เมื่อผมโดนระบบครองร่าง – บทที่ 117 สไนเปอร์ซุ่มยิงกำลังเตรียมการ

บทที่ 117 สไนเปอร์ซุ่มยิงกำลังเตรียมการ

บทที่ 117 สไนเปอร์ซุ่มยิงกำลังเตรียมการ
ขณะที่เฉียวจื่อซานและคนอื่นๆ กำลังคุยกันเรื่องแผนปฏิบัติการ ด้านอัศวิน A กลับนั่งขัดสมาธิบนหินที่อยู่ไม่ไกล เขานั่งสมาธิและฝึกฝนต่อไป โดยไม่ปล่อยให้เวลาในการฝึกฝนเสียเปล่าเลยแม้แต่น้อย

หมาดำและหมาเหลือง แม้ไม่ได้รับคำสั่งก็รับผิดชอบในการปกป้องเจ้านายและความปลอดภัยรอบด้านทันที

หมาเหลืองเซวียปาซ่อนตัวอยู่กลางหินก้อนใหญ่สองสามก้อนไม่ไกลนัก มันซ่อนตัวได้แนบเนียนมาก หูของมันตั้งสูง จมูกฟุดฟิดเป็นบางครั้ง ให้ความสนใจกับกลิ่นที่ไม่คุ้นเคย

ด้านหมาดำไป๋หลี่ก็ซ่อนอยู่ในพงหญ้าพร้อมโจมตีทุกเวลา ในฤดูหนาวหญ้าเบาบางจึงไม่สามารถซ่อนร่างสีดำที่แข็งแรงได้อย่างสมบูรณ์

เมื่อเฉียวจื่อซานและคนอื่นๆ คุยกันถึงแผนการนี้ พวกเขาไม่ได้ห่างจากอัศวิน A มากนัก เสียงของพวกเขาจึงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของฟางหนิง

เฉียวจื่อเจียงอธิบายอยู่นาน เป้าหมายของการโจมตีถูกกำหนดไว้แล้ว แต่จะค้นหาศัตรูอย่างไร จะตอบโต้อย่างไร ศัตรูจะมีความสามารถทำลายล้างอะไรบ้างและวิธีจัดการกับมันล้วนต้องวางแผนล่วงหน้าทีละอย่าง

เพราะพวกเขาเพิ่งได้ข้อมูลของศัตรูมา

ฟางหนิงฟังแล้วก็รู้สึกรำคาญใจนิดๆ คิดในใจว่า ‘แย่จริงๆ แผนที่ของตอนกลางเสินโจวยังไม่ถูกเปิดออกเลย ไม่อย่างนั้นคงจะสามารถเห็นความแปลกประหลาดได้อย่างรวดเร็ว การกำจัดแบบไร้สมอง แผนการต่างๆ ความร่วมมือ อาจเป็นไปได้ยาก…

ดูเหมือนว่าต่อไปอีกระยะหนึ่ง คงต้องใช้ ‘เที่ยวบินฟรี’ มากกว่านี้แล้วปล่อยให้ระบบได้ใช้ชีวิตประจำวันในเสินโจวตามปกติ เพื่อป้องกันไม่ให้ปีศาจบางตัวแทรกซึมเข้ามาที่นี่หรือสร้างปัญหาที่จะส่งผลต่อแผนการใหญ่ของเขาในอนาคต

หากเขาไม่เอ่ยเตือน ระบบห่วยนั่นที่ผู้ไม่มีมุมมองเชิงกลยุทธ์ก็คงไม่คิดถึงเรื่องนี้ การเปิดแผนที่ให้เต็มที่ก่อน ในตอนแรกมันอาจจะเสียประสิทธิภาพในการฟาร์มปีศาจแต่ในภายหลังมันจะมีประโยชน์มากทีเดียว อย่างน้อยความละอายในปัจจุบันก็จะไม่ปรากฏ’

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงขอให้ระบบส่งสัญญาณหาหมาเหลืองที่เฝ้ายามแล้วถามว่า “เซวียปา แกหาตำแหน่งของศัตรูเหมือนครั้งล่าสุดที่ฆ่าปีศาจแมลงได้ไหม?”

หมาเหลืองเซวียปายกขาหน้าขึ้นเกาหัว “นายท่าน ทำไม่ได้หรอก แต่ตอนนี้ฉันได้กลิ่นบางอย่าง เป็นกลิ่นปราณแห่งความตายจางๆ ผสมกับลมหายใจของสิ่งมีชีวิตมากมายในบริเวณใกล้เคียง มันน่าจะเป็นการตายของสิ่งมีชีวิตจำนวนมากและพลังงานที่ตายแล้วจำนวนมากก็ถูกทิ้งไว้หลังจากถูกสะกดด้วยเวทมนตร์บางอย่าง”

หัวใจของฟางหนิงนิ่งค้างเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ไม่แปลกใจเลยที่ละแวกนี้เงียบมาก เขาขอให้หมาเหลืองเตือนเฉียวจื่อซานและคนอื่นๆ แล้วกลับไปซ่อนตัวต่อ

หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฟางหนิงก็รีบสั่งการระบบให้เฝ้าระวัง ไม่แปลกใจที่เฉียวจื่อเจียงต้องวางแผนรับมืออย่างระมัดระวังขนาดนั้น

ระบบ “ถ้าต้องให้โฮสต์มาเตือนทุกครั้งที่ต่อสู้ คงน่าอายมาก…”

ฟางหนิงรู้ถึงความจริงจัง ดังนั้นเขาจะไม่ทะเลาะกับระบบในเวลานี้ แต่พูดอย่างตรงไปตรงมาแทน “โอเคๆ พวกขี้โกงทุกคนคงไม่เคยกังวลอะไรเลยสินะ…”

…………

ในขณะเดียวกันอันตรายก็คืบคลานเข้ามาทีละขั้น

ยอดเขาสูงตระหง่านห่างไกลออกไปจากฟางหนิงและที่อื่นๆ กว่าสิบกิโลเมตร บนนั้นมีหิน วัชพืชเหี่ยวแห้งที่เป็นสีเหลือง พร้อมทั้งลมหนาวที่หวีดหวิว

เวลานี้คนสามคนบนยอดเขาหันมองไปทางแม่น้ำที่ฟางหนิงและคนอื่นๆ อยู่

ท่ามกลางกลุ่มคนมีชายผิวเหลืองตัวสูงโปร่ง เขาเฝ้าดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสาปแช่งด้วยความโกรธ

“น่าขยะแขยง ทั้งหมดเป็นเพราะแกไม่ปลอมตัวให้ดีเฉียงเวย ท้ายที่สุดแกก็หลอกไอ้อัศวิน A นั่นไม่ได้! ถ้ารู้ก่อนว่าไม่ควรแตะต้องผู้รับใช้ของเขา พวกเราที่นี่ใครจะกล้านำตัวเขามา! เหลือเวลาอีกเพียงสามชั่วโมงเท่านั้น เราสูญเสียพลังงานและหลายชีวิตก็ถูกสังเวยไปมาก ดูสิว่าแอนเดอร์สันกับคนอื่นๆ กำลังจะบุกเข้ามาและกำลังจะรับข้อมูลทางเทคนิคไปได้สำเร็จหรือยัง อยากดูความสำเร็จและความล้มเหลวจนถึงตอนจบหรือไง?!”

หญิงวัยกลางคนที่มีผิวหย่อนหยาน หน้าตาธรรมดา อายุมากกว่าสี่สิบปี เมื่อได้ยินก็พูดขึ้นอย่างกราดเกรี้ยว “เหล่ยเจวี๋ยต้ง แกจะโกรธใครได้! การที่อัศวิน A รีบเร่ง หนึ่งคือเพราะแกจับเจิ้งต้าวมากะทันหันแบบนี้และสองก็เป็นเพราะแอนเดอร์สันกับคนอื่นๆ ทั้งสองคนนั่นไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันแค่แกล้งปกปิดทุกทางเพื่อหลีกเลี่ยงการค้นพบจิตวิญญาณคนแปลกหน้าที่หายไปก่อนเวลาอันควร ชนะไปแล้วเจ็ดวันเจ็ดคืนยังจะต้องการอะไรอีก?!”

“อย่าทะเลาะกันเลย ฉันไม่เชื่อว่าอัศวิน A จะอยู่ยงคงกระพันหรอก ต้องมีวิธีสิ” เวลานี้ชายชราร่างเตี้ยตัวผอมบางเอ่ยขึ้นห้ามปราม

เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ “เรามีกันสามคน อีกเดี๋ยวแอนเดอร์สันกับคนอื่นๆ จะส่งคนผิวขาวที่ชื่อว่าโรเบิร์ตอะไรสักอย่างมาสนับสนุนเรา ว่ากันว่านี่เป็นมือปืนที่พวกเขาจ้างมาเป็นพิเศษสำหรับปฏิบัติการนี้ เขามาจากประเทศมิอิด้วยประสบการณ์ในสนามรบสิบปีและสถิติการซุ่มยิงที่สองพันสองร้อยเมตร แม้จะยังมีช่องว่างเล็กน้อยจากสถิติโลกนั้น แต่ก็เก่งมากทีเดียว พวกเราต้องใช้เลือดมากขึ้นเพื่อเป็นกำลังแก่เขา เทคโนโลยีของมนุษย์ในโลกนี้และพลังแห่งเวทมนตร์ของเรา เราได้ทำการทดลองในหนานเหม่ยแล้ว เราสามารถยิงสไนเปอร์ซุ่มยิงได้ภายในยี่สิบกิโลเมตร อัศวินคือมังกรจริง ไม่สามารถต้านทานได้หรอก”

เหล่ยเจวี๋ยต้งพยักหน้าก่อนแล้วขมวดคิ้ว “คนผิวขาวนั่นจะฟังพวกเรารู้เรื่องไหม? พวกเราพูดภาษานั้นได้ที่ไหนล่ะ เจอกันครั้งแรกคงไม่ง่ายขนาดนั้น แอนเดอร์สันและพวกเขาทั้งหมดพูดภาษาจีน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องมีการแปลห้แต่ ตอนนี้พวกเขายุ่งมากจนไม่สามารถมาได้ด้วยตัวเอง หากพวกเขาหาล่ามได้ก็ดี”

ชายอีกคนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก แอนเดอร์สันบอกว่าเจ้ายักษ์โรเบิร์ตนั่นมีใบรับรองกาสอบวัดระดับภาษาจีนสากลอยู่ ถึงจะต่ำกว่าระดับมาตรฐานเล็กนอ้อยแต่ไม่น่าจะมีปัญหา”

จากนั้นเหล่ยเจวี๋ยต้งก็ขมวดคิ้ว “งั้นก็โอเค ก็คอยดูว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง”

เฉียงเวยถาม “เราไม่เคยร่วมมือกับคนผิวขาวมาก่อน การต่อสู้ครั้งล่าสุดก็เกิดขึ้นตั้งเมื่อหนึ่งปีก่อนแล้ว ตั้งแต่นั้นมาเพื่อปฏิบัติการนี้เลยคอยแต่สะสมความแข็งแกร่ง ไม่เคยได้ใช้ความสามารถนี้อีกเลย แม้ว่าจะมีเอฟเฟกต์คาถาบางอย่าง แต่อัตราความสำเร็จของการทำลายการป้องกันจะสูงแค่ไหนกันเชียว? อีกอย่างฝ่ายตรงข้ามเป็นมังกรตัวจริง”

ชายชราวางกระเป๋ายาสูบของตน “ถึงแม้จะไม่ได้ผล ตราบใดที่นายโจมตีเกราะของอัศวิน A และแสดงพลังโจมตีระยะไกล พลังอันยิ่งใหญ่ของสไนเปอร์ซุ่มยิงของเราย่อมทำให้พวกเขาตกใจได้! พวกเขาสามารถดำเนินการอย่างระมัดระวัง ซึ่งจะทำให้เราย่นระยะเวลาออกไปได้สามชั่วโมง จนถึงตอนนั้นก็คงหนีได้สำเร็จแล้ว”

ทั้งสามคนกำลังคุยกันอยู่บนยอดเขา ในระยะต่ำกว่าลงมามีชายผิวขาววัยกลางคนกับกล่องหนักกำลังดิ้นรนเพื่อปีนขึ้นไปบนภูเขาสูงชันพร้อมกับหนูยักษ์ที่กำลังนำทางอยู่ข้างหน้าเขา

สามคนที่อยู่บนยอดเขากำลังคุยกันอยู่ จู่ๆ ก็หยุดพูดทันที

“ใครบางคนน่าจะมาถึงแล้ว ฉันจะไปเขาขึ้นมา” หลังจากที่ชายชราพูดจบ เขาก็หายตัวและออกจากยอดเขาไป

ไม่นานชายชราก็ปรากฏตัวขึ้นที่ถนนบนภูเขา หยิบกล่องนั้นขึ้นมา ยกมันขึ้นโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ แล้วพูดกับหนูยักษ์ว่า “กลับไปบอกเจ้านายของพวกเจ้าว่าหากเรื่องในครั้งนี้จบลงก็ถือว่าพวกเขาได้ตอบแทนแล้วต่อจากนี้หนี้ของเราหายกัน”

หนูยักษ์ดูเหมือนจะเข้าใจคำพูดของมนุษย์ มันพยักหน้าและวิ่งลงจากภูเขา

ชายชราหายตัวอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลับมาอยู่บนยอดเขาอีกครั้ง

เขาวางชายผิวขาววัยกลางคนและกล่องหนักลง ชี้นิ้วไปที่หน้าอีกฝ่าย “นายคือโรเบิร์ตยักษ์คนนั้นน่ะเหรอ?”

ดวงตาของชายวัยกลางคนผิวขาวเกิดความสงสัยขึ้น นิ้วโป้งมือขวาชี้มาที่ตัวเองและพูดเป็นภาษาจีนที่ทื่อเล็กน้อยว่า

“ไร้สาระ” เหล่ยเจวี๋ยต้งเข้ามาและตบไหล่เขา “มีใครที่นี่จะถามอีกไหม?”

ชายผิวขาววัยกลางคนพยักหน้า “ถ้าคุณไม่เติมคำว่า ‘ยักษ์’ นั่นมาด้วย ก็คงจะใช่ฉันแหละ ชื่อเต็มของฉันคือต้าเว่ยโรเบิร์ต พอดีฉันชอบใช้นามสกุลเป็นภาษาจีนน่ะ ทุกท่านสามารถเรียกฉันว่าโรเบิร์ตต้าเว่ยหรือเรียกง่ายๆ ว่าโรเบิร์ตหรือต้าเว่ยก็ได้”

“สามชื่อมากเกินไป ต่อจากนี้ไปนายจะถูกเรียกว่า โรเบิร์ตยักษ์เข้าใจไหม?” ชายชราพูดอย่างหงุดหงิด “แอนเดอร์สันบอกนายแล้วใช่ไหมว่าต้องทำอะไร?”

โรเบิร์ตยักไหล่และพูดอย่างเฉยเมย “อ่าห้ะ เอาที่คุณสบายใจเถอะ แอนเดอร์สันบอกว่าตราบใดที่ฉันเชื่อฟังคำสั่งของคุณไม่ว่าจะให้ฆ่าคนหรือปีศาจ เขาจะขอให้ใครสักคนช่วยรักษาลูกสาวของฉันที่ป่วยระยะสุดท้ายและให้เงินก้อนโตแก่พวกเรา”

ชายชราพอใจ “ก็นะ โรเบิร์ตยักษ์ แกเป็นคนว่าง่าย ลูกสาวของแกจะอยู่รอดได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของแกตอนนี้แล้วล่ะ ควรรู้ไว้นะว่าเราไม่ใช่คนธรรมดา ถ้ากล้าหือกับพวกเราอย่าหวังว่าจะหนีรอดไปได้”

โรเบิร์ตยืนนิ่ง ท่าทางเคร่งขรึม “ผมจะทำตามที่คุณสั่งทุกอย่าง”

เมื่อเห็นพลังงานที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีของอีกฝ่าย ชายชราก็พยักหน้า ในขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณไปยังอีกสองคนอย่างลับๆ

ชายชรา “เขาดูใช้ได้เลย หากเขาสามารถจับคู่ความแข็งแกร่งของวิชาทดสอบก่อนหน้าของเราได้ ก็ควรเก็บเขาไว้และใช้เขาในครั้งต่อไป”

เหล่ยเจวี๋ยต้ง “ได้เลย พลังแห่งสไนเปอร์ซุ่มยิงไม่มีวันถึงขีดจำกัดอยู่แล้ว”

เฉียงเวย “ฉันไม่ขอออกความเห็น ขอดูฝีมือก่อน”

หลังจากที่ทั้งสามพูดคุยกันแล้ว พวกเขาก็ออกคำสั่งกับโรเบิร์ตทันที “อืม โรเบิร์ตยักษ์ยืนนิ่งๆ แบบนี้แหละ อย่าตกใจเมื่อเห็นอะไร อย่าพูด แค่ทำตามคำสั่งของเราก็พอ”

โรเบิร์ตยังคงนิ่งและพูดว่า “ตามที่ท่านต้องการครับ!”

เขาทำในสิ่งที่พูด ขณะที่มองชายชราร่างเตี้ยสั่นกาย ก่อนจะแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหวใดๆ

จากนั้น หมอกสีดำก็พุ่งออกมาจากร่างของชายชรา สิ่งนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุก หลังจากหมอกสีดำลอยออกมา ทั้งหมดก็พุ่งเข้าใส่ดวงตาของโรเบิร์ต ความเร็วของมันไม่มากนัก แต่โรเบิร์ตไม่แม้แต่จะกระพริบตาเพื่อหลบซ่อนได้

ชายชราดูเหมือนจะอ่อนแรงลงมากในทันใด เขายังคงไออยู่ จากนั้นจึงก้าวออกไปนั่งขัดสมาธิบนก้อนหิน เขาไม่พูดอะไรอีกเพียงกวักมือไวๆ ให้เหล่ยเจวี๋ยต้งออกมาข้างหน้า

“เอาล่ะ ตอนนี้ลองมองใต้ยอดเขาไปทางนั้นสิ” เหล่ยเจวี๋ยต้งโบกมือให้อีกฝ่ายเดินมาแล้วชี้ไปทางอัศวิน A “ฝั่งแม่น้ำทางนั้น เห็นชัดไหม?”

โรเบิร์ตเดินเข้ามาและมองไปในทิศทางที่อีกฝ่ายชี้ สีหน้าของเขาประหลาดใจและตื่นเต้นมาก “คาถาเวทมนตร์สินะ ด้วยกล้องส่องทางไกลจากปืนสไนเปอร์ไม่สามารถเห็นได้ขนาดนี้ แต่ตอนนี้มองเห็นชัดเจนด้วยตาเปล่า! แอนเดอร์สันไม่ได้โกหกฉัน พวกคุณมีความสามารถในการรักษาลูกสาวของฉันได้แน่นอน”

“หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว” เหล่ยเจวี๋ยต้งมองอย่างเหลืออด “บอกผมมา แกเห็นอะไรบ้าง”

โรเบิร์ต “มีหมาดำตัวหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้า ยังมีอีกเจ็ดคน หนึ่งในนั้นมีชายผู้หล่อเหลากำลังนั่งอยู่บนก้อนหินเพียงลำพัง”

เหล่ยเจวี๋ยต้งมีความสุขเมื่อได้ยินดังนั้น “ถึงแม้จะพลาดไปหนึ่งอัน แต่นั่นก็ไม่สำคัญ นายเป็นมือปืนระดับพระกาฬจริงๆ สามารถมองเห็นว่าเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ใดได้ในพริบตา ชายหนุ่มรูปงามคนนั้นชื่ออัศวิน A หมาดำตัวนั่นเป็นสุนัขปีศาจ นายไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อของมันหรอก แค่รู้ว่ามันคือสุนัขของอัศวิน A ก็พอ”

โรเบิร์ตพยักหน้า

………………………………………………..

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

Status: Ongoing

จู่ๆ ก็มีดาวตกพุ่งลงมาที่โลก ทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย

แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นกลับทำให้ 'ฟางหนิง' หัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนสลบไป

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขามีระบบ ขณะที่กำลังจะดีใจว่าในที่สุดก็มีขาทองคำมาให้เกาะ

เจ้าระบบนั่นกลับประเมินว่าเขาเป็นโรคขี้เกียจระยะสุดท้าย ปล่อยไว้ไม่มีทางเจริญก้าวหน้า

และทำการยึดครองร่างของเขาซะงั้น!?

...

จากหนุ่มโอตาคุผู้แสนจะขี้เกียจที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

กลับต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมตนเองเป็นฮีโร่คอยปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย

ปกป้องเมืองที่ตนอยู่อาศัย และฝึกวิทยายุทธ์เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดนิ้วทองคำของระบบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท