เมื่อผมโดนระบบครองร่าง – บทที่ 51 ถึงเวลาออกล่าปีศาจ

บทที่ 51 ถึงเวลาออกล่าปีศาจ

บางทีอาจเป็นเพราะปีศาจหนูยักษ์สองตัวนั้นชะล่าใจ ในอุโมงค์ใต้ดินที่หนูยักษ์ขุดเอาไว้ พวกมันไม่ได้วิ่งแยกจากกันเลย แต่เดินไปรอบๆ นั่นทำให้ฟางหนิงและเทพแห่งระบบสามารถตามไปได้ หลังจากข้ามแม่น้ำและภูเขานับไม่ถ้วน ในที่สุดก็พบวงกลมสีแดงสองวงนี้ หยุดอยู่ที่ไหนสักแห่งบนแผนที่

อัศวิน A หยุดเคลื่อนไหว ฟางหนิงมองสภาพแวดล้อมโดยรอบผ่านมุมมองของระบบ ปรากฏว่าอีกฝ่ายอยู่ใต้หน้าผา

ระบบเอ่ยเตือน “ด้านหน้าควรจะมีหุบเขาคงกระพัน รายล้อมด้วยหน้าผา ไร้ทางออก มีเพียงใต้พื้นดินที่เป็นทางเข้าเฉพาะ ด้วยวิธีนี้จึงสามารถป้องกันไม่ให้ผู้คนปิดล้อมพวกมัน หากมองจากบนฟ้าก็เป็นการยากที่จะหาหุบเขานี้เจอ”

ฟางหนิงมองแผนที่ระบบอย่างจดจ่อ แน่นอนว่าตามที่เทพแห่งระบบกล่าว สถานที่ตรงหน้าของเขาคือตำแหน่งที่หุบเขาคงกระพันตั้งอยู่ ด้านบนของหุบเขาปกคลุมด้วยหมอกหนายากจะมองเห็นได้จากท้องฟ้า หากแผนที่ระบบไม่แสดงอย่างละเอียด คงเป็นการยากสำหรับเขาที่จะเห็นว่ามีหุบเขาอยู่ในที่แห่งนี้เช่นกัน

ฟางหนิงพูด “พวกมันฉลาดจริงๆ ถึงขนาดเตรียมที่ซ่อนไว้ล่วงหน้าแล้ว แล้วพวกเราจะขึ้นไปได้ยังไง”

ระบบ “แน่นอนว่าไม่มีปัญหา แต่มีจุดสีเหลืองเล็กๆ ปรากฏรอบๆ ตัวพวกมันเยอะมาก นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

ฟางหนิงครุ่นคิด “คงจะเป็นลูกน้องของหนูยักษ์พวกนั้น พวกมันกำลังปกป้องฐานทัพนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกนักล่าหรือเผ่าพันธุ์อื่นบนภูเขาค้นพบเข้า เกรงว่าจะมีการนองเลือด”

ระบบ “ดูสีที่แสดงบนแผนที่สิ ส่วนใหญ่เป็นสีแดง โฮสต์น่าจะพูดถูก ระบบจะขึ้นไปกวาดล้างพวกมัน”

ร่างของอัศวิน A สยายปีก ลอยขึ้นโดยไร้ลม ปลายเท้าชี้ขึ้นบนหน้าผาเป็นครั้งคราว เพียงเท่านั้นก็สามารถตรงขึ้นไปบนหน้าผาได้สำเร็จ

ฟางหนิงรู้สึกโล่งใจและมีความสุข หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ตระหนักว่าตัวเองได้มาถึงยอดหุบเขาแล้ว ตามที่แผนที่แสดงให้เห็น แท้จริงแล้วมีหมอกหนาปกคลุมทั่วทั้งหุบเขา และเนื่องจากที่นี่ไม่ได้ใหญ่มากนัก ผู้คนจึงไม่ค่อยสังเกตเห็นมัน

เทพแห่งระบบควบคุมร่างกายของฟางหนิง ไปที่ก้นหุบเขาและเข้าใกล้จุดสีแดงอย่างเงียบเชียบ

ฟางหนิงมองเห็นได้ชัดเจนและอดประหลาดใจไม่ได้

ปรากฏว่าบนหน้าผาในหุบเขา มีถ้ำขนาดต่างๆ มากมายเรียงรายกัน

ถ้ำขนาดเล็กสามารถรองรับหนูได้เท่านั้น ขณะที่ถ้ำที่ใหญ่ที่สุดสามารถรองรับช้างได้เลยทีเดียว

และตอนนี้จุดสีแดงขนาดใหญ่สองจุดก็อยู่ในถ้ำที่ใหญ่ที่สุด

ครั้งก่อนที่ระบบปราบปีศาจได้ก็เพราะอาวุธวิเศษที่ใช้ปลิดลมหายใจ เมื่อผสานเข้ากับระบบที่มีวิทยายุทธ์อำพรางเงา การรวมกันของทั้งสองจึงไม่มีใครสามารถตรวจจับการแทรกซึมของอัศวิน A ได้

ระบบควบคุมร่างกายของฟางหนิงให้ค่อยๆ ดำดิ่งเข้าไปในบริเวณถ้ำที่ใหญ่ที่สุดและสังเกตการเคลื่อนไหวภายใน ไม่นานหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงพูดคุยของสองสามีภรรยาตระกูลไป๋ ฟางหนิงสั่งให้เทพแห่งระบบยุติการเชื่อมต่อ ก่อนจะเงี่ยหูฟังเสียง

คุณนายไป๋ “ซื่อผิง ฉันสูญเสียพลังมากเกินไปแล้ว คุณคอยดูให้ดีเถอะ”

ไป๋ซื่อผิง “ภรรรยา ผมทราบดี แต่วันนี้สถานการณ์เลวร้ายมาก โชคดีที่หลายปีมานี้เราเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆได้เตรียมเส้นทางใต้ดินในสถานที่สำคัญบางแห่งให้ทอดยาวไปทุกทิศทุกทาง เพื่อเป็นเส้นทางหลบหนี ร่างแห่งปราณ นั่นเป็นหนึ่งในอาวุธที่อันตรายที่สุดที่มนุษย์ใช้ต่อต้านเรา เมื่อใดที่เผ่าหนูยักษ์ของเรายืนหยัดได้ด้วยตัวเอง ก็ยังมีพลังจิตแห่งเผ่าพันธุ์ที่สามารถต่อสู้ได้”

คุณนายไป๋ตอบกลับ “นั่นไม่สำคัญหรอก ฉันแค่สงสัยว่าทำไมคนในทีมสืบสวนพิเศษของพวกเขา ถึงสามารถติดตามตำแหน่งของเราได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ ต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับซวงเอ๋อร์และคนอื่นๆ เรามาอย่างเร่งรีบ ทั้งหมดเป็นการตัดสินใจเพียงชั่วครู่ พวกเขาไม่มีทางซุ่มโจมตีล่วงหน้าได้แน่นอน คนเดียวที่สามารถรู้ที่อยู่ชั่วคราวของเราได้ มีเพียงพวกที่ต้อนรับเราตลอดทาง ทั้งยังมีแผนที่อิเล็กทรอนิกส์ที่ระบุตำแหน่งของเหล่าผู้อาวุโสทั้งหมดด้วย”

ไป๋ซื่อผิง “ภรรยา คุณสงสัยว่ามีคนทรยศในตระกูลหรือ”

คุณนายไป๋ “ไม่ต้องสงสัยหรอก แน่นอนว่ามี”

ไป๋ซื่อผิง “บ้าจริง ผมทำงานหนักและเสี่ยงชีวิตวิ่งวุ่นเพื่อทั้งครอบครัว ยังมีคนที่เกลือเป็นหนอน พวกมนุษย์ให้ประโยชน์อะไรกับมันกันง?”

คุณนายไป๋ “อยากได้ผลประโยชน์หรือ? เกรงว่าจะเป็นความสามารถในการซื้อกรีนการ์ดกระมัง หลังจากมาถึงปีศาจจำนวนมากต่างก็หลงใหลในโลกแห่งโลกีย์ที่เต็มไปด้วยแสงสีนี้ อยากจะมีชีวิตที่ดีที่นี่ แม้ไม่อยากยอมรับ แต่ที่เฉียวจื่อซานเพิ่งพูดไปเมื่อครู่นี่เอง พวกเขาจึงใช้งานพวกมันได้ง่ายดาย โลกมนุษย์ช่างกว้างใหญ่นัก พวกเขาที่รวยขนาดนั้น เพียงแค่เปลี่ยนตัวตนและให้เงินก้อนหนึ่ง ก็สามารถทำให้คนทรยศมีชีวิตที่ดีที่สุขสบายมากกว่าการตามเรามาขุดดินกินดินแล้ว”

ไป๋ซื่อผิงเบะปาก “น่ารังเกียจจริงๆ คนทรยศพวกนั้นเริ่มส่งข่าวถึงพวกเขาตั้งแต่เมื่อไรกัน และเปิดเผยความลับไปมากน้อยเท่าไรแล้ว?”

คุณนายไป๋ “เรื่องนี้ฉันก็ยังไม่แน่ใจ พอมีจำนวนในใจ แต่ต้องหาทางขุดหาตัวการเฉพาะตัวให้ได้ก่อน”

ไป๋ซื่อผิง “ท่านผู้อาวุโสเกลียดการต่อสู้กันเองที่สุด เดิมทีคนของเรายากจน หากไม่มีหลักฐานและต้นตอก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายคนของเราได้ เรามีแค่ความสงสัยเบื้องต้นเท่านั้น ไม่มีหลักฐาน แล้วจะขุดหาได้ยังไง”

นัยน์ตาของคุณนายไป๋ฉายแสงดุดันขึ้น “กลยุทธ์ยืมดาบสังหารคน”

ไป๋ซื่อผิง “แล้วใครจะเป็นผู้ให้ยืม?”

คุณนายไป๋ “อัศวิน A ไงล่ะ”

ไป๋ซื่อผิงตกตะลึง

ฟางหนิงที่ซ่อนตัวอยู่นอกถ้ำเองก็ตกตะลึงเช่นกัน คุณนายไป๋ไม่เคยเจอเขา แล้วทำไมเธอถึงคิดจะยืมดาบของเขา?

คุณนายไป๋ “เรารวดเร็วพอจะนำมาได้แน่นอน”

ไป๋ซื่อผิงนึกสงสัยว่า “ทำยังไงหรือ”

คุณนายไป๋มองไปรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีคนนอกก่อนจะส่งเสียงกระซิบ “จากที่ฉันพิจารณาข้อมูลที่รู้มา เฉียวจื่อซานทำให้ฉันนึกถึงประโยคหนึ่ง นั่นคือการกินเนื้อ ซึ่งปีศาจไม่สามารถทลายได้ ถ้าคิดว่าการที่อัศวิน A พบตัวตนของซวงเอ๋อร์และคนอื่นๆ แล้วฆ่าพวกเธอนั้น นั้นไม่เกี่ยวอะไรกับการที่พวกเขากินมนุษย์ เนื่องจากว่ากันว่ามือของอัศวินผู้นี้ไม่เคยเปื้อนเลือดบริสุทธิ์ ฉันเชื่อว่ากับปีศาจเองก็เช่นเดียวกัน”

ไป๋ซื่อผิงเข้าใจในทันที “ผมเข้าใจแล้ว เพราะคนทรยศต้องการมีชีวิตที่ดีบนโลกมนุษย์ในอนาคต และได้รับความไว้วางใจจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยกิจการพิเศษ เขาจึงต้องเอาใจใส่ยับยั้งตนเองไม่ให้กระทำความผิดฐานบรรทัดล่างสุดอย่างการกินเนื้อมนุษย์ ไม่อย่างนั้นมนุษย์จะไม่มีวันไว้วางใจมัน และวันที่งานของมันเสร็จสิ้นก็จะถึงเวลาที่ต้องถูกกำจัดออกไปเช่นกัน ตราบใดที่เราระบุผู้ต้องสงสัยไม่กี่คนเหล่านั้นได้ แล้วจงใจส่งไปยังเมืองฉี เพื่อพบกับอัศวิน A เมื่อถึงเวลาก็มาดูกันสิว่าอัศวิน A จะสามารถช่วยใครได้บ้าง ใครกันแน่ที่เป็นคนทรยศ จงจำไว้ว่าเพื่อภารกิจอันยิ่งใหญ่ของท่านผู้อาวุโส สถานการณ์ตอนนี้ของเรากำลังขาดแคลน ต้องเพิ่มพละกำลังโดยเร็วในการต่อกรกับศัตรู เมื่อพลังนี้ค่อยๆ ตื่นขึ้น ผู้ใดมีใจเป็นหนึ่งเดียวกับเรา จะเลือกหันมากินมนุษย์เพื่อเพิ่มพละกำลัง”

คุณนายไป๋ “เป็นดังนั้น เมื่อถึงเวลาพวกเราก็จะกระจายข่าวอย่างลับๆ ใส่ความอัศวิน A ว่าเป็นเพราะเขาที่ฆ่าคนดี เท่านี้สถานการณ์โดยรวมของเฉินโจวก็จะถูกทำลาย เพราะการกระทำของเขา ด้วยเหตุนี้เขาจะต้องตกอยู่ในสภาพอันสิ้นหวัง มันจะทำลายความชอบธรรมของเขาอย่างมาก และนี่ยังสามารถเป็นการแก้แค้นและบรรลุภารกิจที่ซวงเอ๋อร์กับคนอื่นๆ ทำไม่เสร็จได้อีกด้วย”

ไป๋ซื่อผิงพยักหน้า “ภรรยาเจ้าช่างมีความคิดอันล้ำเลิศ”

ฟางหนิงรู้สึกชาหนึบในใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ รูปแบบพฤติกรรมของอัศวิน A ได้รับการมองเห็นโดยคนที่มีสติสัมปชัญญะ นี่ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่อาจปิดบังและมันก็ชัดเจนซะเหลือเกิน แต่ไม่คิดว่าจะถูกใช้ในสถานที่นี้ คนพวกนี้ไม่ควรถูกมองข้ามจริงๆ

แผนที่ระบบจะย้อมผู้กระทำผิดเหล่านั้นให้เป็นสีแดง แม้ว่าพวกเขาจะมีชื่อสีเหลืองก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะไม่ทราบที่มา แต่สามารถใช้อัศวิน A ในการสังหารคนบาปได้ เมื่อเทียบกับปัญญาของปีศาจเหล่านี้ นับว่าไม่เลวเลย ไม่แปลกใจที่พวกเขาไม่ต้องการอยู่ภายใต้อาณัติของมนุษย์เป็นเวลานาน

แต่ในที่สุดพวกเขาก็รู้ตัวแล้ว ด้วยคุณลักษณะที่ไม่ใช่มนุษย๋ของระบบห่วยๆ นี่ แม้จะโดนหลอกก็จะไม่รู้สึกตัวอะไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการตกอยู่ในสภาวะหมดหวังของจิตใจเลย

ฟางหนิงต้องการได้ยินมากกว่านี้เพื่อวางแผนรับมือ แต่ตอนนี้ระบบที่เต็มไปด้วยความต้องการจะล่าปีศาจเพื่อสะสมคะแนนประสบการณ์กลับกระตุ้นเขาอีกครั้ง

ระบบ “ลงมือ!”

ฟางหนิง “เดี๋ยวก่อน!”

คุณนายไป๋พูดขึ้นอีกครั้ง “น่าเสียดายที่เราสองคนถูกเปิดเผยแล้ว ในไม่ช้าหน่วยกิจการพิเศษคงจะกวาดล้างตระกูลไป๋ทั้งหมดของเรา หมายความว่าการกำจัดคนทรยศคือการต่อสู้กับอัศวิน A และถ่วงเวลาการเพาะพันธุ์มังกรตัวจริงให้จบสิ้นลง แต่ตอนนี้เครือข่ายของพวกเรากำลังจะเสร็จสมบูรณ์ พวกเขาคงจะกวาดล้างตระกูลไป๋อย่างดีที่สุดเพื่อชดเชย อืม ก็ต้องขอบคุณพวกเขาเช่นกันที่มนุษย์ชอบการต่อสู้แบบเผชิญหน้า ทำให้เรามีโอกาสเติบโตจากมัน ไม่อย่างนั้นเรื่องที่เรากินมนุษย์ครั้งแรกก็คงจะถูกเปิดเผยไปนานแล้ว โชคดีที่มีกองกำลังลับจากนอกเฉินโจวที่คอยปกปิดตัวตนของพวกเราอยู่ตลอดทำให้เผ่าพันธุ์เราขยายใหญ่ขึ้น”

ไป๋ซือผิง “ภรรยาพูดได้อย่างไรว่าพวกเขาไม่มีคู่แข่งบนโลกใบนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะฆ่ากันเองไปมากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการสูญพันธุ์ กองกำลังลับนอกเฉินโจวมีแรงจูงใจซ่อนเร้นไม่ได้มีเจตนาดีใดๆ เลย พวกเขาคิดว่าตัวเองเป็นผู้นั่งอยู่บนภูเขาดูเสือต่อสู้กันข้ามน้ำข้ามทะเล ท้ายที่สุดก็ออกมาแก้ต่าง ก่อนที่เราจะสั่งสอนคนหนุ่มสาว ตั้งใจขุดท่อสื่อสารใต้ดินหลายท่อ หากอินเทอร์เน็ตถูกตัดการเชื่อมต่อแบบนี้ หุ้นของบริษัทก็ตกต่ำแน่นอน นี่เป็นเพียงการทดสอบเล็กๆ สำหรับเรา เราต้องคว้าสิ่งนี้ไว้ ไม่ต้องกังวลหากพวกเขาจะไม่สนับสนุนเราอีกต่อไป ไม่ต้องกังวลว่าสุดท้ายมนุษย์จะไม่ยอมแพ้กับโลกใต้ดิน!”

ทั้งสองมองหน้าแล้วหัวเราะออกมาพร้อมกัน

คุณนายไป๋ “ฮ่าๆๆๆ…”

ไป๋ซื่อผิง “ฮ่าๆๆๆๆๆ…”

ความโกรธของฟางหนิงทวีเพิ่มขึ้นเมื่อได้ยิน สิ่งที่หนูยักษ์สองตัวนี้พูดทำให้เขาโกรธจนกลายเป็นคนขี้เกียจที่ต้องการอยู่บ้านและเล่นเกมไปตลอดชีวิต ดีจะตาย เราแค่อยากอยู่อย่างสบายๆ ทำไมต้องทำอาชีพมากมายด้วย?

เล่นเกมส์ก็ไม่สามารถทำให้สบายใจได้!

ฉันไม่มีเวลาสำหรับการสมคบคิดวางแผนร้ายมากขนาดนี้หรอก เกมและนิยายกำลังรอฉันอยู่ ถึงเวลา ‘กวาดให้เรียบ’ แล้ว

กวาดล้างพวกจิตใจสกปรกออกไปให้พ้นจากเมือง ส่วนคนดีๆ ที่เหลือก็อยู่อย่างสงบสุขตามเดิม

อย่างไรก็ตาม เทพแห่งระบบไม่มีขีดจำกัดในการอัพเกรด ไม่มีความทะเยอทะยาน ไม่ต้องการที่จะขึ้นเป็นใหญ่เพื่อข่มเหงใคร เหมาะแล้วที่จะกำจัดปีศาจให้สิ้นซาก!

“เทพแห่งระบบ ออกกวาดล้างปีศาจได้!”

ฟางหนิงตะโกนอย่างขมขื่น

ระบบ “โอเคๆ ไม่บ่อยนักที่โฮสต์จะโมโหขนาดนี้! ระบบจะหาเพลงแบล็คกราวด์ที่เหมาะเปิดให้ฟังง วางใจเถอะ ระบบไม่ปล่อยให้ปีศาจพวกนี้หนีไปแน่! ความแค้นเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง!”

จากนั้นฟางหนิงก็ได้ยินบางอย่าง

ในหุบเขาอันเงียบสงบจนน่าขนลุกและเต็มไปด้วยหมอก จู่ๆ เสียงเพลงก็ดังขึ้น “ทรงพลัง…”

ฟางหนิง “ระบบ แกนี่รู้จักเล่นจริงๆ…”

………………………………………………….

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

Status: Ongoing

จู่ๆ ก็มีดาวตกพุ่งลงมาที่โลก ทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย

แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นกลับทำให้ 'ฟางหนิง' หัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนสลบไป

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขามีระบบ ขณะที่กำลังจะดีใจว่าในที่สุดก็มีขาทองคำมาให้เกาะ

เจ้าระบบนั่นกลับประเมินว่าเขาเป็นโรคขี้เกียจระยะสุดท้าย ปล่อยไว้ไม่มีทางเจริญก้าวหน้า

และทำการยึดครองร่างของเขาซะงั้น!?

...

จากหนุ่มโอตาคุผู้แสนจะขี้เกียจที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

กลับต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมตนเองเป็นฮีโร่คอยปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย

ปกป้องเมืองที่ตนอยู่อาศัย และฝึกวิทยายุทธ์เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดนิ้วทองคำของระบบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท