เมื่อผมโดนระบบครองร่าง – บทที่ 140 ฉันใหญ่สุดในพื้นที่ระบบ

บทที่ 140 ฉันใหญ่สุดในพื้นที่ระบบ

บทที่ 140 ฉันใหญ่สุดในพื้นที่ระบบ
ฟางหนิงเข้าใจเรื่องกำกวมแบบนี้ดีมาก หากเจ้าของเรื่องแก้ตัวเรื่องก็จะยิ่งแย่กว่าเดิม อธิบายไปก็ไม่เป็นผล ด้านแอนเดอร์สันก็ออกไปอธิบายไม่ได้ ส่วนหนานคุนก็กลายเป็นอุปกรณ์ไปแล้ว ตายโดยไร้หลักฐานใดๆ

ฟางหนิงปลอบใจระบบ ผู้ท้าชิงระดับอาวุโสไม่ใช่คนโง่ พวกเขาไม่กล้าเสี่ยงที่จะท้าทายในขณะนี้

แต่ไม่มีกำแพงใดในโลกที่ไร้การรั่วไหล อย่างไรก็ต้องมีคนค้นพบความจริงว่าหนานคุนระเบิดตัวเอง ถึงตอนนั้นจะต้องมีใครสักคนกล้าออกมาแน่นอน อย่าประมาทแรงดึงดูดของเงินตราเด็ดขาด เพราะการถ่ายโอนทรัพยากรส่วนใหญ่ในโลกมนุษย์ขึ้นอยู่กับเงิน

ระบบได้แต่ฟังคำแนะนำจากฟางหนิง ไม่มีการแข่งขันอันดับมืดให้เล่นอีกแล้ว มันไปยังเมืองชั้นสี่ซึ่งอยู่ทางเหนือของเมืองฉีเพื่อเปิดแผนที่ต่อ แน่นอนว่าคราวนี้มันพาหมาดำไปทำงานด้วย

หลายวันต่อมา ผู้จัดงานการแข่งขันอันดับมืดก็ส่งคนมามอบรางวัลผู้ชนะ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐและเอกสารการฝึกฝนกองหนึ่งมาให้

รางวัลที่เสมือนตกลงมาจากฟ้าทำให้ระบบรู้สึกว่าการเดินทางนั้นคุ้มค่าอย่างยิ่ง แต่ขณะเดียวกันมันก็สับสนเล็กน้อย จึงคุยกับฟางหนิงในตอนที่กำลังจับปีศาจทำนองว่า “ขาดทุนแล้ว ต่อไปต้องแกล้งอ่อนแอหน่อย ต้องเรียนรู้วิธีหมูกินเสือในนิยายให้ดี โฮสต์รีบหากลยุทธ์ให้หน่อยสิ”

เมื่อเทียบกับระบบที่กำลังสับสนอยู่ขณะนี้ หมาดำไป๋หลี่กลับมีความสุขมาก

ในตอนแรกนายท่านบอกว่าจะไม่อยู่หนึ่งเดือน และหลังจากกลับมามันจะต้องเรียน ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ ให้เป็น และจู่ๆ ก็เรียกมันไปทดสอบพิธี ‘อัญเชิญมังกร’ ซึ่งหมายความว่ามันได้อู้การฝึกฝนชั่วคราว

มันพบว่าระยะนี้เมื่อตัวเองฝึกฝน ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ แล้วก็ต้องกลุ้มใจจนปวดหัว และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือเมื่อมันอ่าน ‘โลกแห่งสัตว์’ อีกครั้ง เจ้าหมาดำก็คล้ายจะหมดความสนใจในสุนัขสาวโดยสิ้นเชิง ราวกับต่อมความรู้สึกนั้นไม่รับรู้ไปแล้ว

อีกอย่างมันก็รู้สึกว่าหมาเหลืองเซวียปาตอนนี้ที่ฝึกฝนจนเข้าใจพื้นฐานแล้ว ดูเหมือนจะมีทีท่าแปลกไป เพราะเมื่อมันลองเอ่ยปากชวนไปหา ‘สุนัขสาว’ อีกฝ่ายกลับทำท่าเหมือนสุภาพบุรุษสุนัข น้ำลายไม่ไหล คำพูดก็ราบเรียบ ไม่มีท่าทางตื่นเต้นอย่างตอนแรก

แต่ไหนแต่ไรมานิสัยของเจ้าหมาเหลืองเซวียปาก็สุขุมเย็นชาไม่น้อย เกรงว่าเมื่อเป็นแบบนี้มันจะดึงดูดสุนัขสาวได้มากกว่าเดิมจริงๆ

แต่หลังจากไตร่ตรองเรื่องนี้อีกครั้ง เจ้าหมาดำก็ยังขี้เกียจอยู่ดี ถ้าเซวียปาฝึกฝนลึกซึ้งเกินไปจนหมดความสนใจในสุนัขสาว มันจะได้หาข้ออ้างในการเลิกฝึก

แน่นอนว่าระบบไม่รู้ความคิดอันฟุ้งซ่านของผู้ติดตาม มันแค่ทำตามกลยุทธ์ของฟางหนิง เปิดแผนที่ทีละขั้น ขั้นแรกต้องเชื่อมต่อดินแดนทางเหนือให้เป็นผืนเดียวและจัดการพื้นที่รอบๆ รังเก่าให้มั่นคง

ในเมื่อแหล่งผลิตพืชผลเพิ่มพลังอยู่ใกล้เมืองฉี จึงจำเป็นต้องสร้างการป้องกันที่ลึกและเพียงพอเพื่อป้องกันไม่ให้ใครเข้ามาขโมยและทำลายได้

ระบบไม่เข้าใจคำศัพท์หลายคำที่ฟางหนิงพูด แต่มันรู้เรื่องหนึ่ง ถ้าเป็นเรื่องสำคัญโฮสต์ไม่มีทางหลอกมัน

กลางดึกคืนหนึ่ง ในชุมชนแห่งหนึ่ง ณ เมืองชั้นสี่ อัศวิน A ทุบหัวขโมยที่พยายามจะบุกเข้าไปขโมยของในบ้านแล้วโยนมันเข้าไปในเข็มขัดสีเขียว

ระบบพูดกับฟางหนิง “การแข่งขันที่มีทั้งเงิน วัสดุ และยังได้รับชื่อเสียงประสบการณ์ ถ้ารู้แต่แรกคงไม่ใช้วิชากระบี่สวรรค์หรอก ไม่คิดเลยว่าจะเล่นได้แค่ครั้งเดียว สำนักงานสัจธรรมควบคุมเข้มงวดขึ้นทุกขณะ ไปตรงไหนก็จับได้แต่ปีศาจตัวเล็กๆ เซ็งชะมัด…”

ฟางหนิงไม่สนใจระบบที่บ่นพึมพำ ตอนนี้เขาไม่ว่าง… เพราะกำลังยุ่งอยู่กับเกมตรงหน้า

ในเมื่อระบบบ่นให้เขาฟัง ขอแค่เขาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินก็จบแล้ว…

ช่วงนี้ฟางหนิงยุ่งอยู่กับการจัดการกลยุทธ์การเติบโตของระบบ จึงไม่ค่อยมีเวลาได้เล่นเกมมากนัก

ตอนนี้เตรียมพร้อมไพ่ตายรักษาชีวิตแล้ว การโจมตีแบบทำลายตัวเองอันทรงพลังขนาดนั้นยังหลบหนีได้ทัน ในที่สุดฟางหนิงก็มีอารมณ์ที่จะเล่น ‘Beasts Fighting for Heroes’ อีกครั้ง ได้ข่าวว่าเกมนี้เพิ่งจะมีการอัปเดตครั้งใหญ่ด้วย

เขาเข้าไปท่องในฟอรั่มทางการของเกมก่อน ก็พบว่าเนื้อหาการอัปเดตครั้งนี้ไม่ธรรมดา ผู้เล่นทุกคนต่างพากันสนุกสนาน ในฟอรั่มเต็มไปด้วยความคิดเห็นในทิศทางที่ดี พวกเขาต่างก็ยกย่องนักพัฒนาเกม

ในกระทู้นับหมื่นกระทู้เหลือเชื่อว่าไม่มีสักคนเดียวที่ก่นด่า เรียกได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์เกมออนไลน์เลยทีเดียว ในอดีตไม่ว่าจะอัปเดตอะไรก็มีคนหาข้อผิดพลาดเล็กน้อยจนได้ แน่นอนว่าข้อความวิพากษ์วิจารณ์จะถูกลบในไม่กี่วินาที เพราะเบื้องหลังของเกมนี้ลึกมาก

ทุกคนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวว่าด้วยฟังก์ชั่นนี้ อนาคตจะ ‘นอนเล่น’ ได้จริงๆ ทั้งที่มันยังเป็นเพียงเกม 3D ธรรมดา…

ฟางหนิงรู้สึกคันไม้คันมือหลังจากอ่านความเห็นพวกนั้น เขารีบเข้าระบบทันที เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว ข้อความแจ้งการอัปเดตเกมก็ปรากฏขึ้น

“ผู้เล่นที่รัก คุณเป็นผู้ฝึกฝนที่ได้รับการตรวจสอบตัวตนที่แท้จริงแล้ว สามารถเปิดฟังก์ชันล่าสุดได้ โหมดการทำงานของเกมพลังจิต รายละเอียดวิธีการใช้งานมีดังนี้

หนึ่ง โปรดใช้พลังจิตที่คุณได้ฝึกฝนเพื่อท่องคาถาที่มีรหัสเฉพาะ รหัส XXFSAFA2332: ตาข่ายกว้างแต่ผ่านไม่ได้ หลวมแต่เล็ดลอดออกไปไม่ได้ หากเล็ดลอดไปได้ โปรดอัปเกรด…”

ฟางหนิงพูดไม่ออกเมื่อเห็นคาถานี้ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นคาถาแปลกประหลาดบางอย่าง และรหัสนี้ก็ผูกติดกับตนเอง ขอแค่อ่านรหัสได้ ก็ระบุได้ว่าเขาเป็นใคร

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฟางหนิงจึงรีบแปลงร่างเป็นมังกรขาวทันที ‘เฮ้อ…พอใช้หลายไอดีก็กังวล แต่ถ้าไม่ใช้หลายไอดีจะวางใจได้ยังไงล่ะ’

ถ้าเกิดถูกแบนขึ้นมาก็เปลี่ยนไอดีแล้วเล่นต่อได้เลย คนที่เล่นเน็ตมาหลายปีต่างรู้เรื่องนี้ดี

ฟางหนิงอ่านคาถานี้แต่ไร้การตอบสนองจากเกมแต่อย่างใด เขาจำได้ว่าครั้งก่อนที่เขาเปิดโมดูล ‘ฝึกฝน’ ก็ท่องหลายรอบถึงจะมีการตอบสนอง

เขาจึงอ่านต่อไปอีกสองสามครั้ง คราวนี้ก็มีปฏิกิริยาตอบสนองจากเกมจริงๆ

“ผู้เล่นที่รัก โปรดดำเนินการต่อ

สอง หลับตา ภาพเกมจะถูกส่งไปยังจิตใจของคุณในไม่ช้า หากคุณรู้สึกไม่สบายตัว กรุณาลืมตาทันทีเพื่อกลับสู่โหมดการทำงานปกติ”

ฟางหนิงหลับตาลง ไม่นานนักก็เห็นหน้าจอเข้าสู่ระบบของเกม ‘Beasts Fighting for Heroes’ ปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา

แต่ผ่านไปพักหนึ่ง จู่ๆ ฟางหนิงก็ลืมตาขึ้น

เขานึกถึงคำถามหนึ่งขึ้นมา นั่นคือตอนที่เขาเล่นเกมไอคิวของเขาจะลดลงถึงระดับของระบบหรือไม่

ทำไมต้องเชื่อฟังคำแจ้งเตือนของเกมนี้ ‘หลับตา’ เท่านั้น

แต่เขากลับหลับตาไม่ได้ เพราะระบบกำลังใช้งานอยู่…

ถ้าหากเขาทำตามคำแจ้งเตือนของระบบ ‘หลับตาสองข้าง’ ระบบก็จะโมโหแน่ แล้วก็ต้องตัดอินเทอร์เน็ตและไฟฟ้าของเขาแน่นอน…

ตนเองมักจะใช้พลังจิตดูสิ่งต่างๆ คุ้นเคยมานานแล้ว ตอนนี้ตัวเองเก็บตัว คือใบหน้าที่รวมขึ้นเป็นรูปร่างจากพลังจิตของมังกรขาว จะว่าไปแล้วนี่ก็ไม่ใช่กายเนื้อจริงๆ

แน่นอนว่าหลังจากที่ฟางหนิงลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็ยังรู้สึกว่าหน้าจอเกมฉายชัดอยู่ในใจเขา

เขาเริ่มควบคุมมันอย่างง่ายดายทันที เมื่อเทียบกับคนอื่น เขาใช้พลังจิตเล่นเกมและอ่านนิยายมาตลอดครึ่งปี ความชำนาญนั้นย่อมเต็มเปี่ยม

‘เอ๊ะ ดูเหมือนว่าหลังจากอัปเดตแล้ว เราจะเล่นเกมนี้อีกครั้งได้ ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกระบบตัดอินเทอร์เน็ตและไฟแล้วสินะ’ จู่ๆ ฟางหนิงก็นึกถึงข้อดีขึ้นมาได้

“ฮ่าฮ่าฮ่า!” หลังจากที่ฟางหนิงเข้าใจแล้วก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ด้วยเหตุนี้ ระบบงี่เง่านั่นก็จะไม่สามารถควบคุมเขาได้อีก เขาไม่ต้องถูกมันกดขี่ข่มขู่อีกต่อไป

ฟางหนิงสบายใจทันทีและเริ่มจับบอส

‘เฮ้อ…แต่จะว่าไป การควบคุมพลังจิตก็ทำได้เร็วมาก ถึงความคิดของมนุษย์จะเร็วขนาดไหน แต่ก็ยังห่างไกลจากความเร็วของเมาส์ และคีย์บอร์ดที่ควบคุมด้วยมือ’

ปัญหาเดียวคือคนธรรมดาไม่อาจเรียนรู้ได้ทันที พวกเขาต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะปรับตัวเคยชินกับมัน

กระนั้นฟางหนิงกลับไม่มีปัญหานี้เลย เขาปรับตัวได้ในทันที ด้วยวิธีนี้ การควบคุมเกมที่เดิมทีก็ไม่ธรรมดา สำหรับเขาแล้วจึงกลายเป็นเรื่องง่ายๆ

การโจมตีของบอสกลายเป็นภาพช้าต่อหน้าเขา หากเกมไม่มีความเร็วจำกัด เขาก็จับบอสได้แน่นอน…

ฟางหนิงฮัมเพลง แล้วจับบอสแต่ละตัวอย่างสบายใจ เมื่อเห็นระดับของเขากลับมาอย่างรวดเร็ว ปากก็หัวเราะออกมาเบาๆ เป็นครั้งคราว

ระบบพูด “โฮสต์ ทำไมถึงหัวเราะคิกคักตลอดเวลา ระบบสัมผัสได้ถึงความคิดรุนแรง คล้ายจะบอกว่าต่อไปนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตัดไฟและอินเทอร์เน็ตแล้ว”

ฟางหนิงเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ “ใช่แล้ว ตอนนี้ฉันสามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์เกมด้วยพลังจิตได้ อีกฝ่ายส่งหน้าจอเกมให้พลังจิตของฉันได้โดยตรง ไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อกลาง แน่นอนว่าไม่ต้องกลัวแกตัดไฟและอินเทอร์เน็ตแล้ว เกมนี้ยังมีฟอรั่มติดตั้งข้างในด้วย เข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านฟอรั่มได้ ต่อไปนี้ฉันก็จะเป็นอิสระ อย่าคิดเอาเรื่องตัดเน็ตมาข่มขู่ฉันอีก…”

ระบบ “อ้อ เมื่อไม่กี่วันก่อนระบบเพิ่งพูดไปไม่ใช่เหรอว่าระบบใหญ่ที่สุดในพื้นที่ระบบ”

ฟางหนิงรู้สึกว่าท่าจะไม่ดีแล้ว “แกจะทำอะไร”

การแจ้งเตือนของระบบ: การเชื่อมต่อพลังจิตข้ามมิติของโฮสต์ถูกตัด

ฟางหนิงอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก “ทำไมแกถึงโหดเหี้ยมขนาดนี้…”

ระบบ “ระบบฆ่าปีศาจแล้วไม่สนุก โฮสต์ก็อย่าคิดว่าตัวเองจะสนุกอยู่คนเดียวได้เลย…”

ฟางหนิงเพิ่งฆ่าบอสใหญ่ได้ และกำลังคิดถึงระเบิดเมื่อครู่ที่ใช้ไป

เขารีบพูดขึ้น “ฉันกำลังทำการทดสอบสำคัญ รีบคืนการเชื่อมต่อพลังจิตของฉันมาเร็วๆ ไม่รู้เหรอเทคโนโลยีนี้มีประสิทธิภาพมาก ตอนนี้ถึงจะไม่รู้รายละเอียดของมัน แต่อนาคตเมื่อต้องเจอแอปพลิเคชันกลายพันธ์ของมัน เราอาจจะเสียเปรียบครั้งใหญ่ก็ได้”

ระบบ “โฮสต์ไม่ได้หลอกใช่ไหม”

ฟางหนิง “แน่นอนว่าไม่ใช่ ลืมที่แอนเดอร์สันเคยพูดเรื่องเทคโนโลยีการแปลงสัญญาณพลังจิตกับสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์แล้วเหรอ เกมนี้ต้องใช้เทคโนโลยีประเภทนี้แน่ ไม่อย่างนั้นภาพของเกมคงไม่อาจใช้แค่สมองคิดออกมาได้หรอก ต้องสร้างจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น เซิร์ฟเวอร์เกมแน่นอน แล้วใช้เทคโนโลยีนี้แปลงสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์เป็นสัญญาณพลังจิตส่งไปให้พลังจิตของผู้เล่นรับ…”

ระบบ “ขออภัย ระบบเป็นระบบด้านต่อสู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่โฮสต์กำลังพูดถึงนั้นซับซ้อนเกินไป ไม่เข้าใจสักนิด ช่วยยกตัวอย่างหน่อย”

ฟางหนิง “แกเสแสร้งไปเถอะ…ยกตัวอย่างก็ได้ แกเคยเห็นดินแดนมรดกไหม สัตว์ประหลาดในนั้นร้ายกาจขั้นสุด แกบอกเองว่าพวกมันแต่ละตัวเหนือกว่าแอนเดอร์สัน

“ถ้าหากพวกเขาใช้เทคโนโลยีการควบคุมพลังจิตแบบนี้เพื่อสร้างอาวุธทรงพลังชุดหนึ่ง ให้ผู้คนควบคุมเพื่อโจมตีจากระยะไกล ในแง่ของความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพ โดรนและขีปนาวุธไม่อาจเทียบได้ ในเมื่อตอนนี้สติปัญญาการต่อสู้ของ AI ยังห่างชั้นกับมนุษย์”

ระบบ “โฮสต์พูดมาตั้งนานสองนาน ไม่ใช่แค่ก็อปปี้กลไกมนุษย์ที่ระบบสร้างหรอกเหรอ มันควบคุมจากระยะไกลได้ด้วยพลังจิต มนุษย์กลไกของระบบเจ๋งมาก”

ฟางหนิงยอมแพ้ “พวกเขาผลิตเชิงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ได้ แกสร้างมนุษย์กลไกได้สักกี่คนล่ะ ตอนนี้ค่าของประสบการณ์พอได้มาก็ถูกใช้หมดไปอย่างรวดเร็ว เติมยังไงก็ไม่พอกับการฝึกของแก”

ระบบ “ก็จริง จะดูถูกเทคโนโลยีของพวกมนุษย์ไม่ได้สินะ งั้นโฮสต์รีบสืบรายละเอียดของเทคโนโลยีนี้สิ ว่ามันนำไปใช้ทำอะไรได้อีก”

ระบบแจ้งเตือน: การเชื่อมต่อพลังจิตข้ามมิติของโฮสต์ได้รับการฟื้นฟู

เกมแจ้งเตือน “การเชื่อมต่อพลังจิตของผู้เล่นในโลกมังกรถูกขัดจังหวะกะทันหัน ตัดสินว่าผู้เล่นออฟไลน์ ตัวละครในเกมของคุณเสียชีวิต ขอให้คุณมีความสุขกับประสบการณ์โหมดการทำงานของเกมพลังจิตครั้งแรก”

จะมีความสุขได้ไง ฟางหนิงมองการแจ้งเตือนของเกมก็พูดไม่ออก ก่อนจะเข้าสู่ระบบเกมอีกครั้ง

ระบบ “เมื่อกี้เรื่องที่โฮสต์พูดขึ้นมาทำให้ระบบนึกได้ว่า ตอนนี้ยังมีที่ดีๆ ให้จับปีศาจ…”

ฟางหนิงไม่สนใจ “ตอนนี้อยากไปจับตรงไหนก็ไปเลย อย่าลืมบอกให้เจ้าหมาดำทำพิธีอัญเชิญมังกรด้วยล่ะ ตอนนี้อย่าเพิ่งกวนฉันเล่นเกมก่อน… ไม่สิ นี่คือการทดสอบเทคโนโลยีใหม่”

………………………………………………………

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

Status: Ongoing

จู่ๆ ก็มีดาวตกพุ่งลงมาที่โลก ทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย

แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นกลับทำให้ 'ฟางหนิง' หัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนสลบไป

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขามีระบบ ขณะที่กำลังจะดีใจว่าในที่สุดก็มีขาทองคำมาให้เกาะ

เจ้าระบบนั่นกลับประเมินว่าเขาเป็นโรคขี้เกียจระยะสุดท้าย ปล่อยไว้ไม่มีทางเจริญก้าวหน้า

และทำการยึดครองร่างของเขาซะงั้น!?

...

จากหนุ่มโอตาคุผู้แสนจะขี้เกียจที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

กลับต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมตนเองเป็นฮีโร่คอยปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย

ปกป้องเมืองที่ตนอยู่อาศัย และฝึกวิทยายุทธ์เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดนิ้วทองคำของระบบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท