บทที่ 136 แกล้งสู้พังเวที สู้จริงพังบ้าน!
เมื่อพิธีกรประกาศให้ผู้แข่งขันเข้าไปในสนามแล้ว ทั้งสองก็เดินเข้าไปยังเวทีครึ่งวงกลมที่ลอยอยู่พร้อมๆ กัน พวกเขาเดินเข้ามาแล้วประตูทางเข้าที่อยู่ด้านหลังก็ปิดลงทันที
สิ้นเสียงของพิธีกร ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองก็วิ่งไปที่ประตูเล็กตรงกลางเวที
เขาเพิ่งจะมุดเข้าประตูเล็กก็ปิดลงทันทีเช่นกัน
ผู้ชมจำนวนมากหัวเราะท่าทางน่าขันของเขา แต่ผู้ชมหน้าเก่าส่วนใหญ่ไม่หัวเราะ แววตากลับแสดงความเห็นอกเห็นใจ
“พิธีกรคงจะรู้สึกตกใจกับออร่าของผู้เข้าแข่งขันที่เข้ามาในสนามจนแทบบ้าสินะ” ใครบางคนอธิบายให้ผู้ชมหน้าใหม่ข้างๆ ฟัง
ขณะนี้พิธีกรยืนอยู่ด้านนอกเวทีครึ่งวงกลมกลางอากาศ เห็นได้ชัดว่าพิธีกรคนนี้ก็เป็นผู้วิเศษที่แข็งแกร่งมากเช่นกัน
ตอนนี้เขาเป็นพิธีกรนอกสนาม “เอาล่ะ ผู้แข่งขันสองท่านโปรดรอสักครู่ ขณะนี้บ่ายสามโมง ระยะเวลาแข่งขันแปดชั่วโมง สิ้นสุดเวลาห้าทุ่ม ผมจะทบทวนกติกาการแข่งขันอีกครั้ง”
“ประการแรก ตามกฎที่แจ้งให้ผู้เล่นทั้งสองทราบล่วงหน้า เมื่อผู้เล่นต้องการยอมแพ้ ไม่ว่าจะพูดออกมา ชูสองมือขึ้น หรือใช้วิธีการใดๆ ที่ตกลงกับเราไว้ล่วงหน้า เราจะยุติการแข่งขันทันที
“ประการที่สอง ฝ่ายได้เปรียบในการต่อสู้ห้ามสังหารคู่ต่อสู้ ไม่เช่นนั้นจะมีผลการส่งเทียบเชิญของเราในครั้งต่อไป เอาล่ะ กติกาง่ายๆ แค่นี้ เริ่มการแข่งขันอย่างเป็นทางการได้!!”
เวลานี้ หนานคุนสวมกระดองสีเหลืองเข้มขึ้นไปบนเวที
เมื่อได้ยินว่า “เริ่มแข่ง” เขานั่งลงบนพื้น นิ้วก้อยชี้อัศวิน A พลางพูดขึ้นว่า “มาๆ ดูสิว่าแกจะสู้ได้นานแค่ไหน! จะทำลายเกราะธรรมชาติของฉันได้ไหม!”
อัศวิน A ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าและเริ่มต่อสู้ในทันที ร่างของเขากลับลอยขึ้นไปกลางอากาศ
ผู้ชมต่างพากันตื่นเต้น หลายคนควักกล้องส่องทางไกลออกมาแล้วส่องขึ้นไปทางด้านบน
หลังจากเสียง “ติ๊ง” ดังขึ้น เวทีที่เงียบไปนานก็พลันมีเสียงเพลงประกอบดังขึ้นข้างอัศวิน A
ได้ยินเสียงดนตรีประกอบ ผู้ชมแต่ละคนก็ไม่แปลกใจแต่เริ่มตื่นเต้น
เพราะคลิปแนะนำตัวก่อนแข่งขัน ทุกการต่อสู้สำคัญของอัศวิน A จะนำเสียงเพลงประกอบแบล็กกราวด์ของตัวเองมาเล่นเปิดฉาก…
และหลังจากที่เสียงดนตรีดังขึ้น เสียงสง่างามของอัศวิน A ก็ตามมาติดๆ
“เจ้ามารร้าย! แค่ฝึกบำเพ็ญขั้นต้นก็ไม่แยแสชีวิตมนุษย์ ไม่รู้จักกฎเกณฑ์ ไร้ความปราณี วันนี้ฉันจะฟาดแกให้ยับเยิน !”
