บทที่ 68
แจ็คสันเห็นความมั่นใจในดวงตาของแดร์ริล เขาจึงพยักหน้าทันที ภายตาการจดจ้องจากฝูงชน แจ็คสันขึ้นไปบนเก้าอี้แล้วปลดกระจกแปดด้านออกจากกำแพง
“แจ็คสัน นี่แกเป็นบ้ารึไงวะ? แกไปฟังคำของไอ้ลูกเขยบ้านอื่นนั่นได้อย่างไร?” ยูมิตำหนิจากด้านหลัง
แจ็คสันไม่สนใจเธอ สัมพันธ์พี่น้องของพวกเขามีให้กันมาตั้งแต่สมัยเด็ก แจ็คสันเชื่อแดร์ริลหมดใจ
“เร็วเข้า รีบอุ้มประธานกายไปที่บ่อน้ำ” แจ็คสันรีบสั่งเหล่าบริกรในงานแต่งหลังจากที่นำกระจกแปดด้านลงมา
เหล่าบริกรชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะรีบอุ้มแอ๊บบี้ออกไป
เมื่อเห็นเหตุการร์ดังกล่าว คนมากมายในฝูงชนก็ส่ายหัวอย่างเคร่งขรึม
แค่แดร์ริลบ้าคนเดียวก็พอแล้ว นี่ยังไม่พอ แม้แต่แจ็คสันก็เสียสติไปอีกคนเหรอ?
“เกิดอะไรขึ้นกับพี่สาวของฉัน? หลบไป!”
ทันใดนั้น เสียงอันทุ้มลึกและเย็นชาก็ดังมาจากทางเข้าของคฤหาสน์ ชายในสูทดำเข้ากับเสื้อเชิ้ตลายดอกรีบพุ่งเข้ามา รอบตัวเขาเต็มไปด้วยชายร่างกำยำ 10 คน ที่ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำ
ภายใต้เสื้อดำของชายหนุ่มนั้นมีรอยสักรูปมังกรดำ ซึ่งมันเตะตาทีเดียว
เขาคือแบรนดอน น้องชายของแอ๊บบี้ นักเลงอันดับหนึ่ง
รูปลักษณ์ของเขาทำให้แขกที่มาถึงกับหุบปากลงและแสดงความเคารพ
“ไอ้เ-ี้ยเอ๊ย! พวกดาร์บี้อย่างพวกแกจะทำอะไร? ทำไมยังไม่ส่งพี่สาวฉันไปโรงพยาบาล?” แบรนดอนตะโกน
เขาอยู่ข้างบ่อน้ำและเห็นพี่สาวนั่งอย่างไร้สติอยู่บนเก้าอี้
“คุณแบรนดอน โปรดสงบอารมณ์ลงแล้วขอให้ผมอธิบายก่อน” เดรกกล่าวขณะที่ปาดเหงื่อบนหน้าผากไปด้วย
ก่อนที่เขาจะพูดต่อ ยูมิก็เดินออกมาแล้วประกาศออกไปด้วยความอาจหาญ
“คุณแบรนดอน เราต้องการจะส่งพี่สาวของคุณไปโรงพยาบาล แต่เขายืนยันจะขัดขวางเรา พวกเราเหล่าดาร์บี้จึงทำอะไรไม่ได้” เธอกล่าว แล้วชี้ไปที่แดร์ริล ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“แก?” แบรนดอนหันหัว สายตาของเขาตกอยู่ที่แดร์ริล “ลูกเขยตระกูลลินดัน แกมาทำอะไรที่นี่?”
“ไม่มีอะไรผิดปกติกับพี่สาวของนายหรอก เธอแค่โดนวิญญาณร้ายรังควาน เดี๋ยวเธอก็ตื่นแล้ว” แดร์ริลตอบ
ตาของแบรนดอนกระตุกทันทีเมื่อเห็นท่าทางผ่อนคลายของแดร์ริลในขณะที่เขาพูด “แก ไอ้ส้น-ีน อย่ามาตอแ-ลฉัน แกหมายความว่าอย่างไร ‘ถูกรังควานโดยวิญญาณร้าย’? ฉันจะบอกแกให้ฟัง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับพี่สาวฉัน ฉันรับรองเลยว่าแกจะไม่เห็นแสงอาทิตย์วันพรุ่งนี้แน่”
แบรนดอนหันไปมองเดรกด้วยสายตาเย็นชา “รวมถึงดาร์บี้ด้วย อย่าคิดว่าพวกแกจะรอดจากการมีความผิดร่วมไปได้”
เสียงของแบรนดอนเย็นเหมือนลมหนาวในฤดูเหมันต์ ทุกคนที่ได้ยินเขาพูดรู้สึกเหมือนถูกทิ่มแทงที่หัวใจ
ไม่มีใครกล้าสงสัยเขา แบรนดอนทรงพลังพอที่จะทำแบบนั้น
เดรกยิ้มอย่างขมขื่น “คุณแบรนดอน ผม-”
“หืม…”
ในตอนนั้นเอง แอ๊บบี้ ผู้ซึ่งนั่งอยู่ข้างบ่อน้ำ ครางออกมาเบา ๆ
‘อะไรกัน? เธอตื่นได้อย่างไร!? หมอซัลลิแวนยังรักษาเธอไม่ได้ แต่หลังจากเอากระจกแปดด้านออก แอ๊บบี้ก็ตื่นขึ้นมาจริง ๆ!?’ ทุกคนตกใจและพลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก
มันเป็นเรื่องที่ดี ที่เธอตื่น เพราะถ้าไม่ ทั้งตระกูลดาร์บี้จะต้องพินาศเพราะแดร์ริล
ทุกคนคิดว่าแอ๊บบี้ตื่นเพราะตัวเธอเอง พวกเขาคิดว่ามันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสิ่งที่แดร์ริลพูด
ไม่ต้องพูดถึงแขกที่บอกว่าแคร์ริลนั้นพูดจาไร้สาระมาตั้งแต่ต้นจนจบ แบรนดอนเดินไปหาพี่สาวด้วยความเป็นห่วง “พเป็นไงบ้าง? เกิดอะไรขึ้น?” แอ็บบีบีบนวดหน้าผาก เธอดูเหมือนยังงุนงงอยู่ “ฉันเองก็ไม่แน่ใจ ภาพตรงหน้าฉันตัดเป็นสีดํา ฉันไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น” ด้วยคํากล่าวเหล่านั้น แบรนดอนขมวดคิ้วแล้วหันไปมองแคร์ริล แดร์ริลยิ้มอ่อนแล้วเดินไปหาแอ๊บบอย่างรวดเร็ว “ประธานกาย คุณถูกรังควานจากวิญญาณร้าย ลองนึกดูสิ คุณเห็นอะไรก่อนหน้าที่คุณจะสลบไป?” “ไอ้สัน-นนี้ มันยังจะเสแสร้ง? แบรนดอนสาปแช่งกับตัวเอง แบรนดอนโกรธอีกครั้งเขากําลังจะจัดการแดร์ริล อย่างไรก็ตาม แอ็บบพิมพ์ “ก่อนที่ฉันจะสลบไป ฉันมองกระจกแปดด้านที่กําแพงมันดูน่าสนใจดี จากนั้นฉันก็..” “ว้าว! แขกคิด แขกรอบ ๆ และพวกดาร์บี ฮือฮากันทันที พวกเขาจ้องไปที่แคร์ริลแคร์ริลกันหมด “กระจกแปดด้าน? ให้ตาย นี่เรื่องจริงเหรอเนีย!?” แขกบางคนคิด