การลงสนามของเย่หยวนนั้นทำให้คนทั้งหลายเกิดความคาดหวังขึ้นมา
แนะนำไปแค่ไม่นานก็พอจะทำให้นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสามพัฒนาคุณภาพโอสถขึ้นไปได้อีกระดับ
แค่นี้มันก็เหนือล้ำกว่าความเข้าใจของคนทั้งหลายแล้ว
เช่นนั้นแล้วฝีมือของตัวเขาเองเล่า?
“ผู้อาวุโสทั้งสาม เพื่อความเท่าเทียมนั้นข้าขอเสนอให้รอบนี้ทำการหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองกันเถอะ” เจียงหลี่นั้นกล่าวขึ้นมาต่อหน้าพวกชุยถงทั้งสาม
พวกชุยถงนั้นเองก็หันมาตอบกลับอย่างไม่คิดมากมาย “มันย่อมต้องเป็นเช่นนั้น”
แต่ในตอนนั้นเองที่เย่หยวนกลับกล่าวแทรกขึ้นมา “ไม่ต้องหรอก!”
ชุยถงนั้นขมวดคิ้วแน่นถามกลับ “โอสถสวรรค์ระดับสองและโอสถสวรรค์ระดับสามนั้นมันแตกต่างกันอย่างไม่อาจเทียบเคียงได้ ต่อให้เจ้าจะหลอมโอสถสวรรค์จักรพรรดิระดับสองได้มันก็คงไม่มีทางเทียบกับโอสถสวรรค์ระดับสามปกติทั่วไปได้ เช่นนั้นแล้วเจ้าจะยังเอาอะไรมาสู้ได้?”
แม้ว่าโอสถสวรรค์จักรพรรดิระดับสองนั้นมันจะมีฤทธิ์ไม่ด้อยกว่าโอสถสวรรค์ระดับสามแต่มันก็ยังไม่อาจจะเทียบกับโอสถสวรรค์ระดับสามจริงๆ ได้
ไม่เช่นนั้นแล้วโอสถสวรรค์ระดับสามมันก็คงไม่อาจจะเป็นโอสถสวรรค์ระดับสามอยู่ได้
เย่หยวนตอบกลับไป “ข้านั้นจะหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองส่วนพวกเขาทั้งหลายก็หลอมโอสถสวรรค์ระดับสามไป หากพวกเจ้าตัดสินว่าโอสถสวรรค์ของข้ามันไม่อาจจะเทียบเคียงกับโอสถของพวกเขาได้ก็ถือว่าข้าแพ้พ่ายไป”
“หึๆ ช่างเป็นเด็กที่โอหังเสียจริง!”
“เจ้าคิดจะหลอมอะไรกันเล่า? จะดูถูกพวกเราจนเกินไปแล้ว!”
“นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองนั้นโอหังได้ถึงขนาดนี้หรือ! ข้าอยากจะรู้เสียจริงว่าเจ้าจะเก่งกาจได้สักแค่ไหน!”
…
เมื่อเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ตัวแทนเมืองทั้งเก้าได้ยินพวกเขาต่างก็ต้องร้องด่าออกมาตามๆ กัน
เพราะเย่หยวนนั้นไม่คิดจะสนใจพวกเขาแม้แต่น้อย!
ชุยถงนั้นขมวดคิ้วแน่นเพราะเขานั้นไม่อาจจะเข้าใจได้เลยว่าความมั่นใจของเย่หยวนนี้มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร
หรือว่าโอสถสวรรค์ระดับสองที่เขาหลอมนั้นจะแตกต่างจากโอสถสวรรค์ทั่วไป?
“ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้ายืนกรานเช่นนั้นแล้วก็ทำตามที่เจ้าว่าแล้วกัน! ข้าสงสัยเหลือเกินว่าเจ้านั้นจะหลอมโอสถสวรรค์ใด?”
