“คุณ…บาดแผลคุณ…”
เมแกนเดินเข้ามาหาแดร์ริลอย่างรวดเร็ว เธอถามเขาด้วยความกังวลเกี่ยวกับแผลของเขา
“ไม่เป็นไร” แดร์ริลส่ายหัว เขาดูผ่อนคลาย
แต่ความจริง เขาแค่กำลังฝืนความเจ็บปวดอยู่
แผลของเขาเปิดอีกครั้งจากการใช้ดาบกลินโลหิตก่อนหน้านี้ เขากำลังเจ็บปวดมาก
เมแกนพยักหน้าและไม่ได้กล่าวอะไรอีก เธอยังคงดูกังวลมาก ในดวงตาของเธอ ตอนที่เธอพาเด็กน้อยไปที่รถ
ในตอนที่แดร์ริลขึ้นรถของเขา เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ไม่สามารถทนได้จากหัวไหล่ เขาสบถในใจ กระสุนมันฝังอยู่ในแผลเขานานเกินไป หากเขานำมันออกไม่ทันเวลา เขาอาจจะเสียเลือดมากเกินไป
แทนที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ เขากลับดึงผ้าที่พันรอบไหล่ของเขาออก แล้วใช้พลังภายในพยายามฝืนดันกระสุนออก
เมื่อกระสุนหลุดออกมาจากบาดแผล แดร์ริลก็สั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ‘เ-ี้ย! โชคดีนะที่เราเป็นผู้บ่มเพาะ ไม่งั้น เราคงนอนนิ่งไปแล้วเพราะกระสุนฝังในนานเกินไป’
เมแกนเป็นห่วงมาก เธอต้องการอาสาช่วยเหลือ แต่เธอไม่กล้าเพราะรอบข้างมันมืดมาก เธอกลัวว่าเธอจะทำให้แดร์ริลเจ็บเพิ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเธอไม่เห็นแผลชัดเจน ดังนั้น เธอจึงต้องปล่อยให้แดร์ริลจัดการมันด้วยตัวเขาเอง
หลังจากที่กระสุนหลุดออกมาแล้ว แดร์ริลก็เริ่มขับรถออกจากภูเขา
เขามองผ่านกระจกมองหลังไปแล้วเห็นเด็กน้อยกำลังถือกุญแจรถของเขาอยู่ เธอพยายามจะผูกตุ๊กตาผ้าที่ดูละเอียดอ่อนเข้ากับกุญแจเขา
แดร์ริลสงสัย เขาจึงถามเธอด้วยรอยยิ้ม “หนูน้อย เธอกำลังทำอะไรอยู่เหรอ?”
เด็กหญิงตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ขอบคุณพี่ใหญ่ที่ช่วยหนูไว้ค่ะ นี่คือของเล่นโปรดของหนู หนูเอามันไปกับหนูด้วยทุกที่ หนูจะมอบมันให้พี่ค่ะ พี่ใหญ่ มันจะช่วยปกป้องให้พี่ใหญ่ปลอดภัย”
เมื่อได้ยินคำพูดที่ใสซื่อ เมแกนก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยนแล้วยื่นมือออกไปลูบหัวเด็กหญิงตัวน้อย
บรรยากาศในรถนั้นทั้งหวานและอบอุ่น เหมือนพวกเขาไม่ได้อยู่ในสถานการณ์อันตราย
แต่ด้วยอะไรบางอย่าง แดร์ริลยังคงค้างคาใจ
เขาคิดว่าเด็กอายุน้อยแบบนี้ควรจะหวาดผวาหลังจากพบเจอประสบการณ์ที่น่ากลัว
อย่างไรก็ตาม เด็กหญิงคนนี้ดูจะฟื้นตัวจากความกลัวได้รวดเร็ว เมื่อเทียบกับความหวาดกลัวในตอนแรก
‘เด็กสมัยนี้มีจิตแข็งเหรอ?’
หลังจากที่เด็กหญิงถูกตุ๊กตาของเธอกับกุญแจรถของเขาแล้ว แดร์ริลก็หยิบกุญแจมาแล้วสตาร์ทรถ
เขาหันหัวรถแล้วขับลงจากภูเขา เมแกนกล่าวเสียงเบา “หนูน้อย บ้านของหนูอยู่ที่ไหน? รู้ทางกลับบ้านไหมจ๊ะ? พวกเราจะไปส่งหนูที่บ้านเอง โอเคไหม?”
เด็กหญิงเอียงคอใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปาก “แค่ส่งหนูที่หน้าทางเข้าธนาคารก็พอแล้วค่ะ หนูจะกลับบ้านเอง”
‘ทำไม?’
แดร์ริลตื่นตระหนก
เมแกนเองก็สงสัย
เด็กหญิงเหยียดมือของเธอยืดกล้ามเนื้อ ก่อนจะชี้ไปที่ไหล่ของแดร์ริลที่บาดเจ็บ “พี่ใหญ่บาดเจ็บหนัก เขาต้องไปโรงพยาบาล หนู… หนูไม่อยากรบกวนเวลาของเขา”
แดร์ริลและเมแกนมองหน้ากันและอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างหวานชื่น
เด็กหญิงคนนี้อายุน้อยมากแต่กลับมีเหตุมีผล ไม่ว่าผู้ปกครองของเธอจะเป็นใคร พวกเขาต้องมีความสุขที่มีเธอแน่
ด้วยความรู้สึกประทับใจ แดร์ริลยิ้มอย่างอบอุ่น เขาจับพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกมือก็ลูบผมของเด็กน้อยไปด้วย “พี่ใหญ่ไม่เป็นไรครับ พี่จะไปส่งเธอที่บ้านก่อน”
เด็กหญิงไม่ยอม “ไม่ พี่ใหญ่ต้องไปหาคุณหมอ”
หลังจากนั้น เด็กหญิงก็อธิบาย “บ้านของหนูอยู่ใกล้ธนาคาร ครอบครัวของหนูสามารถรับหนูได้ที่ธนาคารถ้าพวกคุณส่งหนูที่นั่น”
“ฟังเธอเถอะ ฉันจะอธิบายกับพนักงานธนาคารเอง ตอนที่เราไปที่นั่น” เมแกนตัดสินใจหลังจากใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่ง
แดร์ริลพยักหน้า แทบจะในเวลาเดียวกัน มือถือของเขาก็สั่น มันเป็นข้อความจากอีวอน แดร์ริลจึงไม่ได้สนใจมันนัก ถ้าไม่ได้โทรมา แปลว่ามันไม่ได้เร่งด่วนอะไร
ณ ที่อยู่อาศัยของตระกูลยัง…
อีวอนนั่งอยู่บนโซฟา กำลังถือมือถือไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง
‘ทำไมเขาถึงไม่ตอบข้อความ?’
อีวอนกัดริมฝีปากแน่น เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าทำไม แต่เธอต้องการจะคุยกับเขา
หลังจากไม่มีการตอบกลับเป็นเวลานาน อีวอนรู้สึกอยากโทรหาแดร์ริล แต่เธอก็อาย
ในขณะเดียวกัน ที่ทางเข้าธนาคาร…
หลังจากส่งเด็กหญิงแล้ว เมแกนก็ขึ้นมาบนรถด้วยความกังวล “ไปโรงพยาบาลแล้วรักษาแผลของคุณ”
แดร์ริลยิ้มบาง ๆ “มันไม่เป็นไรหรอก จะไปโรงพยาบาลทำไม? ผมเอากระสุนออกแล้ว”
เมแกนขมวดคิ้ว “ไม่มีทาง! ถ้าแผลคุณติดเชื้อขึ้นมาจะทำยังไง?”
ในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจ เธอรู้ดีว่าแผลจากกระสุนปืนนั้นถ้าไม่รักษาให้ทันตามเวลา มันอาจเสี่ยงติดเชื้อได้
อีกด้านหนึ่ง แดร์ริลนั้นดูผ่อนคลาย “ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องแผลเล็กน้อยนี่หรอก”
“ไม่ อย่าประมาทนักได้ไหม” เมแกนกระวนกระวาย “ทำไมคุณถึงไม่ห่วงตัวเองบ้างเลย?”