บทที่ 73 ถ้าอยู่เป็นโอตาคุอมตะได้ ใครกันอยากจะนั่งรถเข็นดูคนอื่นเล่น
ทุกคนหันมองหน้ากัน แต่กลับไม่มีใครรีบเข้าไปเอาอาหาร ด้วยคิดว่านี่อาจเป็นฝีมือของปีศาจตนนี้วางแผนหลอกล่อไว้
หลังจากปีศาจไอหมอกหลบของที่ตกลงมา น้ำเสียงก็เปลี่ยนไปทันที “เป็นอย่างนี้ได้ไง?! ข้าปิดทางเข้าพื้นที่นี้ไปแล้ว ไม่มีทางที่จะโยนของเข้ามาได้!”
อาหารตกลงมานานมากแล้ว และท้ายที่สุดก็เป็นตาอ้วนหลิวที่ทนหิวไม่ไหว เข้าไปหยิบขนมเปี๊ยะขึ้นมากินชิ้นหนึ่งพร้อมกับดื่มน้ำ ผ่านไปพักหนึ่ง เมื่อทุกคนเห็นว่าเขาไม่เป็นอะไร จึงเชื่อมั่นว่าอาหารและน้ำดื่มปลอดภัย
ความจริงแล้วแค่ระบบยืนขึ้น ด้วยชื่อเสียงของอัศวิน A แห่งเมืองฉี ประธานจ้าวกับตาอ้วนหลิวก็จะออกมารับรองเป็นคนแรกว่าอาหารพวกนี้ไม่มีปัญหา แต่ระบบที่ยุ่งกับการฝึกวรยุทธ์ไม่มีเวลาออกมาอธิบายอะไรมากมาย ถึงอย่างไรเมื่อหิวจนหน้ามืดตาลายแล้วย่อมมีคนออกมากินอาหารอยู่ดี…
หลังจากตาอ้วนหลิวลองกินแล้ว ทุกคนจึงข้าใจว่านี่คือขนมเปี๊ยะที่หล่นจากท้องฟ้าจริงๆ…
“แต่อาหารกับน้ำน้อยอย่างนี้จะแบ่งอย่างไรล่ะ” ใครบางคนเอ่ยถามน้ำเสียงลำบากใจ เมื่อได้ยินอย่างนี้ ทุกต่างรีบมองหน้ากัน แววตาซับซ้อน
ขณะเดียวกัน ด้านปีศาจไอหมอกก็รีบค้นหาที่มาของอาหารแต่คว้าน้ำเหลว สายตาของมันพลันเหลือบไปเห็นอาหารเพียงน้อยนิดที่ด้านล่างก็หัวเราะขึ้นอีกครั้ง “พวกเจ้าจะแบ่งยังไง ผู้แข็งแกร่งย่อมชนะ! ฮ่าๆ ฆ่ากันเองสิ คนที่ชนะไม่ใช่แค่ได้อาหารตรงหน้า ไม่แน่อาจค้นพบอาหารใหม่”
ใบหน้าของทุกคนเคร่งเครียด แต่แล้วก็ได้ยินเสียง ‘ตุบๆ’ ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีน้ำแร่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไส้กรอกแฮม กระทั่งพะโล้ อย่างไก่ต้มพะโล้ตกลงมาจากท้องฟ้าไม่หยุดหย่อน…
ทุกคนต่างประหลาดใจรีบหันมองหน้ากันไปมา จากนั้นก็ไม่มีใครยืนเซ่ออีก ต่างเข้าไปเก็บอาหารขึ้นมา…
คนที่จะทำเช่นนี้ได้จะต้องเป็นใครบางคนในกลุ่มคนธรรมดาที่ได้ปลุกความสามารถพิเศษมหัศจรรย์อย่าง ‘การอธิษฐาน’ เท่านั้นครูฝึกสวี่ที่พิงก้อนหินคิดในใจ เขากวาดตามองทุกคน แต่หาไม่เจอเลยว่าคนไหนที่ได้ปลุกความสามารถพิเศษหายากอย่างนี้ ไม่น่าแปลกใจ เพราะเดิมทีเขาไม่ใช่เจ้าหน้าที่ประเภทสำรวจตรวจสอบอยู่แล้ว
แม้ว่าท้องจะหิวโหยเช่นเดียวกัน แต่เมื่อเจอกับอาหารที่ตกลงมาดั่งสายฝน ครูฝึกสวี่กลับไม่ขยับเขยื้อน เพียงแต่คิดต่อว่าบางทีเขาอาจจะผิดไป และพวกคนแก่นั่นพูดถูกแล้ว
ทุกคนเก็บอาหารอย่างดีและจัดเรียงเป็นหมวดหมู่ต่างๆ แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็อดสงสัยไม่ได้ เมื่อพบว่าในบรรดากองอาหารที่สวรรค์ประทานมานั้น กว่าครึ่งเขียนว่า “ผลิตที่โรงงานอาหารXXเมืองฉีเฉิง”
นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก ระบบไม่ชอบความยุ่งยาก อาหารทั้งหมดที่โยนลงไปจึงเป็นสินค้าจากซุปเปอร์มาร์เก็ตราคาถูกที่เก็บไว้ในช่วงแรกๆ ย่อมผลิตโดยโรงงานอาหารนท้องถิ่นเมืองฉีแน่นอน น่าเสียดายเกินไปที่จะโยนอาหารคุณภาพสูงและยาจำนวนมากให้คนเหล่านี้…
ปีศาจไอหมอกที่กำลังยุให้ทุกคนฆ่ากันเองโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ “เป็นไปได้ยังไง มันโผล่มาจากไหนกันแน่ ข้าไม่เชื่อว่ามันจะตกลงมาเรื่อยๆ!”