“โอสถสวรรค์ปรับฐานระดับสอง!” เย่หยวนกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย
แต่แน่นอนว่าคนทั้งหลายย่อมจะไม่อยู่เฉยด้วย
“หมายความอย่างไร? โอสถสวรรค์ปรับฐานระดับสองคิดมาเทียบชั้นกับโอสถสวรรค์ระดับสามที่ความยากเกือบเท่าโอสถสวรรค์จักรพรรดิหรือ? ไอ้เด็กคนนี้มันลืมสมองไว้ที่บ้านหรืออย่างไร?”
“ฮ่าๆ! มีชีวิตอยู่มานานมันก็ได้เห็นอะไรแปลกๆ มากมายจริง! พ่อเจ้าอยู่มาจนป่านนี้เพิ่งจะเคยเจอนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองที่ปัญญาอ่อนเช่นนี้!”
“มิใช่แค่นั้นหรอกมั้ง? หากข้าเดาไม่ผิดอาจารย์เจียงหลี่นั้นคงคิดจะหลอมโอสถสวรรค์จักรพรรดิระดับสามแน่! ต่อให้อาจารย์เจียงหลี่จะหลอมได้แค่ระดับสามหรือสี่มันก็คงมากพอจนเกินกว่าจะเอาโอสถสวรรค์ปรับฐานระดับสองมาเทียบได้แล้ว?”
…
ใบหน้าของคนทั้งแปดรวมไปถึงตัวเจียงหลี่นั้นมันต่างดำมืดลงพร้อมๆ กัน
เจ้าเด็กคนนี้คิดมากวนประสาทพวกเขาหรือ?
เวลานี้แม้แต่ชุยถงเองก็ยังต้องผงะไป
“โอสถสวรรค์ปรับฐานระดับสอง สหายหนุ่มเย่เจ้าคิดล้อเล่นแล้ว? หรือว่าเจ้าจะคิดกวนประสาทพวกเราทั้งหลาย?” ชุยถงกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ข้ากวนประสาทพวกเจ้าหรือไม่ก็รอให้หลอมกันเสร็จก่อนค่อยมาพูด ไม่เห็นหรือว่าสภาพพวกที่ไม่เห็นน้ำตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอกก่งหน้าไม้มันเป็นอย่างไร?” เย่หยวนยิ้มเย้ยขึ้นมา
ชุยถงนั้นขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาก่อนจะกล่าวตาม “ย่อมได้ เช่นนั้นเฒ่าคนนี้จะขอดูหน่อยแล้วกัน! แต่ข้าจะเตือนไว้ก่อนเลยว่าหากเจ้าคิดกวนประสาทพวกเราทั้งหลายจริงๆ แล้ววันนี้เจ้าคงไม่ได้รอดกลับไปง่ายๆ แน่!”
“เรื่องของเจ้าเถอะ!” เย่หยวนตอบกลับไป
ท่ามกลางความสงสัยนั้นการประลองโอสถรอบต่อมาก็ได้เริ่มขึ้น
ซูยี่ เก่อหลิงและพวกทั้งหลายนั้นต่างรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางหัวเมื่อได้ยินได้ฟัง
พวกเขานั้นคิดไปว่าเย่หยวนอาจจะมีไม้ตายใดๆ อยู่
ใครจะไปคิดฝันว่าสิ่งที่เขาคิดนำออกมาสู้นั้นมันกลับเป็นโอสถสวรรค์ปรับฐานระดับสองแทน!
ของอย่างนั้นมันจะเอาชนะได้หรือ?
พวกเขานั้นเค้นสมองเท่าไหร่ก็ไม่อาจจะหาคำตอบได้
แต่เมื่อการประลองเริ่มขึ้นจริงๆ แล้วสายตาของทุกผู้คนมันก็ต่างจ้องมองไปทางเย่หยวนเป็นตาเดียว
ชุยถงและพวกนั้นเองก็ได้แต่ต้องหรี่ตามองดูด้วยใบหน้าตกตะลึง
“ช่างเป็นวิชาที่เหนือล้ำนัก แม้แต่เฒ่าคนนี้ยังมองไม่ออกเลยทีเดียว!” ชุยถงนั้นกล่าวขึ้น
กรรมการอีกคนก็เสริมขึ้นมา “ที่แท้แล้วการหลอมโอสถสวรรค์ปรับฐานระดับสองมันยังหลอมเช่นนี้ได้? เฒ่าคนนี้ได้เปิดหูเปิดตาแล้วจริงๆ!”
