เมื่อผมโดนระบบครองร่าง – บทที่ 60 พลิกแผ่นดินและแผ่นฟ้าก็หาบอสไม่พบ

บทที่ 60 พลิกแผ่นดินและแผ่นฟ้าก็หาบอสไม่พบ

บทที่ 60 พลิกแผ่นดินและแผ่นฟ้าก็หาบอสไม่พบ

เช้าวันรุ่งขึ้นฟางหนิงระงับความเจ็บปวดและได้รวบรวมเอานิยายที่ทำร้ายหัวใจมาภายในชั่วข้ามคืน หลังจากเตรียมการครั้งสุดท้าย ระบบก็รอแทบไม่ไหวที่จะออกเดินทางทันที

ไม่นานอัศวิน A ก็มาที่ชายหาดต้าชา

ฟางหนิงพูด “อย่างที่คิดไว้เลย ปีศาจหนีไปแล้ว…”

ฟางหนิงลูบคางของร่างเสมือนของตนเอง ในใจคิดว่า คราวนี้จะได้เลิกอ่านนิยายดราม่าหัวใจสลายพวกนั้นเสียที ลาก่อน!

ระบบเอ่ยเสียงเรียบ “ตามหามัน…”

ฟางหนิงตกใจ สถานการณ์นี้ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนัก เขาพยายามแนะนำอย่างระมัดระวัง “มีคนบอกว่าผู้อาวุโสตระกูลไป๋ซ่อนตัวอย่างลึกลับมาก เมื่อวานเขาจงใจหลบพวกเราชัดๆ มีโอกาสแล้วแต่กลับไม่ยอมลงมือ คงกำลังเตรียมการวางแผนขั้นต่อไปเพื่อบดขยี้พวกเราแน่นอน พวกเรามาเร่งจัดการปีศาจและอัพเกรดเลเวลกันเถอะ เมื่อถึงเวลานั้นเราคงจะเอาชนะเขาได้”

ระบบ “นับถอยหลังเพื่อตัดการเชื่อมต่อและปิดเครื่องในอีก 10 9 8…”

ฟางหนิง “หยุด ฉันจะรีบติดต่อทุกคน เพื่อหาเจ้าหนูเฒ่าตัวนี้!”

ระบบ “การนับถอยหลังหยุดชั่วคราว”

ฟางหนิงรีบพิมพ์ลงบนแป้นพิมพ์ในอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของระบบทันที

อัศวิน A “สวัสดี นั่นนกฮัมมิงเบิร์ดใช่ไหม? ฉันต้องการเสนอรางวัลเพื่อค้นหาที่อยู่ของผู้อาวุโสตระกูลไป๋ แน่นอนว่าเขาต้องถูกสังหาร! รางวัลครั้งนี้คือศพของปีศาจหนูยักษ์สองตัว ดูของก่อนได้เลย!”

นกฮัมมิ่งเบิร์ด “เอ๋?! ความทะเยอทะยานของท่านอัศวินนั้นช่างน่าประหลาดใจและน่าชื่นชมอย่างมาก ได้ยินมาว่าอัศวิน A เพิ่งจะสังหารคนในตระกูลเขาไปห้าคน และตอนนี้ดูเหมือนว่ากำลังต้องการจะตามล่าเพื่อถอนรากถอนโคนสินะ! นี่เป็นโชคดีของเฉินโจวโดยแท้จริง”

อัศวิน A “ฮ่าๆ พูดได้ดีนี่ ตัดสินใจได้รวดเร็วมาก”

นกฮัมมิ่งเบิร์ด “แน่นอนสิ เราจะส่งรางวัลนี้ให้เครือข่ายระดับประเทศ”

ผ่านไปสักพักนกฮัมมิงเบิร์ดก็พูดต่อ “ขออภัยท่านอัศวินด้วย ไม่มีใครมารับของรางวัลหรอก หลายคนต่อให้รู้ก็ไม่กล้ามา…”

อัศวิน A “พวกขี้ขลาด! หนูเฒ่าตัวเดียวที่ฉันกำลังไล่ตามพยายามหลบซ่อนไปทุกที่ เฉินโจวกว้างใหญ่ขนาดนี้ จะไม่มีใครอยากได้รางวัลนี้เลยเหรอ”

นกฮัมมิ่งเบิร์ด “พวกเขามองท่านในแง่ร้ายน่ะ…”

อัศวิน A “มีตาหามีแววไม่! ฉันไปหาเองก็ได้!”