เมื่อได้ยินปีศาจพูดอย่างนั้น คนอ้วนหลายคนที่นำโดยตาอ้วนหลิวที่เดิมทีอยากกินมื้อใหญ่ก็ล้มเลิกความคิดนั้นโดยเร็ว ทุกคนรวบรวมอาหารและเตรียมแบ่งอาหารเท่าๆ กัน
แน่นอนว่าหลังจากอาหารตกลงมาช่วงหนึ่งก็ไม่ปรากฏขึ้นอีก ปริมาณอาหารที่ตกลงมานั้นเพียงพอให้คนกลุ่มนี้กินได้หนึ่งวันเท่านั้น
ปีศาจไอหมอกได้ใจอีกครั้ง “ข้ารู้ว่าไม่มีสิ่งใดที่ไร้ขอบเขต พวกเจ้าทนต่อได้แค่หนึ่งวันเท่านั้นแหละ…
วันรุ่งขึ้น อาหารเริ่มตกจากท้องฟ้าอีกแล้ว
ปีศาจไอหมอก “…”
ตอนที่อาหารตกลงมาวันที่สาม ปีศาจไอหมอกไม่โผล่หน้ามาอีก ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าปีศาจจะพูดอะไร
วันนี้เองชายชราอายุราว 70 ผู้ยังมีร่างกายแข็งแรงมีชีวิตชีวาคนหนึ่งเดินช้าๆ เข้าไปหาครูฝึกสวี่ที่นั่งพิงก้อนหิน เขาไม่ได้กินอาหารมาสองวันแล้ว ชายชราจึงยื่นไก่พะโล้ให้หนึ่งตัวและน้ำสองขวด
ไม่รู้ว่าทั้งสองคนพูดคุยอะไรกัน ผ่านไปนานมากก็เห็นว่าครูฝึกสวี่รับอาหารไปกินเงียบๆ
ขณะเดียวกันในอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของระบบ ฟางหนิงก็พบว่าระบบกำลังรวบรวมกำลังครองร่างของตัวเองฝึกฝนทักษะอีกครั้ง เพราะฉะนั้นแล้วน่าจะไม่มีเวลาสนใจเขาพักหนึ่ง
ฟางหนิงจึงฉวยโอกาสนี้ในการแอบอู้ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่ได้ก็ไปเปิด MOD ของเกม Mount & Blade เล่นคนเดียว
ขณะที่ฟางหนิงกำลังเล่นเกมอย่างมีความสุขสุดๆ ปีศาจไอหมอกที่เก็บตัวเงียบอยู่นาน จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าและเริ่มพูดมากอีกครั้ง
“หึๆ ข้าไม่รู้จะทำอย่างไรพวกเจ้าดี แต่พวกเจ้าอย่าได้ใจไปล่ะ ครั้งนี้จะปล่อยพวกเจ้าไป แต่อย่าลืมว่าร่างกายของพวกเจ้าถูกข้าประทับตราคลุมไว้แล้ว!
ข้ารู้แล้วว่าคราวนี้พวกเจ้าบางคนอธิษฐานขออาหารจากท้องฟ้าได้ พวกเจ้าจะไม่อดตาย ข้าจะไม่โง่เปลืองพลังไปเปล่าๆ แต่สักวัน ข้าจะเอาชีวิตพวกเจ้าทีละคน ชีวิตที่เหลือของพวกเจ้าทำได้แค่นอนหลับด้วยความหวาดผวา ฮ่าๆๆๆ…”
ในตอนแรกทุกคนดูยินดี แต่หลังจากนั้นก็หน้าซีดเผือด แม้แต่ครูฝึกสวี่ก็ขมวดคิ้ว ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายชราคนหนึ่งก็เอ่ยเสียงแผ่วเบาปลอบใจคนอื่นๆ “ไม่ต้องกลัวหรอก ทุกครั้งที่มันพูดจบ เรื่องที่เกิดขึ้นจะย้อนกลับมา ครั้งนี้ไม่เกินคาดแน่นอน”
ฟางหนิงที่กำลังเล่นเกมได้ยินแล้วก็รู้สึกว่าท่าไม่ดี จึงรีบวางเกมลง ตะโกนเสียงดังลั่น “ระบบ แผนที่วางไว้กำลังจะพัง ปีศาจนั่นจะปล่อยคนไป มันจะปิดเซิร์ฟเวอร์แน่ๆ…พวกเราอาจอยู่ได้ไม่ถึงครึ่งปี”
ความจริงไม่ใช่เกม และปีศาจก็ไม่ใช่ NPC หรือตัวประกอบงี่เง่า เมื่อพบว่าผิดปกติย่อมต้องปรับกลยุทธ์ ต้องคำนวณโอกาสประสบความสำเร็จ ไม่ไหวก็ถอย หนีไม่ได้ก็ค่อยสู้สุดชีวิต
มันไม่รู้สึกมีเกียรติอะไร ก็แค่ปีศาจชั่วร้ายเท่านั้น เช่นเดียวกับระบบ การเอาชีวิตรอดสำคัญที่สุด
ระบบ “มันไล่พวกเราไปไม่ได้หรอก ระบบจะขังมันไว้ก่อน”
เวลานี้ฟางหนิงก็เห็นอัศวิน A เผยตัว แต่ครั้งนี้หลังออกมาจากที่ซ่อนก็ปรากฏในร่างมังกรเพลิงกลางอากาศทันที
มังกรเพลิงปากใหญ่ยักษ์พุ่งทะยานเข้าใส่ปีศาจไอหมอก
“มังกรบูรพาเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?!” ปีศาจไอหมอกตื่นตะลึงแต่มันก็เคลื่อนย้ายร่างได้พริบตา
ปีศาจตนนี้สามารถต้านทานความกดดันที่มีอานุภาพเกรียงไกรของมังกรและยังปลดปล่อยทักษะได้อีก! ฟางหนิงได้แต่เสียดายเมื่อเห็นปากยักษ์ของมังกรเพลิงคลาดกับปีศาจไปเพียงนิดเดียว หลังจากนั้นปีศาจไอหมอกก็หนีไปไกลแล้ว
ฟางหนิงกังวลว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน “หรือว่ามีแต่การโจมตีด้วยปืนใหญ่ของแผนที่ถึงจะปราบมันได้ ช่างเถอะ ใช้มังกรเพลิงคำรามที่แกเคยพูดเถอะ ปล่อยอาวุธแผนที่ฆ่ามัน”
ระบบเป็นผู้เชี่ยวชาญในสนามรบ ครั้งนี้ไม่ได้ฟังคำสั่งของฟางหนิง มันยังคงคิดเรื่องเวลาฝึกฝนครึ่งปีถึงได้ผิดพลาด
ฟางหนิงเห็นได้จากแผนที่ระบบว่าปีศาจกำลังเคลื่อนที่ไปรอบๆ พื้นที่ทั้งหมด นอกจากใต้ดินที่มุดลงไปไม่ได้ ท้องฟ้าทั้งหมดเป็นขอบเขตเคลื่อนไหวอิสระของมัน มันไม่อยู่นิ่งเลย ในสถานการณ์เช่นนี้ ระบบจะจับมันได้อย่างไร
มังกรเพลิงพลันอ้าปากกว้าง เริ่มหายใจเข้าหนักหน่วง…
“ลมแรงจัง มังกรเพลิงนั่นทำอะไร” ทุกคนที่อยู่ข้างล่างตกตะลึง ปีศาจไอหมอกครั้งนี้ไม่พูดพล่ามอีก มังกรเพลิงปรากฏตัวขึ้นหมายจะกลืนมันเข้าไป ปีศาจจะพูดอะไรออกมาอีกนะ…
น่าเสียดายที่ยังไม่ได้กลืนมันลงไป แต่ดูท่าทางตอนนี้แล้ว มังกรเพลิงอาจอยากจะกลืนกินพื้นที่ขนาดหมู่บ้านเล็กๆ นี้
“แบ่งเป็นสองกลุ่ม จับมือกันเป็นวงกลมล้อมรอบหินพวกนี้” ชายชราที่เพิ่งเอ่ยปลอบโยนทุกคนก็ตะโกนเสียงดัง เขาเห็นความปั่นป่วนของอากาศบนท้องฟ้าแล้ว เห็นได้ชัดว่ากำลังจะเกิดพายุโหมรุนแรง
ชายชราคาดเดาถูกต้อง หลังจากนั้นไม่นาน กระแสลมหมุนรุนแรงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็แผ่ไปทั่วทั้งพื้นที่ปีศาจร้าย มันพุ่งออกจากปากของมังกรแผ่ขยายออกไปอย่างรุนแรง
พวกเขาทำได้เพียงรู้สึกขอบคุณที่พายุหมุนจงใจหลีกเลี่ยงพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะถูกแรงดึงไม่น้อย แต่ก็ยังเกาะก้อนหินไว้ได้ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ถูกกวาดออกไป
ไม่นานพื้นที่ทั้งหมดก็ถูกปกคลุมด้วยพายุหมุนลูกใหญ่ ฝุ่นปลิวฟุ้งตลบ ข้าวของลอยไปที่ปากของมังกร แต่ดูเหมือนว่าจะมีตาข่ายกรองกั้นไว้จึงลอยเข้าไปไม่ได้
ปีศาจไอหมอกไม่ไหวแล้ว มันคาดไม่ถึงว่าจะเผชิญกับการโจมตีที่ครอบคลุมพื้นที่ได้ทั้งหมด ไม่อาจเคลื่อนย้ายหลบหนีได้ตามอำเภอใจ และมันไม่อาจเจาะเข้าไปหลบใต้ดินได้
ท่ามกลางกระแสลมรุนแรง มันทำได้แค่ล่องลอยไปตามกระแสลมและสุดท้ายก็ถูกดูดเข้าไปในปากของมังกร จากนั้นมังกรก็หายวับไปจากกลางอากาศ เหลือเพียงผู้ชมที่ตะลึงอ้าปากค้าง
ระบบแจ้งเตือน ระบบใช้สล็อตพลังปราณสุดท้ายเพื่อเปิดใช้งานร่างมังกรเพลิง ระบบใช้เคล็ดวิชา ‘มังกรเพลิงกลืนฟ้า!’
ระบบโจมตีปีศาจฝันร้ายตัวฉกาจ
ทักษะปีศาจฝันร้าย ‘เคลื่อนย้ายในพื้นที่’ ได้ผล และปีศาจฝันร้ายต้านทานอานุภาพของมังกร!
ปีศาจฝันร้ายหลบหนีไป
ระบบใช้เคล็ดวิชา ‘มังกรพายุดูดกลืน!’
ระบบเปิดใช้รูปแบบการโจมตีแผนที่
สถานที่เป้าหมาย ‘เคลื่อนย้ายพื้นที่’ ของปีศาจฝันร้ายถูกรบกวน ไม่มีทางได้ผล ปีศาจฝันร้ายถูกกลืนกินแล้ว
ปีศาจฝันร้ายถูกขังในคุกของระบบ
ฟางหนิงอ่านข้อความแล้วก็หัวเราะ ในที่สุดก็มีคนเป็นเพื่อนตัวเองถูกขังในห้องดำของพื้นที่ระบบแล้ว
สำหรับการขาดการแจ้งเตือนการเก็บเกี่ยว ดูเหมือนว่าเราจะต้องรอจนกว่าสัตว์ประหลาดจะอดอาหารตายทั้งเป็น
อย่างไรก็ตาม หลังจากอัปเกรด “การเปลี่ยนร่างมังกร” หนึ่งครั้งแล้ว อานุภาพของมันก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก มิน่าล่ะระบบถึงได้มั่นใจมากขนาดนี้…
เมื่อปีศาจไอหมอกตนนี้ถูกขังในคุกของระบบ ฟางหนิงก็พบว่าพื้นที่ปีศาจร้ายทั้งหมดยังคงมีอยู่ ชัดเจนว่าต้องรอจนพลังของปีศาจหมดก่อนที่แห่งนี้ถึงจะพังทลายลง แผนของระบบดำเนินต่อไปได้…
แต่ก็หมายความว่า ตัวเขาต้องอยู่ในห้องดำเล็กๆ ที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตนานถึงครึ่งปีจริงๆ…
ฟางหนิงกำลังถอนใจในอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของระบบ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นข้างหู
“ปล่อยข้าออกไป ข้ารู้สึกได้ถึงเจ้า เจ้าเป็นพัศดีที่นี่ใช่ไหม ขอแค่ปล่อยข้าออกไป ข้าจะดลบันดาลให้เจ้าได้ทุกอย่าง เงินทองของมีค่า คฤหาสน์ และหญิงงาม ในโลกมนุษย์ไม่ว่ามีอะไรข้าให้ได้หมด แม้แต่ความเยาว์วัยชั่วนิรันดร์และความเป็นอมตะ ข้าก็ให้เจ้าได้เหมือนกัน…”
ฟางหนิง “บ้าเอ้ย เคยได้ยินว่าปีศาจร้ายถนัดชักจูงใจคน เป็นอย่างนี้จริงๆ สินะ เพิ่งจะเข้ามาก็คิดจะหลอกล่อฉันแล้วเหรอ”
“ว่าไง หรือว่าแกไม่อยากออกไป ต้องเป็นโอตาคุอยู่ที่นี่จนไตพร่อง อายุขัยได้อย่างมากหนึ่งถึงสองร้อยปีก็ตายแล้ว”
ฟางหนิงหงุดหงิด ฉันถูกระบบครองร่าง วันๆ เอาแต่ฝึกฝนจนแข็งแกร่งขนาดนี้จะไตพร่องได้ยังไงกัน
เพียงแต่ว่าต้องอยู่โดยไร้อินเทอร์เน็ต จิตใจจึงห่อเหี่ยว สงสัยปีศาจตนนี้จะดูออก
เขาหัวเราะเยาะอีกฝ่ายทันทีเพื่อตอบโต้ “ฉันอยู่ได้ร้อยหรือสองร้อยปี แต่แกจะต้องถูกขังจนตายซาก แกเป็นคนแรกที่ได้ลิ้มรสการดูแลในคุกเลยนา… ตอนนั้นแมงมุมยักษ์ก็ถูกลากไปเป็นอุปกรณ์ทันที ส่วนแกแค่ถูกพิพากษาชะลอเวลาประหารชีวิต”
“ถึงยังไงก็ต้องตาย จะตายเร็วหรือช้าพวกเราก็มีจุดจบอย่างเดียวกัน จะดีใจไปทำไมล่ะ”
ฟางหนิงจิตใจหวั่นไหว ตอนนี้ตัวเองอาศัยระบบก็ทำได้แต่ไม่มีทางได้รับความสุข เรื่องเป็นอมตะไม่แก่เฒ่าตลอดไปช่างเย้ายวนใจเสียเหลือเกิน
ถ้าเป็นโอตาคุที่มีชีวิตเป็นอมตะตลอดไปก็ไม่ต้องกลัดกลุ้มเหมือนเมื่อก่อน เพราะแต่ละวันผ่านไปรวดเร็ว เล่นแล้วคืนหนึ่งก็ผ่านไป อีกวันก็ผ่านไป เล่นไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเล่นไม่ไหว จากนั้นก็นั่งมือสั่นอยู่บนรถเข็นให้คนอื่นคอยดูแล…
ระบบเป็นระบบด้านศิลปะการต่อสู้ เขาเคยคุยกับมันครั้งหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางฝึกฝนจนไม่แก่เฒ่า แต่เรื่องนี้ระมัดระวังหน่อยจะดีกว่า
แน่นอนว่าถ้าละเมิดกฎระเบียบของระบบก็จำต้องปฏิเสธไป ไม่มีระบบครองร่างใช้แรงงาน ฟางหนิงยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนโหดเหี้ยม ด้วยความเพียรสูงอย่างเดียวก็มีอายุยืนยาวได้ด้วยตัวเอง…
ฟางหนิงอยากจะเข้าใจเรื่องนี้จึงเดินตามเสียงออกไป ไม่นานก็เห็นสิ่งก่อสร้างพื้นที่ระบบใหม่แห่งหนึ่ง
เขาเห็นแต่อาคารเล็กๆ ที่มีแผ่นเหล็กล้อมรอบ มีเพียงประตูด้านข้างบานหนึ่ง บนประตูมีหน้าต่างกระจกขนาดเท่ากำปั้นมองเห็นด้านใน ด้านในว่างเปล่าทั้งแคบทั้งมืด เป็นห้องมืดอย่างไม่ต้องสงสัย สภาพแย่กว่าห้องของเขามากทีเดียว…
…………………………………………