ทักษะการหลอมโอสถของเย่หยวนนั้นมันย่อมจะลึกลับแสนซับซ้อน
แต่ทุกการกระทำของเขานั้นมันมีพลังของเต๋าอยู่ทำให้คนทั้งหลายไม่อาจจะละสายตาจากไปได้
แม้ว่าเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ทั้งหลายที่มาดูงานนี้จะไร้ฝีมือแค่ไหนพวกเขาก็คงเข้าใจได้ทันทีว่าเย่หยวนนั้นมากฝีมือจริง
แต่ไม่นานมันก็ได้เกิดเรื่องที่น่าตกตะลึงมากกว่าขึ้น
เพราะเวลานี้มันได้เกิดคลื่นพลังของยอดเต๋าบนท้องฟ้า!
ตูม!
คลื่นพลังรุนแรงนั้นมันทำให้สีหน้าของคนทั้งหลายเปลี่ยนสีไป
นั้นทำให้การหลอมของพวกเจียงหลี่ทั้งแปดนั้นติดขัดขึ้นมาทันที
ภายใต้พลังกดดันของยอดเต๋าเช่นนี้แล้วคนธรรมดาทั่วไปย่อมไม่อาจจะต่อต้านมันได้เลย
ฟู่!
กลิ่นไหม้เหม็นขึ้นมาพร้อมด้วยสมุนไพรสวรรค์ในหม้อหลอมที่ไหม้ลงไป
ฟู่!
อีกไม่นานนักการหลอมของนักหลอมโอสถสวรรค์อีกคนก็พังลงตาม
เจียงหลี่นั้นไม่ได้เลือกจะหลอมโอสถสวรรค์จักรพรรดิเพื่อความปลอดภัย
อีกฝ่ายนั้นเป็นแค่โอสถสวรรค์ปรับฐานระดับสอง แค่ใช้โอสถสวรรค์ระดับสามทั่วๆ ไปมันก็มากเกินพอแล้ว
เขานั้นคิดจะแสดงพลังฝีมือออกมาให้เย่หยวนได้เห็นว่ายอดอัจฉริยะที่แท้จริงนั้นมันเป็นเช่นใด
แต่เวลานี้ภายใต้พลังกดดันของยอดเต๋านั้นมันทำพลังจิตของเขานั้นหวั่นไหวจนแทบไม่อาจจะหลอมโอสถใดๆ ได้
เวลาพริบตาที่ผ่านมานี้เขาได้ทำผิดพลาดไปหลายต่อหลายครั้งทำให้คุณภาพของโอสถตกฮวบลงทันที
พร้อมๆ กันนั้นแรงกดดันของยอดเต๋ามันก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ตูม!
จนสุดท้ายมันก็ตกลงมาใส่หม้อหลอมของเย่หยวน
หลอมโอสถ!
ไม่นานจากนั้นเจียงหลี่ก็หลอมขึ้นมาได้สำเร็จ
แต่เขานั้นกำลังเจ็บแค้นสุดใจ
เขานั้นรู้ดีว่าคุณภาพโอสถของเขานี้มันย่อมจะต่ำตม
“เด็กน้อย เจ้าโกง!” เจียงหลี่นั้นยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าเย่หยวนอย่างไม่พอใจ
เย่หยวนหันไปมองก่อนจะยิ้มตอบ “กรรมการเขายังไม่ทันได้ตัดสินอะไรแต่เจ้ากลับเป็นคนตัดสินแทนแล้ว? หากทำเช่นนี้มันถือว่าโกงเช่นนั้นที่เจ้าลงมือหลอมโอสถนั้นมันก็คงเป็นการโกงเช่นกัน”
“เอาล่ะๆ เจียงหลี่ เย่หยวนนั้นไม่ได้โกงใดๆ! แต่ว่าเฒ่าคนนี้ก็สงสัยเหลือเกินว่าสิ่งที่เจ้าหลอมนั้นมันเป็นโอสถสวรรค์ปรับฐานระดับสองจริงๆ หรือ?” ชุยถงกล่าว
เจียงหลี่นั้นได้แต่กัดฟันแน่นอย่างเจ็บใจ
เย่หยวนตอบกลับไป “มันจะเป็นโอสถใดพวกเจ้าก็ดูมันเอาเถอะ”
พูดไปเย่หยวนก็ดึงเอาโอสถสวรรค์เม็ดใสออกมาวางไว้ตรงหน้าพวกชุยถง
คลื่นพลังของยอดเต๋านั้นมันพุ่งทะยานออกมาจากโอสถนี้
“นี่…นี่มันเป็นโอสถสวรรค์ปรับฐานระดับสองจริง?”
“ข้านั้นไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าโอสถสวรรค์ปรับฐานระดับสองมันกลับมีสีใสได้!”
“ช่างเป็นวิชาการหลอมที่ล้ำฟ้านัก! ข้าไม่เคยได้ยินถึงมันมาก่อน!”
…
คนทั้งหลายนั้นต่างมองดูโอสถสวรรค์นั้นด้วยสายตาตื่นตะลึง
ชุยถงนั้นจ้องมองดูรอบๆ มันไปมาอยู่นานสองนานจนแทบจะเอาดวงตาจุ่มลงไปในโอสถสวรรค์
“เจ้าดูพอหรือยังเล่า ให้ข้าดูบ้าง!” กรรมการอีกคนกล่าวขึ้นมา
ด้วยสายตาของพวกเขาแล้วพวกเขาย่อมจะเห็นถึงความยอดเยี่ยมล้ำของโอสถสวรรค์นี้และอยากจะศึกษามันอย่างถึงที่สุด
ระดับแท้นั้นไม่เคยปรากฏขึ้นมาบนแดนสวรรค์ใต้มาก่อน!
เวลานี้เมื่อมันปรากฏขึ้นแล้วย่อมจะทำให้คนทั้งหลายต้องตกตะลึง!
คนทั้งสามนั้นผลัดกันชมไปอย่างที่ไม่มีใครจะเข้าใจมันได้
จนสุดท้ายชุยถงก็อดไม่ได้ที่จะเอามันไปวางบนศิลามารดาก่อเมฆา
เย่หยวนที่เห็นนั้นต้องอมยิ้มขึ้นมาอย่างไม่คิดห้ามใดๆ
วินาทีที่โอสถนั้นวางลงบนศิลามารดาก่อเมฆามาตรวัดของมันก็พุ่งทะยานขึ้นทันที
จากนั้นมันก็ระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
คนทั้งหลายนั้นต่างหน้าซีดขาวลงไปพร้อมๆ กัน!
ศิลามารดาก่อเมฆานั้นมันกลับระเบิดออก!
ชุยถงนั้นรีบพุ่งตัวลุกขึ้นมาก่อนจะมองดูเย่หยวนด้วยสายตาที่เบิกกว้าง “สหายหนุ่มเย่ โอสถสวรรค์นี้มันอยู่ในระดับใดกัน? เฒ่าคนนี้อยู่มาจนป่านนี้แล้วก็ยังไม่เคยจะเห็นโอสถสวรรค์ที่ทำให้ศิลามารดาก่อเมฆาระเบิดออกได้เช่นนี้!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “โอสถสวรรค์นี้มันอยู่ในระดับแท้! เหนือกว่าระดับเก้าขึ้นไปนั้นคือระดับแท้! พวกเจ้าคิดว่าโอสถสวรรค์ระดับแท้นี้มันจะเทียบกับโอสถสวรรค์ระดับสามของพวกเขาทั้งหลายได้หรือไม่?”
…………………………