พิธีกรที่อยู่ข้างนอกถึงกับอึ้ง เขารู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนการแข่งขันแล้ว หนานคุนบุกเข้าไปในห้องรับรองของอัศวิน A เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ซึ่งเป็นการละเมิดกฎอย่างร้ายแรง
น่าเสียดายที่ตอนนี้พวกเขามีวิธีจัดการกับผู้แข็งแกร่งระดับ A ไม่มากนัก แม้ว่าจะแยกห้องพักผ่อนของผู้แข่งขันแล้ว แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะมีวิธีการลึกลับมากมาย การแยกห้องไม่อาจป้องกันอะไรได้เลย
ผู้ชมต่างจากพิธีกร หลังจากฟังคำนั้นของอัศวิน A ก็พากันกู่ร้องอย่างตื่นเต้น
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
สิ้นเสียงของอัศวิน A ปราณแท้สีน้ำเงินก็ระเบิดออกมาจากข้างหลังของเขาแผ่ไปครึ่งหนึ่งของเวที
ปราณแท้ไม่ได้รวมตัวเป็นรูปร่างมังกร แต่กลายเป็นรูปทรงกระบี่ คมกระบี่หันออกไปด้านนอกและด้ามกระบี่หันเข้าด้านใน ก่อตัวเป็นทรงกลมยักษ์ แม้จะไม่ได้ใช้กล้องส่องทางไกลก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ปราณกระบี่คมกริบมาก มองจากระยะไกลเหมือนกับกระบี่จริงไม่มีผิดเพี้ยน
ปราณกระบี่นี้น่าเกรงขามมาก รัศมีของมันทะยานขึ้นไปกลางอากาศ หากเวทีการแข่งขันครึ่งวงกลมไม่ปิดสนิทตัดขาดกับภายนอก เกรงว่าจะมีเพียงไม่กี่คนที่มองปราณกระบี่ตรงๆ ได้
“โอ้!!” ทุกคนอ้าปากค้าง เดิมทีพวกเขาคิดว่าอัศวิน A จะกลายเป็นมังกรเพลิงเหมือนกับในคลิปแนะนำแล้วพ่นไฟเผาผลาญ
แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายใช้กระบวนท่าที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน มันทรงพลังมากจนน่าตื่นตะลึงยิ่งกว่าภาพในคลิปแนะนำเสียอีก
เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้แข่งขัน ในตอนเริ่มต้นหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดจึงถูกปิดเสียง เหลือเพียงตัววิ่งคำบรรยายภาษาจีนและภาษาอังกฤษเท่านั้น
ผู้ชมบางคนไม่เข้าใจจึงหันหน้ามองคำอธิบายจากหน้าจอยักษ์
“มังกรตะวันออกใช้กระบี่เป็นครั้งแรก เรื่องนี้เราได้เชิญแขกพิเศษมาอธิบายด้วย เชิญผู้อาวุโสหลินอวี้ผู้ท้าชิงทายาทของสำนักกระบี่หยกรุ่นที่ 38 ของเสินโจวมาอธิบายให้เราฟัง”
ชายชราผมขาวถือกระบี่หยกปรากฏตัวขึ้นบนหน้าจออิเล็กทรอนิกส์พร้อมรอยยิ้มตาหยี
จากนั้นคำบรรยายบนหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ก็เปลี่ยนเป็นภาษาจีนและภาษาอังกฤษ
“หนานคุนเก่งเรื่องการป้องกันมาก เขามีพลังพิเศษป้องกันตามธรรมชาติ ตอนนี้กระดองสีเหลืองเข้มบนตัว น่าสนใจมากทีเดียว ว่ากันว่าครั้งหนึ่งเขาเคยรับคำเชิญของกองทัพประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อเข้ารับการทดลอง ขณะที่เขาระวังตัวเต็มที่นั้น ขีปนาวุธร่อนโทมาฮอว์กที่ติดหัวรบธรรมดาก็โจมตีเขาด้วยความแม่นยำ แต่มันก็ทำให้เขาบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
“อะไรนะ??”
