนางไป
“เจ้าจะไปไหน?”
“ภูเขาเจียงเจ๋อ”
“เจ้าไปทำอะไรที่ภูเขาเจียงเจ๋อ?”
“ไปชมวิวทิวทัศน์ ได้ยินมาว่าวิวทิวทัศน์ที่นั่นมีสวยงามมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แล้วเจ้าล่ะ”
“ข้าก็ไปภูเขาเจียงเจ๋อ”
“ไปทำอะไรที่ภูเขาเจียงเจ๋อ”
“ไปตกปลา ได้ยินมาว่าปลาที่นั่นรสชาติอร่อย”
“……”
“……”
กู้ชูหน่วนไม่เชื่อเซียวหยู่เซวียน
ผู้ชายคนนี้ท่าทีไม่ธรรมดา ถึงแม้จะสวมชุดธรรมดา แต่ซ่อนความสูงส่งที่มีอยู่ในกระดูกไม่ได้
พลังบำเพ็ญของนางด้อยมาก ดูไม่ออกว่าผู้ชายตรงหน้าคนนี้อยู่ระดับไหน
แต่ที่แน่ๆ ผู้ชายคนนี้เป็นคนมีวิทยายุทธแน่นอน และวิทยายุทธไม่ด้อยด้วย
เซียวหยู่เซวียนก็ไม่เชื่อกู้ชูหน่วน
ภูเขาเจียงเจ๋อเป็นสถานที่อะไร ที่นั่นมีสัตว์อสูรเยอะแยะ ยังมีอากาศเป็นพิษ คนที่มีวิทยายุทธแข็งแกร่งไปที่นั่น ก็จะถูกควบคุมพลังบำเพ็ญ กลายเป็นคนธรรมดา คนปกติที่ไหนจะไปชมวิวทิวทัศน์ที่นั่น
ต่างฝ่ายต่างก็สงสัยสถานะของอีกฝ่าย แต่พวกเขาสองคนยังคงเป็นเพื่อนร่วมทางโดยปริยาย
ภูเขาเจียงเจ๋อตั้งอยู่ภายในภูเขาชีวันดา ที่นี่มีหมอกหนา ต้นไม้สูงตระหง่าน จากภูเขาสู่ภูเขาติดต่อกัน มองไม่เห็นที่สิ้นสุด
กู้ชูหน่วนกับเซียวหยู่เซวียนต่างลำบากใจ
ภูเขาเจียงเจ๋อใหญ่โตขนาดนี้ แล้วจะไปหาน้ำค้างแห่งสวรรค์ที่ไหน?
“ให้ ใช้ต้านพิษ” เซียวหยู่เซวียนล้วงเอายาชั้นเลิศออกมา เทให้นางสามลูกเผื่อฉุกเฉิน
“ยาต้านพิษ ยานี้ราคาแพงมาก เสี่ยวเซวียนเซวียน ดูไม่ออกว่าเจ้าจะมีเงินขนาดนี้”
“เพื่อนคนหนึ่งให้มา”
เซียวหยู่เซวียนไม่อยากพูดมาก ตนเองทานไปหนึ่งเม็ด แล้วก็เดินตรงเข้าไปในภูเขาเจียงเจ๋อ
กู้ชูหน่วนก็ทานลงไปหนึ่งเม็ด แล้วก็รีบเดินตามไป
“นอกจากเราสองคน อย่างน้อยน่าจะมีคนสามกลุ่มเข้ามา”
กู้ชูหน่วนชี้ไปที่ร่องรอยเท้าบนพื้น
รอยเท้ามีคนทั้งหมดสามกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีคนนับสิบ และร่องรอยเท้าแผ่วเบา วิทยายุทธน่าจะไม่ด้อยแน่
เซียวหยู่เซวียนยิ้มหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าสังเกตได้ละเอียดจริงๆ”
“พาเสี่ยวเซวียนเซวียนมาด้วย ข้าจะไม่ละเอียดได้อย่างไร ข้ายังต้องพาเจ้าออกไปอย่างปลอดภัย”
ทุกครั้งที่นางเรียกเขาว่าเสี่ยวเซวียนเซวียน
ล้วนทำให้เซียวหยู่เซวียนทำตัวไม่ถูก
แค่เพียงสามคำนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาฆ่านางได้แล้วด้วยซ้ำ
แต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงปล่อยนาง
บางทีอาจเป็นเพราะบนตัวนางมีเงาร่างของนาง