เมื่อผมโดนระบบครองร่าง – บทที่ 20 ต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับทุกเรื่อง

บทที่ 20 ต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับทุกเรื่อง

วันรุ่งขึ้น หลี่ว์เอ้อร์ก็รู้สึกว่าในที่สุดความสุขของตัวเองก็มาถึงเสียที

“หลี่ว์เอ้อร์ มีคนส่งเงินมาให้ มาเซ็นชื่อรับเงินสิ” ครูฝึกถือกระเป๋าหนังใบใหญ่ไว้ในมือข้างหนึ่งแล้วร้องเรียกหลี่ว์เอ้อร์ที่กำลังออกแรงวิดพื้น

สายตาอิจฉาหลายคู่พากันมองหลี่ว์เอ้อร์ แน่นอนว่ามาส่งเงินเวลานี้จะต้องไม่น้อยแน่นอน เผลอๆ อาจจะเต็มกระเป๋า

พวกเขาต่างอิจฉาหลี่ว์เอ้อร์ เพราะโรงอาหารใจดำของฐานแห่งนี้ หลายคนที่เข้ามาก่อนหน้านี้ต่างใช้เงินที่พกมาหรือครอบครัวส่งให้ไปหมดเกลี้ยงนานแล้ว จึงได้แต่ประทังชีวิตไปกับหมั่นโถวและน้ำแกงฟรีเท่านั้น

พวกที่ถูกปลุกพลังพิเศษกะทันหัน คนในครอบครัวก็หวังพึ่งพวกเขาให้สร้างโชคลาภ แต่ยังไม่ทันได้เงินทอง คนก็เข้าไปแล้ว แถมยังต้องเสียเงินทองมากขนาดนี้ เสียหน้าไม่ใช่น้อย อยากจะได้เงินเพิ่มก็มีเพียงไม่กี่คนที่เอ่ยปากขอจากครอบครัวได้

สายตาอิจฉาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่กระเป๋าหนังใบใหญ่ พวกเขาต่างประเมินในใจว่าในนั้นมีเงินเท่าไร ถ้าไม่ถึงห้าแสน ก็ต้องถึงแสนสองแสนแน่นอน อย่างไรก็เพียงพอจะกินอาหารมื้อใหญ่ทุกวันได้สักสามเดือน แถมแต่ละมื้อก็ไม่ซ้ำกันด้วย

แม้โรงอาหารจะตระหนี่ถี่เหนียวไปมาก แต่หากอยากกินอะไรก็ได้หมด แน่นอนว่าเฉพาะอาหารที่ถูกกฎหมายเท่านั้น เพราะจุดประสงค์สำคัญของโปรแกรมเรียนซ้ำก็คือเพื่อให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะเคารพกฎหมาย

ท่ามกลางสายตาอิจฉาของทุกคน หลี่ว์เอ้อร์เดินเชิดหน้าเข้าไปหาครูฝึก ระหว่างเดินไป เขารู้สึกมีความสุขกับสายตาอิจฉาของทุกคนมากพลางคิดในใจว่าอิจฉาไปก็ไร้ประโยชน์ ใครใช้ให้พวกแกไม่มีพี่น้องที่ดีแบบนี้ล่ะ ในที่สุดวันนี้ฉันก็จะได้กินอาหารมื้อใหญ่แล้ว อย่างน้อยก็ไม่ต้องน้ำลายไหลแทบตายเหมือนเมื่อวานที่ผู้อาวุโสจางเปิดไลฟ์อาหาร

“เรียนครูฝึก หลี่ว์เอ้อร์รายงานตัว” เสียงของเขาดังกังวานเปี่ยมพลัง

“เซ็นเรียบร้อยก็รับกระเป๋าไป!” ครูฝึกวางกระเป๋าหนังลง แม้แต่หางตาก็ไม่มอง เพียงยื่นกระดาษและปากกาให้

“ครับ ครูฝึก” หลี่ว์เอ้อร์เซ็นชื่อของตัวเองบนตำแหน่งที่ระบุในกระดาษและยังตั้งใจเขียนอย่างสวยงาม

หลังจากครูฝึกออกไปแล้ว เขารอแทบไม่ไหวที่จะเปิดกระเป๋าหนังที่อีกฝ่ายทิ้งไว้ให้ ถึงยังไงก็ไม่มีใครกล้าฉกฉวยอะไรที่นี่อยู่แล้ว