เมื่อผู้ชมเห็นข้อมูลลับแบบนี้ก็รู้สึกประหลาดใจทันที พลังทำลายล้างของอาวุธชื่อดังอย่างขีปนาวุธร่อนโทมาฮอว์กได้รับการยอมรับในสงครามมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว เหลือเชื่อว่าจะมีคนรับมันได้ด้วยมือเปล่า
หลังจากเริ่มต้นยุคใหม่ ความรู้ทั่วไปในอดีตก็ถูกทำลายลงทีละอย่าง
“ตอนนี้ท่านเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณน่าจะรู้สึกได้ว่าเกราะของฝ่ายตรงข้ามคือปัญหา เขาจึงไม่ใช้กลยุทธ์การต่อสู้ที่เคยมีประสิทธิภาพ เปลี่ยนมาใช้ปราณกระบี่ที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนแทน
“นั่นพิสูจน์ให้เห็นว่าพลังโจมตีของปราณกระบี่แข็งแกร่งมาก สำนักกระบี่หยกของเราศึกษาวิชากระบี่ลึกซึ้ง ประวัติของสำนักสามารถสืบย้อนไปถึงราชวงศ์ฉินและฮั่น ช่วงสิบปีที่ผ่านมาบางคนฝึกฝนปราณกระบี่ได้จริง พวกเขาได้แสดงพลังซ้ำหลายต่อหลายครั้ง ตอนนี้ท่านเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณเลือกเปลี่ยนปราณแท้ของร่างกายทั้งหมดให้เป็นปราณกระบี่เพื่อโจมตี เพื่อพิสูจน์เรื่องนี้อีกครั้ง”
โฆษณาที่แทรกเข้ามาทำให้ผู้ชมเศรษฐีหลายคนวางแผนที่จะสอบถามเกี่ยวกับ “สำนักกระบี่หยก” หลังจบการแข่งขัน
ขณะที่ผู้อาวุโสหลินอธิบาย อัศวิน A ก็เคลื่อนไหวแล้ว
พลังปราณแท้รูปกระบี่มหาศาลกลางอากาศเรียงเป็นรูปวงกลม เหมือนกองทหารนับพันหันทิศทาง คมกระบี่พุ่งเข้าหาศัตรู มันคล้ายกับจานกลมโจมตีจากที่สูงเข้าใส่กระดองเต่านั่น
“ปัง” ปราณกระบี่พุ่งเร็วที่สุด ท่ามกลางสายตากังวลของทุกคน มันโจมตีกระดองสีเหลืองเข้มเป็นครั้งแรก
“ฟิ้ว” ปราณกระบี่นั้นหายไปไร้ร่องรอยทำให้ผู้ชมผิดหวังไม่น้อย
ผู้อาวุโสหลิน “ทุกคนไม่ต้องผิดหวังไป นี่แสดงให้เห็นว่าความสามารถของหนานคุนสมกับชื่อเสียงแล้ว ปราณกระบี่ทำอะไรเขาไม่ได้เลย แต่ด้วยประสบการณ์ต่อสู้เต็มเปี่ยมของมังกรแห่งจิตวิญญาณ น่าจะคิดอ่านวิธีได้โดยเร็ว”
เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะวินาทีต่อมาปราณกระบี่มหาศาลที่เคยพุ่งเข้าไปก็หยุดค้างกลางอากาศ
มันไม่ได้รับผลกระทบจากกฎความเฉื่อยเลย พวกมันรักษาระยะห่างไม่รวมตัวกันโจมตีอีกต่อไป แต่จัดทัพเรียงกันเป็นแถวพุ่งเข้าหากระดองสีเหลืองเข้ม
ราวกับห่าฝนกระทบใบกล้วย ปราณกระบี่มหาศาลก็ตกลงมาใส่เกราะสีเหลืองเข้มอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสหลิน “ดูสิ ท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณกำลังทำลายจุดอ่อน ผู้ชมอาจไม่เข้าใจ ผู้กำกับช่วยซูมภาพ ดูตรงนี้หน่อย!
“ตอนนี้ตำแหน่งโจมตีของปราณกระบี่แต่ละสายตกลงที่จุดเดียวกัน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นนักกระบี่ควบคุมปราณกระบี่ได้แม่นยำขนาดนี้”
เพียงแต่หลังจากที่ปราณกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนชนเข้าพร้อมกันที่จุดเดียวกัน กระดองสีเหลืองเข้มก็ยังคงไม่หวั่นไหวเช่นเดิม
มีเพียงสีที่จืดจางลง แต่หลังจากที่หนานคุนแหงนหน้าคำรามแล้ว สีของกระดองทั้งหมดก็กลับคืนมา
หนานคุน “ฮ่าฮ่า แกมีกระบวนท่าแค่นี้เองเหรอ ถ้าฉันป้องกันแม้แต่ลูกไม้นี้ไม่ได้ ฉันจะกล้าโจมตีราชาอันดับมืดได้ยังไง ความเสียหายเบาบางขนาด ไม่ระคายเคืองเลยสักนิด ขออะไรที่รุนแรงกว่านี้หน่อยสิ!”
ผู้อาวุโสหลิน “ดูสิหนานคุนกำลังจะใช้กลยุทธ์ประจำตัวอีกแล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดามากในเกมบาสเก็ตบอลหรือฟุตบอล เขาโจมตีด้วยคำพูด เพื่อทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ไม่พอใจ ในการต่อสู้หลายครั้งที่ผ่านมา ฝ่ายตรงข้ามหลายคนทนคำพูดของเขาโจมตีไม่ได้ จิตใจสั่นคลอน จึงต้องการรวบรวมกำลังเพื่อโจมตีสุดกำลัง แต่มักจะเปิดเผยจุดอ่อนระหว่างสะสมพลัง ด้วยเหตุนี้จึงถูกเขาฉกฉวยโอกาสโต้กลับได้สำเร็จ พวกเราทำได้เพียงหวังว่าท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณจะไม่หลงกล”
ผู้จัดการของหนานคุนที่อยู่นอกเวที “ผู้บรรยายรับเชิญคนนี้ไม่ยุติธรรมและไม่มีความเป็นกลาง เขาดูถูกหัวหน้าของเรา…”
พิธีกรโบกมือ “เงียบก่อน ดูการแข่งขันก่อน เรื่องร้องเรียนค่อยคุยพรุ่งนี้”
ตอนนี้ดูเหมือนอัศวิน A จะไม่เห็นการเตือนด้วยความหวังดีของนายหลินเลย เขาพยายามโจมตีสุดกำลัง
ปราณกระบี่ทั้งหมดที่อยู่ข้างหลังเขาหยุดโจมตี แต่ละเล่มรวมตัวกัน ปราณกระบี่ที่แข็งแกร่งและใหญ่ขึ้นดูเหมือนกำลังก่อตัว
