บทที่ 100 นักดาบพันลี้คือสุนัข
ที่ไหนสักแห่งในถ้ำลึก ปีศาจแมลงถือกระจกพลางเดินไปมา ขณะมองดวงตาก็ยังคงจดจ้องกับบานกระจกไปด้วย
“เป็นแค่วิทยายุทธ์ปราณแท้ของมนุษย์ จะมีพลังมหาศาลได้ยังไง? มันคือมังกรจุติจริงๆ แหละ และแทนที่จะฝึกฝนพลังเวท มันกลับฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ของมนุษย์ มันจะเป็นอย่างอื่นไปได้ไหมนะ?”
แท้จริงแล้วปีศาจแมลงก็มีความรู้ที่กว้างขวาง เมื่อดูจากความพยายามในเจ็ดแปดวันที่ผ่านมานี้ เขาก็ได้พบไพ่ไม้ตายของอัศวิน A บ้างแล้ว ข้อดีอย่างหนึ่งของความโกรธคือไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพลังจากภายนอก มันสามารถเปลี่ยนได้จากอาหาร ด้วยความกระหายและความสามารถของมังกรตัวนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่มันจะกลืนอาหารให้เพียงพอได้ในคราวเดียว
และหากพลังเวทไม่เพียงพอ เว้นแต่จะสามารถเติมเต็มได้อย่างรวดเร็วด้วยยาเม็ดเล็กที่เต็มไปด้วยปราณกำเนิด แต่นั่นก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป ส่วนวิธีอื่นๆ ก็มีอีกสองสามวิธีในการเติมเต็ม แต่หากปราณกำเนิดในสนามรบผันผวนอย่างรุนแรง การทำสมาธิและการเปลี่ยนแปลงอย่างสันติจึงเป็นไปไม่ได้ที่ทำ
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับพลังและความเก่งกาจแล้ว ปราณแท้นั้นด้อยกว่าพลังเวทมาก เห็นได้ชัดว่ามังกรทำลายสิ่งนี้ และเขายังคาดเดาไม่ได้
พญาแมลงเอ่ยขึ้น “ไม่สำคัญว่าจะอยู่นานสักแค่ไหน ถึงยังไงมันก็ไม่สามารถอยู่ได้นานไปกว่าฉันหรอก ฉันเป็นพญาของแมลงทั้งหมด”
ปีศาจแมลงพยักหน้า ก่อนที่จะหันไปมองร่างของพญาแมลง ซึ่งตอนนี้ขนาดลดลงหนึ่งในสาม จากนั้นเขาจึงขมวดคิ้วอีกครั้ง
“ไม่ได้ สงครามการนี้มีประโยชน์ต่อมันชัดเจน แม้ว่าจะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่จุดแข็งจุดหนึ่งของมันอาจทำให้เราต้องเสียประโยชน์ มันปิดกั้นพื้นที่ ทำให้เราไม่สามารถเติมเต็มกองทัพต่อยักษ์ที่มีอยู่ได้ในทันที ตอนนี้ฝูงต่อฝูงที่สองถูกรวบรวมไว้แล้ว แต่มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่ฉันจะใช้พลังเวทจำนวนมากเพื่อเคลื่อนย้ายและล้อมมัน ต่อให้ทำแบบนั้นมันก็ถูกค่ายกลกระบี่สี่สภาพกักกันไว้อยู่ดี และสุดท้ายก็จะกลายเป็นกลวิธีในการเติมเชื้อเพลิงให้อีกฝ่ายเปล่าๆ พญาแมลง ตอนนี้เจ้าต้องใช้สายสัมพันธ์เลือดของเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับต่อที่เหลืออยู่เพิ่มขึ้น หลังจากเสริมความแข็งแกร่งจนถึงจุดสูงสุดแล้ว เมื่อนั้นเราก็จะได้รับประโยชน์จากการใช้พลัง และเท่านี้เราก็จะเอาชนะได้”
พญาแมลง “ได้ ฉันจะทำเดี๋ยวนี้”
ปีศาจแมลงพยักหน้าแล้วถามต่อ “ทำไมเจ้าถึงตอบรับหน้าชื่นได้แบบนี้ล่ะ?”
พญาแมลงตอบ “แน่นอน เพราะท่านสัญญาแล้วว่าข้าจะได้เป็นพญาของของแมลงมังกรไงล่ะ ตราบใดที่ข้าประสบความสำเร็จ ความสามารถในการปกป้องตัวเองในโลกนี้ก็จะเพิ่มขึ้น”
ปีศาจแมลงพลันโล่งใจ
ร่างใหญ่ยักษ์ของพญาแมลงเริ่มสั่นอีกครั้ง ความผันผวนที่มองไม่เห็นแผ่ขยายออกกว้างขวาง แต่คราวนี้ร่างกายอ้วนท้วนกลับลดลงอย่างรวดเร็วถึงระดับที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
…………
ฟางหนิงยังคงแสดงโกรธอยู่ในขณะที่ดูการแจ้งเตือนของระบบ
ต่อยักษ์กลายพันธุ์ชนชั้นสูงตายแล้ว
ระบบได้รับคะแนนประสบการณ์ 50 คะแนน
บอสต่อกลายพันธุ์ได้รับความเสียหาย 500 หน่วย
บอสต่อกลายพันธุ์ระดับสูงได้เปลี่ยนเส้นทางความเสียหาย
ต่อยักษ์กลายระดับสูงตายแล้ว
ระบบได้รับคะแนนประสบการณ์ 50 คะแนน
ร่างวิวัฒนาการกลายพันธุ์ของต่อยักษ์ระดับสูงบาดเจ็บ 500 หน่วย
ร่างวิวัฒนาการกลายพันธุ์ของต่อยักษ์ระดับสูงรักษาความเสียหายด้วยตนเอง…
หลังจากดูไประยะหนึ่งแล้ว เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ “ทำไมจู่ๆ ก็กลายเป็นระดับสูงกันหมดแถมมีวิวัฒนาการกลายพันธุ์ด้วย? หลอกให้ฆ่าจนถึงที่สุด เพื่อให้เหลือแค่ระดับสูงเท่านั้นที่ยังมีชีวิตรอดงั้นเหรอ?”
ระบบ “ไม่ใช่หรอก จากธรรมดาพัฒนาเป็นระดับสูง จากระดับสูงกลายเป็นเวอร์ชันที่วิวัฒนาการต่างหาก”
ฟางหนิง “พวกมันยังสามารถวิวัฒนาการได้อีกเหรอ? พวกมันไม่ใช่ตัวละครหลักนี่”
ระบบอธิบาย “ระบบรู้สึกว่ามีพลังที่กำลังหนุนหลังพวกมันอยู่ ระดับของค่ายกลกระบี่สี่สภาพไม่สูงมากนัก การปิดกั้นพื้นที่จึงสามารถป้องกันการเข้าและออกของวัตถุทางกายภาพเท่านั้น แต่พลังนี้ไม่สามารถแยกออกได้”
ฟางหนิง “ดูเหมือนว่านอกจากบอสต่อยักษ์ในฝูงนี้แล้ว บอสที่ส่งพลังอยู่เบื้องหลังยังคงซ่อนตัวอยู่สินะ มันคงเป็นตัวหลักที่พวกเราต้องตามล่า”
พูดจบ ฟางหนิงก็เห็นว่าต่อยักษ์ที่เหลือจำนวนไม่มากแล้วกำลังรีบพุ่งเข้าไปในพื้นที่ของค่ายกล
ทุกครั้งที่อีกฝ่ายพุ่งชนเข้ามา ฟางหนิงรู้สึกได้ว่าค่ายกลกำลังสั่นสะเทือน มันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนดูเหมือนจะพังทลาย ลูกกรงที่ประกอบด้วยปราณแท้จากความโกรธเกรี้ยวของมังกรเริ่มอ่อนกำลังลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ต่อบางตัวกล้าที่จะรวมกลุ่มและพุ่งชนเข้ามา ไม่ได้อยู่เหมือนสภาพในอดีตที่ยอมจำนนอีกต่อไป
ฟางหนิงกังวล “แกยังทนไหวไหม?”
ระบบ “ทนไม่ไหวหรอก โฮสต์คิดว่าระบบบ้าไปแล้วจริงๆ เหรอ? ระบบเลเวล 11 เองนะ แค่คนเดียวต้องมารับผิดชอบผลลัพธ์ของคนสี่คน ถึงจะเปลี่ยนสารอาหารในร่างกายให้เป็นพลังงานได้ แต่ตอนนี้ก็เข้าวันที่แปดแล้ว คงจะดีถ้าต่อยักษ์ไม่มีวิวัฒนาการ แต่ตอนนี้พวกมันมีวิวัฒนาการแล้ว พวกมันคงไม่สามารถตามการบริโภคจำนวนมากแบบนี้ได้อีกต่อไปแน่นอน”
ฟางหนิงพูดไม่ออก “ถ้าอย่างนั้นแกก็ทนหน่อยแล้วกัน ไม่ต้องรีบร้อน”
ระบบ “ตอนนี้พวกมันมีไม่มากแล้วและก็วิวัฒนาการไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นได้เวลาเปิดเผยการ์ดใบสุดท้ายแล้ว”
ณ ศูนย์บัญชาการลับ
“มาแล้วๆ ในที่สุดฉันก็เห็นมังกรยักษ์แสดงพลัง! บันทึกดีๆ ล่ะ พลังลมปราณและดัชนีคุณลักษณะทั้งหมดจะต้องถูกบันทึกไว้อย่างดีนะ”
ทุกคนดูหน้าจอขนาดใหญ่อย่างจดจ่อ
ก็เห็นว่ามังกรเพลิงปรากฏขึ้นจากอากาศบางๆ พร้อมกับค่ายกลที่หายไป
ต่อยักษ์ได้รับการปลดปล่อยแล้ว ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บหนักก่อนหน้านี้ ทว่าพวกมันไม่ได้วางแผนที่จะหลบหนีเลยสักนิด แต่กลับมารวมตัวกันเป็นสิบๆ แนว เทียบได้กับทหารที่มีระเบียบวินัยมากที่สุดของมวลมนุษยชาติ
ขณะนี้มีต่อที่มีขนาดปกติเช่นกัน แต่ด้านหลังของมันมีแสงสีเหลืองกะพริบอย่างรุนแรง มันกำกับฝูงต่อและปล่อยให้ฝูงต่อเข้าหามังกรเพลิง แม้ทั้งสองฝ่ายจะมีขนาดที่แตกต่างกันมาก แต่มันกลับไม่มีความกลัวใดๆ
หากแต่การเคลื่อนไหวของมังกรเพลิงนั้นยืดหยุ่นกว่าพวกมันมากและง่ายต่อการหลีกเลี่ยงการพุ่งชน
แม้ว่าฝูงต่อจะโจมตีจากทุกทิศทุกทางหลายครั้งก็ไม่ช่วยอะไร เพราะในการต่อสู้ทางอากาศนั้น พวกมันก็เป็นแค่นักเรียนประถมที่อยู่เบื้องหน้าของมังกรเพลิง
ในทางกลับกัน ทุกครั้งที่โจมตีมังกรเพลิงก็จะใช้โอกาสนี้เพื่อจับและฆ่าต่อจำนวนมากที่อยู่รอบนอก
ทุกคนที่อยู่เบื้องหลังหน้าจอขนาดใหญ่กำลังคิดว่าพวกเขาจะเผชิญกับสถานการณ์แบบนั้นได้ยังไง และสุดท้ายก็พบว่ามีข้อสรุปเพียงข้อเดียว พวกเขาต้องเป็นนักบินเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นตัวถ่วง และถูกฝูงต่อรุมกินเข้าไปทั้งเป็น
ในทางตรงกันข้าม หัวหน้าทีมเซวียที่เรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ด้วยดาบน่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีปฏิบัติการทางอากาศที่ยืดหยุ่นเหมือนกับมังกรเพลิงไหม
หลังจากบินไปบินมาสองสามรอบ มังกรยักษ์ก็ลอยขึ้นไปบนฟ้า โฉบไปทางด้านหลังฝูงต่อยักษ์!
บอสต่อยักษ์สัมผัสถึงความผิดปกติได้ทันที มันคิดอยากจะหนีแต่ก็ถูกมังกรกลืนเข้าไปเสียแล้ว
จากนั้นมังกรยักษ์ก็ไม่สุภาพอีกต่อไป มันอ้าปากคำรามเผชิญหน้ากับฝูงต่อที่เรียงรายอยู่ข้างหน้า รอเวลาที่จะพุ่งเข้าใส่ ก่อนจะสูดหายใจเข้าแรง!
ทันใดนั้นทรายและหินก็หายวับ แทนที่ด้วยไอหมอก
หลังจากทุกอย่างสงบลง ก็ไม่มีอะไรปรากฏบนหน้าจออีก
“นี่จบแล้วเหรอ?”
ทุกคนมึนงงเล็กน้อยรู้สึกว่างเปล่า
ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็เข้ามาหาผู้บัญชาการชั่วคราวอย่างเซวียเฟิงดาบไร้ปรานี แล้วยื่นจดหมายให้เขา
หลังจากอ่านจดหมายเสร็จ เซวียเฟิงก็ออกคำสั่ง “สั่งกองกำลังทางอากาศทั้งหมดที่อยู่ภายใต้การเฝ้าระวัง ให้เริ่มค้นหาต่อที่เหลือในทันทีและอย่าปล่อยให้มีตัวใดตัวหนึ่งหลุดลอดเข้าไปในตาข่ายได้ เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินสั่งให้สำรวจบนเครือข่ายร่วมด้วย”
หลังจากพูดจบ เขาก็มอบอำนาจบังคับบัญชาให้อีกคนรับผิดชอบและรีบออกจากห้องบัญชาการไป
ไม่มีใครมีใจจะพูดอีกแล้ว เพราะสิ่งที่ซับซ้อนจริงๆ กำลังจะเกิดขึ้น
…………
ในฟาร์มวิลล่าเขตชานเมืองฉี คนงานบางกลุ่มกำลังยุ่งวุ่นวาย บางคนก็กำลังทำความสะอาด และบางคนก็กำลังบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวกบางอย่าง
ทุกวันนี้หมาดำไป๋หลี่อิ่มหนำสำราญกับอาหารมาก มันใช้ชีวิตอย่างดีที่สุดตั้งแต่ได้เกิดมา ดีขนาดที่ว่ามีขนดูแลขนให้ และเมื่อเร็วๆ นี้ มันก็ได้เรียนรู้วิธีการดูวิดีโอบนอินเทอร์เน็ตจากเจิ้งเต้าแล้ว หนึ่งในนั้นคือสารคดีสัตว์โลกที่เป็นรายการที่ต้องดูทุกวันหลังจากตื่นนอน ตอนนี้ชีวิตของมันแสนจะมีความสุข
หากแต่หมาเหลืองเซวียปากลับกระวนกระวายใจ
มันจะรู้สึกแย่มากหากว่างเกินไป
หมาดำไป๋หลี่กำลังเฝ้าดูหน้าจอขนาดใหญ่ด้วยท่าทางตามแบบฉบับไซบีเรียนฮัสกี้ ซึ่งกำลังฉายชีวิตประจำวันของสิงโตตัวผู้และกลุ่มสิงโตตัวเมีย
มันดูแล้วก็ไม่ลืมที่จะวิดพื้นไปพลาง แต่เมื่อดูได้ครึ่งตอนก็หันกลับมาถามสหายว่า “น่าเบื่อจัง เจ้านายไปไหนกันนะ?”
ตอนนี้เองหมาเหลืองเซวียปาที่กำลังอ่านหนังสือก็ตอบกลับ โดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น “นายท่านคงจะไปช่วยเหลือโลกแน่ๆ นายดูวิดีโอออนไลน์ทุกวี่ทุกวันไปได้ยังไง? ดูฉันสิ ฉันอ่านหนังสือเกี่ยวกับภูมิศาสตของมนุษย์ที่นี่ทุกวัน คุ้นเคยกับสถานการณ์ในท้องถิ่นดี แค่กำลังรอให้นายท่านวางกลยุทธ์เท่านั้น”
หมาดำไป๋หลี่ดูต่ออย่างไม่นึกอาย “ฉันก็ไม่ได้อยากอยู่เฉยๆ หรอกนะ นายไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังวิดพื้นอยู่? ตอนนี้ฉันกินและดื่มอย่างเพียงพอทุกวันแล้ว เพราะฉะนัน้พละกำลังของฉันก็ดีขึ้นด้วย แต่นายท่านไม่พาฉันไปทำภารกิจในแนวหน้า ถึงฉันจะอยากออกแรงแต่ก็ไม่มีที่ให้ไป”
หมาเหลืองเซวียปาตอบกลับ “เวลาผ่านไปเร็วมาก ถนอมวันที่มีความสุขของนายตอนนี้ให้ดีเถอะ ในอนาคตคงต้องได้ไปวิ่งลดไขมันแน่”
สุนัขสองตัวกำลังคุยกัน ในขณะที่เจิ้งเต้ากำลังเร่งรีบจะออกไปข้างนอก
หมาดำไป๋หลี่ไม่ได้ละหน้าออกไปจากหน้าจอ วิดีโอเล็กๆ ที่กำลังดูอยู่นั้นเป็นเรื่องปกติในสายตาของมนุษย์และเป็นสิ่งที่นำมาใช้ในการสอนได้
“เซวียปา เจ้านายต้องการให้นายมาช่วยเรื่องใหญ่โดยด่วน เขายังบอกด้วยว่าเขาได้เตรียมเครื่องบินพิเศษสำหรับนายแล้ว ในไม่ช้าจะมาถึง”
เมื่อหมาเหลืองเซวียปาได้ยินเรื่องนี้ มันก็วางหนังสือลงทันที ดวงตาเป็นประกายพลางหันศีรษะมองหมาดำอย่างดูถูก “ดูสิ โอกาสมีไว้สำหรับสุนัขที่เตรียมไว้เท่านั้นแหละ เจ้านายจะคิดถึงฉันเมื่อเขาเกิดเรื่อง ส่วนแกก็เป็นแค่หมาหัวเน่านอนเชื่อฟังอยู่ที่บ้าน…”
หมาดำไป๋หลี่มองไปที่กล้ามเนื้อไร้ไขมันของตนพลางสงสัยว่า ‘ทำไมเจ้านายถึงไม่เรียกฉัน หรือว่าผู้ชายคนนี้ที่ชื่อเจิ้งเต้า รายงานผลการปฏิบัติงานของฉันในวันนี้ไปแค่นิดเดียว?’
…………
ในเวลานี้เหนือท้องฟ้าห่างออกไปหลายพันลี้ ดาบไร้ปราณีก็ปรากฏกายขึ้น
ผู้โดยสารคนแรกที่กำลังจะขึ้นเครื่องบินดูตื่นเต้นหลังจากเสร็จสิ้นการฝึกดาบ เซวียเฟิงดาบไร้ปรานียืนอยู่บนดาบที่เปล่งประกายห่างจากพื้นดินในระยะหนึ่งเมตรด้วยใบหน้าที่ไร้อารณ์ “เจ้าคือเซวียปาเหรอ?”
หมาเหลืองเซวียปาตอบรับ “ใช่แล้ว ฉันเอง เจ้านายบอกให้คุณพาฉันไปที่นั่นใช่ไหม? เจิ้งเต้าเพิ่งบอกว่าจะมีสหายคนหนึ่งมา คนๆ นั้นคือคุณใช่ไหม?”
เซวียปา “ถ้าใช่ งั้นฉันจะกระโดดขึ้นไป”
หมาเหลืองเหลืองเซวียปาสะบัดหางแล้วกระโดดขึ้นไปบนดาบ โดยไม่มีทีท่าเกรงกลัวแม้แต่น้อย
จากนั้นเสียง ‘ฟิ้ว’ ก็ดังตามมา ในพริบตาสุนัขตัวหนึ่งและคนหนึ่งคนก็หายวับไป
………………………………………………………..