แต่พอเขาเปิดดู ทุกคนก็ระเบิดเสียงหัวเราะครืนตามมาทันที บางคนที่หวังจะไป “ยืม” เงินกับเขาตอนกลางคืน กลับต้องผิดหวังอย่างแรง…

“บัดซบเอ้ย!” หลี่ว์เอ้อร์มองเสื้อผ้าที่อัดแน่นอยู่ในกระเป๋า เขาอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ข้างในยังมีเสื้อขนสัตว์สำหรับฤดูหนาวอีกด้วย เขาดึงมันออกมาก็พบว่าด้านล่างยังมีเงินสดปึกเล็ก เขาหยิบเงินสดขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นจำนวนชัดเจนของมันก็ทั้งโกรธและเศร้าขึ้นมาทันที

“หม่าต้า คราวนี้ฉันจะเลิกคบกับแกจริงๆ! บอกแล้วให้เอาเงินมาเพิ่มเยอะๆ แม่งกลับส่งมาพันเดียว! แกส่งเสื้อผ้าเยอะขนาดนี้มาทำบ้าอะไร”

หลี่ว์เอ้อสาปแช่งพลางจับธนบัตรสิบใบแน่น ไม่กล้าคลายมือ

เงินหนึ่งพันไม่มากหรอก แต่ถ้ากินอาหารจานด่วนนอกบ้าน เดือนหนึ่งก็พอจะอยู่ได้สบายๆ ถ้าจะกินเนื้อสัตว์ทุกวันก็ยังพอไหว อย่างไรเมืองฉีก็ไม่ได้มีค่าครองชีพสูงมาก

แต่ที่ฐานเรียนซ้ำแห่งนี้ โรงอาหารสุดใจดำแค่กินกะหล่ำปลีผัดก็ห้าสิบกว่าหยวนแล้ว ถ้าอยากกินดีกว่านี้หน่อย วันหนึ่งต้องมีสองสามร้อยหยวน และถ้าอยากจะฟุ่มเฟือยก็ต้องมีเงินเป็นพันหยวน หากเทียบกับในเมืองฉีแล้วเท่ากับมาตรฐานโต๊ะงานเลี้ยงชั้นดีหนึ่งโต๊ะเลยทีเดียว แต่ที่นี่สั่งได้แค่อาหารจานสองจาน

กล่าวได้ว่า หม่าต้าให้เงินเขาพอแค่ค่าอาหารหรูวันเดียว! แต่หลี่ว์เอ้อร์ยังต้องทนอยู่ที่นี่อีกสามเดือน เขาไม่รู้ว่าจะมีโอกาสติดต่อครั้งต่อไปได้เมื่อไร ซึ่งนั่นหมายความว่าเขายังต้องทนกินหมั่นโถวกับน้ำแกงเป็นหลักเท่านั้น และเมื่อหิวสุดๆ ถึงจะกล้าไปสั่งกับข้าวจานเล็กแก้หิว…

“พี่ใหญ่ พี่รอบคอบจริงๆ ตอนนี้อากาศเริ่มหนาวแล้ว ยังตั้งใจไปห้างซื้อเสื้อผ้ากันหนาวให้หลี่ว์เอ้อร์อีก ใส่ลงไปเต็มกระเป๋าด้วย ช่วยหลี่ว์เอ้อร์เตรียมพร้อมได้ดีมาก หลี่ว์เอ้อร์เห็นแล้วจะต้องมีความสุขแน่นอน และถึงแม้พวกเราจะไม่มีพ่อแม่ อีกอย่างซานเหม่ยก็ตายเพื่อช่วยพวกเรา แต่เราก็ยังมีพี่ใหญ่!”

หนิวซื่อทอดสายตามองด้วยความซาบซึ้ง แต่หม่าต้ากลับโบกมือให้เล็กน้อยพร้อยเอ่ยขึ้น “เกรงใจขนาดนี้ทำไมกัน ฉันไม่ดูแลพวกแกแล้วใครจะดูล่ะ ต่อไปลงนรกแล้วเกิดซานเม่ยถามขึ้นมา ฉันจะมีหน้าตอบได้ยังไง ฐานนั่นแม้ว่าจะใช้สอนซ้ำ แต่ไม่ถึงกับปล่อยให้อดตายหรอก แต่ใครจะสนว่าเขาจะสวมเสื้อผ้าอะไร แม้ผู้ถูกปลุกพลังพิเศษร่างกายจะแข็งแรงไม่มีทางแข็งตาย แต่อีกไม่กี่วันอากาศก็จะเย็นลงแล้ว หนาวขึ้นมาจะทนไหวได้ยังไงล่ะ”

“นั่นสิ เมืองฉีเวลาหนาวแทบจะทนไม่ไหว แต่พวกเราเพิ่งจะซื้อเสื้อผ้าให้หลี่ว์เอ้อร์ไป ตอนนี้เหลือเงินพอจะกินเนื้อได้อีกไม่กี่วัน หรือว่าพวกเราต้องไป…” หนิวซื่อเกาหัวถาม

“ไม่ได้ อัศวิน A ยังจับตาดูเราอยู่ ลองไปหาพวกฮัมมิ่งเบิร์ดดูดีกว่า พอจะมีอะไรถูกกฎหมายให้ทำบ้างไหม…” ตอนนี้หม่าต้ายังหวาดกลัวว่าอัศวิน A จะโผล่มา

เขาไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้เลย พวกเราต่างไม่เคยรู้จักกัน และไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิง อีกอย่างก็ไม่เคยสังหารใครด้วย เพียงแค่ชอบปล้นเงิน ลักเล็กขโมยน้อยของคนอื่นเพื่อประทังชีวิต บุรุษชายชาตรีสมัยโบร่ำโบราณก็ทำอย่างนี้ไม่ใช่หรือ แล้วทำไมต้องไล่ล่ากัดไม่ปล่อยกันถึงขนาดนี้ด้วย

ในบรรดาสามคน หลี่ว์เอ้อร์มีพลังพิเศษแข็งแกร่งที่สุด และมีกำลังขาดีที่สุด เขาถ่วงเวลาให้ทั้งสองได้หนีออกไปก่อน แต่สุดท้ายกลับถูกไล่ล่าอย่างไม่ลดละ กระทั่งหน่วยกิจการพิเศษนั้นมาตามเก็บไปได้สำเร็จ ถูกพาตัวไปเข้าโครงการเรียนซ้ำ ชีวิตตอนนี้จะหนักหนาสาหัสแค่ก็ไหนไม่รู้ เพราะฉะนั้นก็หวังว่ากระเป๋าที่ส่งไปจะช่วยปลอบใจเขาได้บ้าง…

หม่าต้าเป็นพี่ใหญ่สุดในสามคนนี้ได้ ไม่เสียเปล่าที่ได้ตำแหน่งนี้ เมื่อเทียบกับหลี่ว์เอ้อร์แล้วความสามารถยังเป็นรองเล็กน้อย แต่อัศวิน A ที่เขาพูดถึงหรือก็คือระบบยังคงจับปีศาจสะสมค่าประสบการณ์เพื่ออัปเกรด การพูดว่าอีกฝ่ายยังจับตามองพวกเขาก็ไม่ผิดเลยสักนิด

เพราะตอนนี้มันจับได้แต่อาชญากรธรรมดา เมื่อเทียบกับความต้องการอัปเกรดครั้งใหญ่แล้ว ค่าประสบการณ์ยังน้อยเหลือเกิน อาชญากรที่มีพลังพิเศษถูกโจมตีหลายครั้งก็ไม่ยอมโผล่หน้ามาอีก ถ้าตอนนี้หม่าต้า หนิวซื่อ กล้าก่อคดีล่ะก็… ระบบจะไล่ตามพวกเขาทันที แม้ว่าจะอยู่ห่างกันคนละโยชน์ก็เถอะ…

เมื่อเทียบกับการทำงานหนักและความทุ่มเทของระบบแล้ว ฟางหนิงเองก็ยังคงนั่งเล่นเกมในอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของระบบเช่นเดิม…

หลังจากที่เขาเพิ่งกำจัดบอสตัวหนึ่งได้ ข้อความ QQ ก็เด้งขึ้นมาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ สำหรับโอตาคุตัวพ่อแล้ว การรับสายเป็นอะไรที่ทรมานมาก ปกติเขาไม่รับโทรศัพท์ และคนที่ทำให้เขาต้องรับโทรศัพท์ก็ไม่มีทางโทรหาเขาตอนนี้

“ประธานฟาง ช่วงนี้ได้โชคลาภที่ไหนอีกเหรอ” ข้อความจากเพื่อน QQ ที่ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน ประธานจ้าวแห่งบริษัทฉีเฉิงซิงเซิ่งกรุ๊ป นักธุรกิจร้านอาหารและเป็นแฟรนไชส์ในเครือร้านอาหารของเขาทักทายมา

ฟางหนิงมองเกมออนไลน์ที่เขากำลังเล่น บอสเพิ่งระเบิดอาวุธที่ขายได้สามพันหยวนในเกม แล้วตอบข้อความกลับอย่างสบายใจ “เจอสถานที่เจ๋งๆ แล้ว ประธานจ้าว ผมเพิ่งได้เงินสามพันในหนึ่งนาที”

“โอ้ ยินดีด้วย ยินดีด้วย นั่นเป็นสถานที่ดีเยี่ยมจริงๆ” คู่สนทนาส่งข้อความชื่นชม แล้วรีบวกเข้าประเด็น “เร็วๆ นี้ลูกชายของหัวหน้าตระกูลฉีเพิ่งจะส่งบัตรเชิญถึงทุกคนในเมืองที่มีหน้ามีตา บอกว่ามียาวิเศษที่ยืดอายุ รักษาโรค และช่วยเสริมสร้างร่างกายได้ เขาเชิญเราเข้าร่วมงานเลี้ยงที่ครอบครัวพวกเขาจัดขึ้น คือว่าอย่างนี้นะ… ประธานฟางงานยุ่งมาก พวกเขากลัวว่าคุณจะไม่มา เลยไหว้วานผมมาเชิญคุณ บัตรเชิญก็ให้ผมมาแล้วด้วย…”

ถ้าเป็นเรื่องอื่น ฟางหนิงคงปฏิเสธแน่นอน ทุกวันนี้เขายุ่งอยู่กับการเล่นเกมและอ่านนิยาย เขาจะมีเวลาไปงานเลี้ยงของชนชั้นสูงได้อย่างไร …

แต่คราวนี้เขาต้องไปร่วมงาน ยังต้องใช้เวลาสักพักกว่าทหารเทพของระบบจะถือกำเนิดขึ้น และเพื่อความปลอดภัยยังต้องเตรียมการอย่างอื่นอีกมากด้วย ไม่แน่ว่าจะสำเร็จในหนึ่งเดือน

ฟางหนิงคิดว่าถ้ายาของตระกูลฉีได้ผลจริงๆ เขาอาจซื้อมันสักสองสามเม็ด เพื่อที่เขาจะได้เตรียมพร้อม และต่อให้ไม่ใช่เพื่อเหตุผลอื่น แต่เพื่อประโยชน์ของเขาเองก็ควรจะต้องหาซื้อมันบ้างเช่นกัน ถ้าหากบาดเจ็บสาหัสขึ้นมา ก็ยังพอจะมีทางรักษาฉุกเฉินได้ ระบบต้องเห็นด้วยกับการจ่ายเงินก้อนใหญ่ครั้งนี้แน่นอน

ภายหลังฟางหนิงก็จะรู้ว่ามาตรการป้องกันที่หัวหน้าระบบทำเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันรอบคอบกว่าที่เขาคิดมากทีเดียว มากถึงขั้นที่เขาเข่าแทบทรุด…

…………………………………………

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

Status: Ongoing

จู่ๆ ก็มีดาวตกพุ่งลงมาที่โลก ทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย

แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นกลับทำให้ 'ฟางหนิง' หัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนสลบไป

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขามีระบบ ขณะที่กำลังจะดีใจว่าในที่สุดก็มีขาทองคำมาให้เกาะ

เจ้าระบบนั่นกลับประเมินว่าเขาเป็นโรคขี้เกียจระยะสุดท้าย ปล่อยไว้ไม่มีทางเจริญก้าวหน้า

และทำการยึดครองร่างของเขาซะงั้น!?

...

จากหนุ่มโอตาคุผู้แสนจะขี้เกียจที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

กลับต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมตนเองเป็นฮีโร่คอยปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย

ปกป้องเมืองที่ตนอยู่อาศัย และฝึกวิทยายุทธ์เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดนิ้วทองคำของระบบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท