หลังจากระบบพูดจบ ฟางหนิงก็เริ่มมีความกล้าขึ้นมาบ้าง แต่หลังจากครุ่นคิดถึงความหมายในคำพูดของระบบ เขาก็รู้สึกกังวลอีกครั้ง
“แกบอกว่าตอนนี้ผีตัวนี้แค่ทำให้คนสับสนได้เท่านั้น แล้วเมื่อไรมันจะทำร้ายคนได้ล่ะ”
“ดูจากระดับวิวัฒนาการของมัน ประกอบกับความเร็วของการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมล่าสุด น่าจะใช้เวลาอีกสักสองเดือนก็คงทำได้ แต่อย่าลืมว่าอาจเกิดสถานการณ์พิเศษอื่นอีก” ระบบยังคงเดินต่อไปอย่างสบายใจ โดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องของผีและภาพหลอนเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าบริเวณโดยรอบจะมืดสนิท แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของมันเลย
“บ้าฉิบ อย่างนั้นก็หมายความว่าต่อไปอาจเกิดเรื่องขึ้นได้น่ะสิ” ฟางหนิงอดกังวลไม่ได้ ผีตนนี้แตกต่างจากคน คนยังเข้าเรียนซ้ำได้ แต่ไม่เคยได้ยินเลยว่าจะมีโปรแกรมการสอนผี
ถึงตอนนั้นหากเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมา ไม่เพียงแต่ร้านแฟรนไชส์ของเขาจะได้รับผลกระทบหนัก นิยายที่เขากำลังตามอ่านและจองไว้สิบกว่าเล่ม รวมทั้งเกมออนไลน์ที่เขากำลังเล่นอยู่ ก็อาจได้รับผลกระทบทั้งหมดด้วย หากจิตใจมีความวิตกกังวล ใครกันจะมีกะจิตกะใจมาคอยอัปเดตนิยายและดูแลเซิฟเวอร์เกม…
เมื่อครู่ฟางหนิงยังกลัวแทบตาย แต่ตอนนี้เมื่อเขาคิดได้ว่ามันอาจจะส่งผลต่อชีวิตประจำวันของเขาทั้งการอ่านนิยายและเล่นเกม ก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมาทันที
ไม่มีหนทางอื่นแล้ว ไม่ให้เขาเล่นเกมหรืออ่านนิยายสักวันสองวันยังพอไหว แต่ถ้านานกว่านั้นล่ะก็…ชีวิตคงจะจืดชืดน่าเบื่อแย่
ในเมื่อตอนนี้เขามีเงินแล้ว เขาหาเวลาว่างแอบใช้มันนิดหน่อยก็ได้ หัวหน้าระบบคงไม่จู้จี้จุกจิกมากนัก ยิ่งเล่นยิ่งสนุก ครั้งแรกที่เขาเข้าใจอะไรเรียกว่าความหมายที่แท้จริงของเกมออนไลน์ที่ผลิตในประเทศ “ไม่ต้องถามหากลยุทธ์อะไร เล่นไม่ชนะก็แค่เติมเงิน”
แน่นอนว่าเขาไม่กล้าทุ่มเงินโดยไม่ยั้งคิด ถ้าเขาใช้เงินอย่างบ้าคลั่งระหว่างเล่นเกม มีเท่าไรก็อาจหมดตัวได้แน่นอน ฟางหนิงยังคงควบคุมมือและเท้าของเขาได้ ประการแรก มีระบบให้กังวล และประการที่สอง เขาเคยชินกับการประหยัด ตอนนี้เขามีเงินมากถึงระดับหนึ่งแล้ว ถึงได้อยากใช้เงินเล็กๆ น้อยๆ เพื่อจะได้ไม่ถูกคนอื่นดูถูก
เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้ ฟางหนิงก็ตระหนักว่าโอตาคุอย่างตัวเองเริ่มกังวลเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของประเทศและผู้คนส่วนใหญ่ขึ้นมาบ้างแล้ว เขารู้สึกตลกตัวเองเล็กน้อย จากนั้นก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องสมเหตุสมผล ในสังคมที่สะดวกสบาย อยากใช้ชีวิตอิสรเสรี มีใครบ้างที่ไม่ต้องการล่ะ
แต่ว่าตอนนี้ ผีตนนั้นที่ถูกหนึ่งคนหนึ่งระบบเมินเฉยเริ่มจะทนไม่ได้แล้ว มันพยายามเต็มที่เพื่อสร้างบรรยากาศน่าสยดสยอง แต่คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด นั่นทำให้มันไม่พอใจมาก ‘ทำอย่างนี้ได้ไงกัน เห็นฉันเป็นอากาศธาตุหรือ ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาเลย เสียแรงเปล่า! คิดว่าฉันทำอันตรายไม่ได้สินะ! เมื่อครู่ก็บังอาจทำร้ายพี่น้องของฉัน แล้วตอนนี้คิดจะจากไปง่ายๆ ได้ไงกัน’
ตอนแรกมันไม่ได้ปรากฏให้เห็นตัว เพียงแค่สร้างบรรยากาศเขย่าขวัญออกมา แต่ตอนนี้กลับรู้สึกอับอายจนพาลโกรธไปแล้ว ทันใดนั้นมันกลายร่างเป็นผีแขวนคอตายสวมชุดสีแดงเลือดหมู ลิ้นห้อยยาวปรากฏขึ้นฉับพลันต่อหน้าฟางหนิง พร้อมกรงเล็บอาบเลือดพุ่งใส่เขา!
“ชิบหาย!!” ฟางหนิงตกใจตัวสั่น แต่โชคดีที่เขาซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ของระบบ นั่นคือความรู้สึกที่คล้ายกับการได้เห็น GIF สยองขวัญ ประโยชน์ของการให้ระบบครองร่างแสดงให้เห็นแล้ว ระบบต่อมไร้ท่อของเขาไม่เปลี่ยนแปลงเพียงเพราะความตกใจ ฮอร์โมนและอะดรีนาลีนก็ไม่พุ่งพรวด หัวใจก็ไม่เต้นรัวเร็ว หาไม่ใช่เพราะระบบ เจออะไรแบบนี้เข้าก็คงขวัญหนีดีฝ่อไปแล้วแน่นอน
“ไปให้พ้น!” ระบบชักจะรำคาญ อุตส่าห์ตั้งเอฟเฟคเสียงพื้นหลังไว้ข้างๆ ก็พอแล้ว ตอนนี้ยังคิดจะขวางทางอีก แม้จะหยุดมันไม่ได้ แต่ก็ขวางหูขวางตาจริงๆ
ร่างของฟางหนิงที่ถูกระบบควบคุมสะบัดหลังมือออกไป เปลวเพลิงมังกรพลันปรากฏขึ้น สะบัดหางกวาดผีแขวนคอ!
“กรี๊ด กรี๊ด!!!” เสียงกรีดร้องของผีแขวนคอที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าดังกว่าของฟางหนิงถึงสิบเท่า ร่างของมันแตกสลายในทันที เสียงโหยหวนด้วยความเจ็บปวดลอยออกมาจากที่ไกลๆ
หลังจากนั้นดวงไฟประหลาดและความมืดมิดก็พลันหายวับ ทั่วทั้งถนนกลับสู่สภาพเดิม ไกลออกไปแสงของรุ่งอรุณปรากฏขึ้นรางๆ รอบด้านเงียบสงัดเหมือนอย่างปกติ แต่ไม่ไกลนักยังเห็นเงาร่างของผู้คนที่ตื่นเช้ามาออกกำลังกาย
เวลานี้ฟางหนิงที่กลัวหัวหดอยู่ในพื้นที่ระบบรีบมองข้อความแจ้งเตือนของระบบที่ปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แม้เขาจะไม่อยากสนใจพวกข้อความเตือนของระบบที่ไม่ค่อยมีความหมายอะไร แต่คราวนี้ศัตรูเมื่อครู่คือผี เขาจึงต้องอ่านมัน
‘ร่างแยกของผีสาวจูซานเม่ยพยายามโจมตีระบบ’
ระบบใช้เทคนิคขั้นสูง “ฝ่ามือเทพมังกรเพลิง” ใช้สล็อตความโกรธหมด ค่าความโกรธทั้งหมดของสล็อตความโกรธระดับสามหมดเกลี้ยง ตอนนี้ความก้าวหน้าของสล็อตความโกรธระดับหนึ่งและระดับสองถึง 100% ส่วนความก้าวหน้าสล็อตความโกรธระดับสามเป็น 0
ผีสาวจูซานเม่ยถูกการโจมตีที่มีคุณสมบัติจื่อหยาง พลังมังกรปราบปราม สาหัส! ละเว้นการป้องกัน! บดขยี้โจมตี!
ผีสาวจูซานเม่ยได้รับความเสียหาย 1,400 คะแนน
ร่างแยกของผีสาวจูซานเม่ยถูกทำลายสิ้นซาก และร่างหลักก็บาดเจ็บสาหัส ระบบได้รับค่าประสบการณ์ 50 คะแนน ค่าประสบการณ์ยังห่างจากระดับ 11 อีก 63,455 คะแนน
อ้อ ที่แท้คะแนนแค่นี้เองหรอกหรือ มิน่าเมื่อกี้ท่าทางของระบบถึงได้ดูเกียจคร้านจะจัดการนัก แต่หลังจากนั้นฟางหนิงก็สงสัยขึ้นมาอีก
“เอ๊ะ ระบบ รับมือร่างแยกผีตัวเล็กๆ ทำไมแกต้องใช้ค่าความโกรธจนหมดล่ะ แล้วยังใช้เทคนิคขั้นสูง ก่อนหน้านี้บอกว่าเก็บไว้รอทหารเทพกำเนิดแล้วค่อยดึงดูดศัตรูตัวฉกาจมาไม่ใช่หรือ”
ตอนแรกค่าความโกรธเกือบถึงระดับสามแล้ว แต่หลังจากไล่ล่าหลี่ว์เอ้อร์ ค่าความโกรธของอีกฝ่ายก็เต็มเปี่ยมทันที การไล่ล่าสี่ชั่วโมงก็ยังได้ประโยชน์อะไรบ้างเหมือนกัน…
“อ้อ ระบบคิดว่าหากโฮสต์ทำให้คนเกลียดหน่อย ค่าความโกรธก็จะเพิ่มขึ้นเร็ว เลยลองใช้พลังกำจัดมัน ตอนนี้ดูแล้วไม่เลว ถ้าผีกระจอกจะใช้ศิลปะการต่อสู้ธรรมดาตอบโต้ ให้บทเรียนลึกซึ้งกับมันไม่ได้ น่าเสียดายที่ค่าประสบการณ์น้อยเกินไป สุดท้ายมันก็แค่หุ่นเชิด”
‘บ้าเอ๊ย ทำให้คนเกลียดเหรอ ไม่ใช่เพราะแกต้องการความโกรธหรือไง’ แน่นอนว่าฟางหนิงเพียงสบถในใจเท่านั้น เขาไม่กล้าดูหมิ่นระบบตรงๆ หรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่สารพัดภูตผีปีศาจกำลังจะปรากฏตัว เขาต้องเอาอกเอาใจระบบอย่างดี
ดูเหมือนว่าความพยายามอย่างหนักครั้งก่อนของระบบจะมีผลแล้ว ไม่อย่างนั้น ตอนนี้คงยังไม่ถึงเลเวลสิบ และคงไม่อาจพัฒนาเทคนิคขั้นสูงได้ หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ ผีกระจอกคงไม่ถูกกำจัดได้ง่ายดายแน่นอน
“เอาเถอะ ฉันไม่สนใจเรื่องหุ่นเชิดหรืออะไรทั้งนั้น อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็สบายใจแล้ว ถ้าหากแกอยากจะกำชับอะไร ก็บอกมาได้เลย” ฟางหนิงเริ่มสงบจิตใจได้ ไม่หวาดกลัวเหมือนก่อนหน้านี้ ผีน่ากลัวขนาดนั้นหายไปแล้ว ระบบจัดการอยู่หมัด และสถานะทรงพลังไร้เทียมทานของระบบยังคงอยู่ต่อไป
“มีอยู่เรื่องหนึ่ง เพราะเพิ่งจะกำจัดหลี่ว์เอ้อร์ได้ ค่าประสบการณ์ของทหารเทพก็เลยเพียงพอ ถึงเวลาเพิ่มฟังก์ชันพิเศษ โฮสต์คิดว่าฟังก์ชันแบบไหนจะดึงดูดอาชญากรได้ง่าย” ระบบถามอย่างไม่เกรงใจ
ฟางหนิงคิดเรื่องนี้อยู่นานแล้ว จึงตอบกลับได้ทันที “ต้องเป็นความสามารถที่จะทำให้ผู้คนอ่อนเยาว์และเป็นอมตะ อาชญากรที่มีความสามารถพิเศษมีค่าประสบการณ์สูง ทักษะยอดเยี่ยม ความมั่งคั่ง และสาวงามไม่ใช่สิ่งที่พวกนั้นแสวงหา นับแต่โบราณมามีเพียงสองอย่างนี้เท่านั้นที่ผู้คนส่วนใหญ่มุ่งมาดปรารถนา โดยเฉพาะผู้ที่ตัดความปรารถนาอำนาจเงินตรากามารมณ์ได้แล้ว คนตะวันตกแสวงหาแหล่งน้ำพุแห่งความเยาว์วัย คนตะวันออกปรารถนายาอายุวัฒนะ เพื่อสิ่งนี้แล้วยอมทำบาปมากมาย”
“ก็จริง แต่น่าเสียดายที่ทั้งสองสิ่งนี้ใช้ค่าประสบการณ์มากเกินไป และยังทำไม่ได้ตอนนี้ ลองลดความต้องการกันเถอะ”
“งั้นเหลือแค่สุขภาพแข็งแรงอายุยืน เพิ่มพลังก็ดึงดูดผู้คนได้ง่ายแล้ว”
“งั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก ก็แค่เพิ่มพลังให้พวกเขามากไม่ได้”
“แน่นอน พลังของพวกเขาเพิ่มขึ้น กำจัดอีกก็ไม่มีประสิทธิภาพแล้ว” ฟางหนิงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“เอาล่ะ สองสามวันนี้ระบบจะเพิ่มความสามารถพิเศษที่ช่วยคนฟื้นฟูสุขภาพให้ทหารเทพ โฮสต์คิดว่าทหารเทพนี้ควรหน้าตาอย่างไรถึงจะดึงดูดคน”
ระบบยังคงซักถามต่อไป ขณะที่ฟางหนิงก็สนุกสนานที่จะตอบคำถาม
“ถ้าหากในอนาคตจะดึงดูดปีศาจจากทั่วโลกล่ะก็…เป็นการดีที่สุดที่จะผสมผสานจีนกับตะวันตก ต้องให้พวกต่างชาติรู้ว่านี่เป็นของดีถึงจะสำเร็จ สมบัติล้ำค่าที่คนรู้จักมากที่สุดนับแต่อดีตกาลก็คือทองคำ จึงต้องทำด้วยทองคำแวววาว…” ฟางหนิงแนะนำ
“ระบบเข้าใจแล้ว”
…
“อะไรกัน อัศวิน A ใช้เทคนิคธรรมดา ก็สามารถทำลายร่างแยกที่แกเพียรบำเพ็ญเพียรมาตั้งสามปีได้แล้วหรือ ตอนนี้แม้แต่ร่างแท้ของแกก็ใกล้จะไม่ไหวแล้วหรือ” ในบ้านพักมืดสลัวหลังหนึ่ง ชายคนหนึ่งเอ่ยกับโกศที่เปิดอยู่ด้วยท่าทางร้ายกาจ
“ใช่แล้ว นายท่าน คนผู้นั้นแข็งแกร่งมาก ฉันไม่เคยเห็นฝีมือของเขามาก่อน ดูเหมือนเขาจะควบคุมผีของเราได้มากด้วย พลังที่จะต่อต้านหรือหลบเลี่ยงแม้แต่นิดหน่อยก็ไม่มี” เสียงอ่อนแรงของผู้หญิงลอยออกมาจากในโกศ
“เฮงซวย ข้อมูลที่ฮัมมิ่งเบิร์ดให้มาผิดพลาดแน่ บอกว่ามันเป็นแค่ยอดฝีมือ แถมศักยภาพจำกัด ระดับพลังก็แค่ F ไอ้เวร! น่าโมโหชะมัด เสียเงินสองแสนเปล่าๆ!” ชายท่าทางร้ายกาจพูดน้ำเสียงเคียดแค้น จู่ๆ ก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง “ฉันแค่ขอให้แกสะกดรอยตามมันไม่ใช่หรือ แล้วไปปะทะกับมันได้อย่างไร”
เสียงของผู้หญิงคนนั้นลังเลครู่หนึ่งถึงค่อยพูดขึ้น “ฉันคิดว่าในเมื่อนายท่านอยากดึงเขามาเป็นลูกน้อง ก็เลยอยากจะทดสอบเขาก่อน…”
“งี่เง่า ใครให้แกคิดเองเออเอง!” ชายผู้นั้นเดือดดาล “อีกสามวันฉันจะช่วยรักษาแก ตอนนี้อยู่นี่ไปก่อน!”
“ไม่นะ นายท่าน ฉันทนไม่ไหวอีกแล้ว” เสียงผู้หญิงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้ในร่างแท้ของเธอมีรัศมีน่าหวาดหวั่นสายหนึ่งพุ่งออกมา ราวกับผ่าตัดเปิดท้องคนโดยไม่ใช้ยาสลบ เธอไม่อยากรับรู้ความเจ็บปวดนั้นสักวินาทีเดียว
“หึ แกทำตัวเอง! เลิกคิดไปได้เลย ในโลกนี้มีเพียงฉันเท่านั้นที่จะกำหนดว่าให้แกอยู่ต่อไปได้ไหม อย่าคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลย” หลังจากชายคนนั้นตวาดแล้วก็ปิดฝาโกศ ก่อนจะเอามันใส่ลงไปในกล่องไม้จันทน์ทันที
เสียงของหญิงสาวหายไปแล้ว จากนั้นชายท่าทางดุดันจึงเริ่มขมวดคิ้ว
……………………………………………………..