ไม่เพียงแค่นั้น ปราณแท้ที่มีรูปร่างมังกรก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศโอบล้อมปราณกระบี่ที่กำลังสะสมพลังเช่นกัน
เพียงแค่เห็นกระบวนการนี้ก็รู้ว่าหลังจากก่อตัวแล้วพลานุภาพจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
หากแต่หนานคุนกลับไม่ได้ฉวยโอกาสตอบโต้กลับ จู่ๆ เขาก็แหงนหน้าคำราม กระดองสีเหลืองเข้มบนตัวพลันพองออกพร้อมกัน ขยายใหญ่ยักษ์ในพริบตา
…………
ตอนนี้ผู้ชมบางคนสวมหน้ากากและหมวกปิดบังใบหน้าแน่นหนาแล้ว
พวกเขาคอยดูสถานการณ์ต่อสู้ตรงหน้าจากจอใหญ่อิเล็กทรอนิกส์เป็นครั้งคราวพร้อมกับผู้ชมคนอื่น ผู้ชมคนนี้ไม่เคยมองหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ เขาใช้กล้องส่องทางไกลจับตาใกล้ชิดมองสองคนบนเวทีตลอดเวลา
พอเขาเห็นกระดองสีเหลืองเข้มบนร่างของหนานคุนขยายตัวอย่างรุนแรง แววตากระหยิ่มยิ้มย่องก็แวบออกมา
เวลาผ่านไปแต่ละนาทีแต่ละวินาที อัศวิน A ยังคงรวมปราณกระบี่ไม่หยุด
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงปราณกระบี่ที่อัศวิน A สะสมถึงจึงก่อตัวขึ้นและไม่เปลี่ยนแปลงอีก บัดนี้มันยาวห้าสิบเมตรแล้ว!
ปราณกระบี่รวมตัวกันได้ความยาวถึงขนาดนี้ ไม่ต้องใช้กล้องส่องทางไกลก็มองเห็นชัดเจน ฉากนี้ทำให้ผู้ชมตื่นตะลึงพูดไม่ออก ไม่มีใครคาดเดาได้ว่ามันมีพลานุภาพเท่าไหร่กันแน่ มันจะไม่ทำให้เวทีแข่งขันพังใช่ไหม
ระหว่างการกำเนิดปราณกระบี่ ผู้อาวุโสหลินก็เงียบกริบ กระทั่งปราณกระบี่ยาวเหยียดได้ก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ เขาถึงค่อยอธิบายอีกครั้ง
“วิชากระบี่สวรรค์! วิชากระบี่สวรรค์แน่นอน! รวบรวมปราณกระบี่มหาศาลเป็นกระบี่สวรรค์ พลังโจมตีจะต้องไม่มีใครเทียบได้! คำเตือนพลังงานสูงอยู่ข้างหน้า ทุกคนควรเตรียมใจให้พร้อม!!”
ขณะที่เขาอธิบาย ผู้ชมในหอประชุมก็หันกล้องส่องทางไกลไปในทิศทางที่ถูกต้อง พวกเขาย้ายจากเวทีแขวนกลางอากาศแล้วมองไปรอบๆ สังเกตความเคลื่อนไหว
ตอนนี้เขาเห็นเนื้อหาคำบรรยายบนหน้าจอยักษ์พอดี ตอนนั้นเองแววตาเกิดความสงสัยแวบหนึ่ง
หลังจากที่ปราณกระบี่ยาวเหยียดก่อตัวขึ้นมันกลับไม่ได้โจมตีทันที แต่หมุนช้าๆ กลางอากาศ ราวกับมันตั้งใจให้ทุกคนมองเห็นได้ชัดเจน
ตอนนี้หลายคนพากันเริ่มถ่ายภาพ แฟลชกล้องถ่ายรูปสว่างไสว
บัดนี้ หน้าจอขนาดใหญ่ฉายภาพระยะใกล้ของปราณกระบี่รูปมังกร ปราณกระบี่มหึมายาวประมาณ 50 เมตรเป็นสีน้ำเงินทั้งหมด บนกระบี่มีปราณรูปมังกรเก้าตัว อานุภาพมังกรช่างน่าเกรงขามจนไม่สามารถมองตรงๆ ได้ พลังของมันมหาศาลมาก
สิบนาทีต่อมา ราวกับรอให้ทุกคนได้เห็นถ้วนทั่ว ปราณกระบี่รูปมังกรก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าช้าๆ แล้วเร่งความเร็วดิ่งพสุธาลงไป
ฉากนี้ราวกับฉากในภาพยนตร์สงครามโลกครั้งที่สองที่มีเครื่องบินทิ้งระเบิดใส่เรือบรรทุกเครื่องบิน…
หากพูดถึงความยาวเพียงอย่างเดียว ปราณกระบี่รูปมังกรนี้ก็มีความยาวพอๆ กับเครื่องบินทิ้งระเบิด
หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที เสียงดังขวับก็ดังขึ้น ปราณกระบี่รูปมังกรก็พุ่งใส่กระดองสีเหลืองเข้มบนร่างของหนานคุนที่ใหญ่ขึ้นหลายเท่า
บัดนี้ผู้ชมที่กำลังใช้กล้องส่องทางไกลดูฉากนี้โดยละเอียด จู่ๆ ก็มีแสงสว่างจ้าส่องเข้ามาเต็มพื้นที่การมองเห็นของกล้องส่องทางไกล
หากพูดถึงเฉพาะความยาว ปราณกระบี่รูปมังกรมีความยาวพอๆ กับเครื่องบินทิ้งระเบิดเลยทีเดียว
“โอ๊ย!!” ผู้ชมหลายคนโยนกล้องส่องทางไกลทิ้ง ปิดตากรีดร้องเจ็บปวด
ความเจ็บปวดนี้เหมือนทหารที่ไม่ได้เตรียมตัวถูกลูกกระสุนยิงเข้าอย่างจัง
พริบตาต่อมา จู่ๆ ก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น
เสียงชนรุนแรงแสบแก้วหู ตามด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น เสียงดังอึกทึกครึกโครมราวกับฟ้าร้องคำรามสั่นสะเทือนจนหูแทบหนวก
หน้าจออิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ทั้งหมดพลันดับลงในพริบตา
บางคนชี้ไปที่ด้านบนพลางร้องตกตะลึงอกสั่นขวัญแขวน
“เวที เวทีกำลังจะตกลงมา!!”
ตอนนี้ผนังและพื้นเวทีครึ่งวงกลมที่แขวนกลางอากาศไม่โปร่งใสอีกต่อไป มันถูกปกคลุมไปด้วยสีเหลืองและมีร่องรอยของเลือดที่มองเห็นได้ชัดหลังจากสูญเสียความโปร่งใสไปแล้ว ทุกคนจึงค่อยเห็นความใหญ่โตของมัน มันคล้ายกับลานสวนสาธารณะใหญ่ เงาของมันทาบทับที่นั่งผู้ชมด้านล่าง
เวทียักษ์แตกเป็นเสี่ยงๆ ผนังทั้งสี่มีรอยแตกร้าว แกว่งไกวกลางอากาศทำท่าจะร่วงหล่นลงมา ราวกับว่ากำลังจะพังลงในพริบตา
ภายในพื้นที่ของระบบ ฟางหนิงที่แอบดูการต่อสู้อยู่ก็ตกตะลึงอ้าปากค้าง
“ไหนบอกว่าแกล้งสู้ไง ขนาดแกล้งสู้ยังพังเวที ถ้าสู้จริงไม่พังบ้านเหรอ”
ระบบ “อย่าเพิ่งพูดมาก ดูการแจ้งเตือนของระบบก่อนสิแล้วดูว่าตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหน”
ฟางหนิงหุบปาก แต่เมื่ออ่านการแจ้งเตือนก็ตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม
…………………………………………………………