อัศวิน A “พี่เฉียวเหรอ?”

เฉียวจื่อซาน “มีคำสั่งจากท่านอัศวิน จดหมายการต่อสู้ฉบับสุดท้ายถูกส่งไปแล้ว แต่ผู้อาวุโสไป๋กลับไม่ทำอะไรเลย”

อัศวิน A “ไม่ เขามีการเคลื่อนไหว เขาร่วมมือกับผีสองตัวชื่อกุ่ยชีและกุ่ยเอ้อร์ พวกมันซุ่มโจมตีฉันพร้อมกัน แต่ฉันมองออกก่อน”

เฉียวจื่อซานตกใจ “กุ่ยชีและกุ่ยเอ้อร์เป็นสมาชิกของสมาคมราชาผี นี่พวกเขาสมรู้ร่วมคิดกันงั้นเหรอ! ท่านอัศวินไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม?”

อัศวิน A “จะเจ็บได้ยังไงล่ะ ตาแก่นั่นไม่กล้าลงมือทำอะไรเลย ฉันลืมอาวุธบางอย่างไว้ที่บ้านเลยไม่ได้ลงมือทันที พอกลับบ้านมาตระเตรียมของและจะกลับไปอีกรอบ ตาแก่นั่นก็หนีไปแล้ว ส่วนสุนัขสองตัวที่กล้าวางแผนตลบหลังนั่น ฉันไม่สนใจมันหรอก แต่พวกมันจะได้รู้ว่าการที่วิญญาณถูกทำลายทิ้งแล้วไม่ได้เกิดใหม่จะเป็นยังไง”

ฟางหนิงอยากจะอวดอ้างต่อหน้าคนรู้จักและตบหน้าพวกมัน แต่กลับไม่มีใครยอมเปิดเผยความจริงของผู้อาวุโสตระกูลไป๋เลย

แต่ประโยคสุดท้ายเขาไม่ได้โกหกแม้แต่น้อย ต้องแสร้งทำเป็นว่าไม่พบผู้อาวุโสตระกูลไป๋ก่อน ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมหมดแล้ว ผู้อาวุโสตระกูลไป๋กำลังจับตาดูแผนของเขา

ส่วนผีสองตัวที่กล้าคิดตลบหลัง ถึงเวลาบอกให้พวกมันได้รู้แล้วว่าความน่ากลัวที่แท้จริงเป็นอย่างไร! พวกมันคงคิดว่าเพราะตนไม่มีบาปใหญ่หลวง ด้วยเหตุนี้อัศวิน A คงจะไม่ลงมือฆ่าใคร ดังนั้นจึงกล้าแทรกแซงแผนการแล้วตลบหลัง แต่กลับไม่รู้เลยว่าอะไรก็ตามที่คุกคามการมีอยู่ของเทพแห่งระบบจะต้องถูกทำลาย!

เฉียวจื่อซานตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ด้วยรู้ว่าอัศวิน A ผู้นี้ฝึกฝนวิถีอันโหดเหี้ยม กล่าวคือแม้ว่าในคำพูดจะมีความโกรธแฝงอยู่ แต่หัวใจของเขานั้นเย็นชา เมื่อได้ตัดสินใจอะไรแล้วก็ยากจะสั่นคลอน

แต่แล้วเขาก็เกิดความสงสัยว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ลำบากใจแย่ ไม่มีใครรู้ว่าชายคนนี้อยู่ที่ไหนและมีรูปลักษณ์เป็นยังไง โลกนี้ช่างกว้างใหญ่นัก ไม่มีทางที่จะพบเขาได้เลย แต่สองคนนั้นจากสมาคมราชาผีอาจหาตัวเขาได้”

ขณะนั้นคำเชิญแชทกลุ่มปรากฏขึ้น เมื่อฟางหนิงและเฉียวจื่อซานเห็นว่าเป็นเฉียวจื่อเจียงก็เข้าร่วมทันทีเพื่อฟังความคิดเห็นของเด็กสาว

เฉียวจื่อเจียง “ยังมีอีกวิธี โจมตีศัตรูเพื่อระดมศัตรู”

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฟางหนิงก็ตบหัวของตนเอง “โอ้ ฉันนี่ฉลาดจริงๆ ตอนแรกคิดไม่ออกเลยสักนิดเดียว มันคงเป็นเพราะระบบห่วยๆ ที่บังคับฉันมากเกินไปแน่ มันต้องอย่างนี้สิ หลังจากเรื่องนี้เรามาผ่อนคลายกันเถอะ”

เฉียวจื่อซาน “จะโจมตีผู้อาวุโสตระกูลไป๋ แล้วรู้เหรอว่าเขาอยู่ที่ไหน? แม้เขาจะเป็นเผ่าหนูยักษ์ แต่กลุ่มหนูยักษ์กระจายไปใต้ดินทั่วโลกแล้ว แม้ว่าสำนักสัจธรรมจะออกสำรวจอย่างละเอียดก็ยังไม่เจอ เดิมทีเจ้าหน้าที่ระดับสูงต้องการเอาชนะสมาคมราชาผีเพื่อจัดการกับพวกเขา แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะต้องมาร่วมมือกับอีกฝ่ายหรอกนะ”

เฉียวจื่อเจียง “ฉันได้ยินข่าวลือบางอย่างมา นั่นคือสายเลือดของผู้อาวุโสตระกูลไป๋ ลูกชายคนเดียวของเขาได้มายังโลกของเราแล้ว เขาแข็งแกร่ง แต่เปี่ยมด้วยเมตตากรุณา ซึ่งตรงกันข้ามกับผู้อาวุโสตระกูลไป๋โดยสิ้นเชิง ฉันได้ยินมาว่าผู้อาวุโสตระกูลไป๋ได้รับความเสียหายอย่างหนักในโลกเดิม ก่อนที่พวกเขาจะมา การสืบทอดสายเลือดไม่สามารถทำได้อีกต่อไป แน่นอนว่าเขาจะสูญเสียลูกชายคนนี้ไปไม่ได้อีก หากพบตัวเขา ผู้อาวุโสตระกูลไป๋จะต้องมาช่วยชีวิตเขาและเผยร่างแท้จริงของตนออกมาแน่นอน ไม่มีใครรู้ว่าคนคนนี้เป็นใคร ฉันแค่เดาเอาเท่านั้น”

อัศวิน A “ต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ ใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนนี้มาข่มขู่เขา และละเมิดวิถีแห่งความกล้าหาญซะ แม้ว่าผู้อาวุโสตระกูลไป๋จะเป็นปีศาจ แต่ฉันจะไม่ประมาทเด็ดขาด! เพราะคุณบอกว่าลูกชายของเขาใจดีเมตตา หากต้องถูกตัดสินลงโทษในความชั่วช้า นั่นคงเป็นไปได้น้อยมาก”

ฟางหนิงพูดออกไป เขาไม่ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับระบบ เพราะเขารู้กฎของระบบอยู่แล้ว นั่นคือเขาต้องปฏิบัติตามวิถีแห่งความกล้าหาญ เรื่องอื่นๆ เป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น การแอบฟัง การติดตาม และการข่มขู่ล้วนไม่ใช่เรื่องใหญ่ สามารถพบเจอสิ่งเหล่านี้ได้เมื่อขอให้เทพแห่งระบบจู่โจม แต่พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำ

แน่นอนว่าฟางหนิงไม่ใช่คนอวดดี แต่เขาจะไม่เสี่ยงขนาดนี้เพียงเพราะบอสใหญ่กำลังซ่อนตัว หากเขาไม่สามารถทำให้มันถูกต้องได้ เขาจะทำลายกฎของระบบนิ้วทองคำที่มีเพียงระบบเดียวในโลก ถึงตอนนั้นเขาอาจจะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา และมันคงสายเกินไปที่จะเสียใจ

ตอนนี้มันถูกจัดการโดยเทพแห่งระบบแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวลอีก และตราบใดที่ใช้สมอง ก็จะมีเงินใช้ มีเกมนิยายให้เก็บเลเวล ในยุคแห่งการฟื้นฟูที่อันตรายนี้ ความรู้สึกปลอดภัยย่อมล้ำค่าที่สุด จะไปหาชีวิตแบบนี้ได้ที่ไหนอีกล่ะ?

เฉียวจื่อซานไม่รู้ความคิดที่แท้จริงของฟางหนิง เธอคิดว่าเขานั้นอวดรู้ งี่เง่า โง่เขลา ปัญญานิ่ม! แต่เธอไม่ได้พิมพ์แบบนี้ลงไปในแชทกลุ่ม

อย่างไรก็ตาม เฉียวจื่อซานกลับมีท่าทีชื่นชมและเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “ท่านอัศวินช่างใจกว้างยิ่ง ทั้งยังซื่อตรง จื่อซานรู้สึกละอายใจในตัวเองจริงๆ! ฉันเองก็กลุ้มใจเช่นกัน ท้ายที่สุดผู้อาวุโสตระกูลไป๋กำลังซ่อนตัวอยู่ในความมืด นี่นับว่าเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ หากต้องกำจัด ฉันก็ยังลังเลอยู่ว่าจะใช้วิธีใด”

อัศวิน A “ฉันไม่กลัวภัยคุกคามอันยิ่งใหญ่ของเขาหรอก ถ้าเขาออกมาได้ก็ดี แต่ไม่ว่าเขาจะออกมาหรือไม่ ฉันก็มีอาณัติของสวรรค์ ร่างแห่งชะตากรรม ผู้กล้าจะไม่กลัว คนฉลาดจะไม่ถูกหลอก คนใจดีจะไม่เศร้าโศก! เมื่อฉันและสามสิ่งนี้ถูกรวมเข้าด้วยกัน จะกลัวหนูเฒ่าที่ซ่อนหัวอยู่ได้ยังไง!”

อย่างไรก็ตาม การโอ้อวดบ้างสักนิดคงไม่เป็นไร

พี่น้องเฉียวตกตะลึง!

เฉียวจื่อเจียงคิดในใจ ครั้งแรกที่ฉันเห็นคนผู้นี้ ใช่แน่ อัศวิน A คนนี้คือมังกร และใบหน้าของมังกรนั้นใหญ่กว่าหน้ามนุษย์อย่างเทียบไม่ได้!

เฉียวจื่อซาน ‘ฉันขอคืนคำชมของฉันตอนนี้ได้ไหม? พฤติกรรมของอัศวิน A ตรงไปตรงมาก็จริง แต่ขี้อวดเกินไปหน่อย’

เฉียวจื่อเจียง “ฮ่าๆ มีบุรุษผู้รอบรู้ กล้าหาญและเมตตากรุณาเหมือนท่านเช่นนี้ เราคงจะถูกคุกคามน้อยลงแน่นอน ฉันรู้สึกขอบคุณจริงๆ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่มั่นใจนัก”

เฉียวจื่อซาน “ฉันจะขอให้พี่น้องบางคนช่วยดูว่าพวกเขาสามารถสืบหาข่าวมาได้ไหม แม้ฉันคิดว่ามันจะยากก็ตาม”

อัศวิน A “ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอข่าวจากคุณอีกที”

หลังจากที่ฟางหนิงคุยโวเสร็จแล้ว เขาก็รู้สึกเบื่อและว่างเปล่า

เพราะยังไม่มีอะไรให้ทำ อีกอย่างนิยายและเกมพวกนั้นก็จบไปแล้ว ฟางหนิงจึงทำได้แค่รอ…

ขณะที่เทพแห่งระบบพลิกแผ่นดินและแผ่นฟ้าเพื่อค้นหาสุดยอดบอสที่หายไป ในห้องใต้ดินลึกบอสใหญ่ก็กำลังเปิดสอนอีเลิร์นนิงที่ไม่เหมือนใคร

ชายชราร่างเตี้ยรูปร่างผอมบางยืนอยู่บนแท่น ถือเลเซอร์พอยเตอร์ในมือซ้ายและเมาส์ไร้สายในมือขวา

บนกระดานดำมีจอฉายภาพที่มี PPT อยู่ เนื้อหาสาระใน PPT คือ ‘ความเย่อหยิ่งทำให้คนล้าหลัง’

ด้านล่างมีนักเรียนกลุ่มหนึ่งกำลังตั้งใจฟังอยู่ประมาณสิบกว่าคน ทั้งหมดแต่งกายด้วยชุดสีดำ ซึ่งต่างจากนักเรียนทั่วไป พวกเขาล้วนมีกลิ่นคาวเลือดแผ่กระจายออกมา

มีนักเรียนเพียงคนเดียวนั่งอยู่ด้านหลังและแต่งกายด้วยชุดขาว ไม่มีเลือดสักหยด เขากำลังเล่นโทรศัพท์มือถือ ก้มหน้าลงโดยไม่ดูเนื้อหาในนั้น

ชายชราร่างเตี้ยรูปร่างผอมบางคนนี้คือผู้อาวุโสตระกูลไป๋

ณ เวลานี้เขาสงบและผ่อนคลายมาก

ชายชราพลิกหน้า PPT และวิดีโอก็ปรากฏขึ้น

จากนั้นเขาก็คลิกที่วิดีโอและกล่าวว่า “นี่เป็นกระบวนการทั้งหมดของการเผชิญหน้าเมื่อสองสามวันก่อนระหว่างคนผู้นี้กับอำนาจสูงสุดในโลกปัจจุบัน ฉันคิดว่านี่จะเป็นประโยชน์กับทุกคน”

ทุกคนนิ่งเงียบและเฝ้าดูอย่างตั้งใจ

ในวิดีโอร่างของอัศวิน A เริ่มปรากฏขึ้น จากนั้นก็เห็นเขาหยุดแอบฟังการสนทนาระหว่างกุ่ยเอ้อร์และกุ่ยฉี แล้วปรากฏตัว พูดคุย และจากไป จากนั้นก็เป็นเงาร่างของผู้อาวุโสตระกูลไป๋ซึ่งซุ่มคอยอยู่เงียบๆ รอให้อัศวิน A จากไป

………………………………………………………….

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

Status: Ongoing

จู่ๆ ก็มีดาวตกพุ่งลงมาที่โลก ทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย

แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นกลับทำให้ 'ฟางหนิง' หัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนสลบไป

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขามีระบบ ขณะที่กำลังจะดีใจว่าในที่สุดก็มีขาทองคำมาให้เกาะ

เจ้าระบบนั่นกลับประเมินว่าเขาเป็นโรคขี้เกียจระยะสุดท้าย ปล่อยไว้ไม่มีทางเจริญก้าวหน้า

และทำการยึดครองร่างของเขาซะงั้น!?

...

จากหนุ่มโอตาคุผู้แสนจะขี้เกียจที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

กลับต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมตนเองเป็นฮีโร่คอยปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย

ปกป้องเมืองที่ตนอยู่อาศัย และฝึกวิทยายุทธ์เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดนิ้วทองคำของระบบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท