เมื่อผมโดนระบบครองร่าง – บทที่ 124 ต่อให้ตายไปแล้ว ก็ต้องคิดทบทวนให้ดี

บทที่ 124 ต่อให้ตายไปแล้ว ก็ต้องคิดทบทวนให้ดี

บทที่ 124 ต่อให้ตายไปแล้ว ก็ต้องคิดทบทวนให้ดี!
ฟางหนิงได้ยินคำพูดนั้น “โอ้ ก่อนหน้านี้ฉันไม่เข้าใจความสามารถของแกเลย…”

ระบบตอบ “โฮสต์แค่ขี้เกียจ”

ฟางหนิงตอบกลับ “แค่มีชีวิตมันก็ยากอยู่แล้ว เรื่ืองบางเรื่องไม่มีความจำเป็นต้องรู้หรอก…การทดลองแบบนี้จะว่าดีก็ดี แต่จะมีปัญหาอยู่สองประการ”

ระบบพูด “โฮสต์ไม่จำเป็นต้องพูดแบบนี้ อย่างแรกเป็นประเภทระดับนี้ของเฟิงเกินเซิง ทั้งหมดซ่อนไว้อย่างแน่นหนาแล้ว

“อย่างที่สองคือนี่คือพื้นที่ของระบบ และไม่มีพลังภายนอกสำหรับเฟิงเกินเซิงที่จะดูดซับและฝึกฝนได้ เขาไม่ได้ดีไปกว่าแอนเดอร์สันเท่าไหร่หรอก อีกอย่างเขาก็อยู่ได้อีกไม่นาน”

ฟางหนิง”ฉันมีวิธีแก้ปัญหาสำหรับอย่างแรกแล้ว แกรู้วิธีจัดการกับอย่างที่สองไหม?”

ระบบ “โฮสต์สามารถป้อนยาให้พวกเขากินได้ ระบบสามารถปรับแต่งน้ำอมฤตเพื่อเติมพลังให้พวกเขาดูดซับได้ อย่างไรก็ตาม โฮสต์ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน เพราะว่าจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบยาที่เก่าแก่มาผลิต อุตสาหกรรมพืชผลพลังที่เก่าแก่ของเรายังไม่ได้ลงทุน จึงต้องซื้อจากตลาดภายในของสำนักสัจธรรม”

ฟางหนิง “โอ้ แกไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แน่นอนว่าพวกเขาต้องพึ่งพาตนเองเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์เดิมและพัฒนาให้ดีขึ้น แกเองก็ลืมไปแล้วว่าตอนนี้ฉันเล่นเกมหาเงินได้? ดึงพวกเขาเข้าไปในกิลด์ที่ฉันอยากจะสร้าง และกดทองให้ฉันทุกวันก็พอ”

ระบบ “โฮสต์ คุณพิจารณายัง…ไม่ครอบคลุม หรือว่าครั้งที่แล้วหลังจากที่โฮสต์เลิกเล่นเกมนั้น โฮสต์ก็มีความคิดแบบนี้? แค่ไม่มีโอกาสได้ทำ”

ฟางหนิง “ฉันเป็นคนแบบไหน? ฉันกำลังคิดถึงคนเลวพวกนี้อยู่ เมื่อก่อนแกเพียงแค่ตบให้ตาย ราคาถูกเกินไปสำหรับคนร้ายพวกนี้ ตอนนี้หลังจากฆ่าพวกมันแล้ว ค่อยบังคับวิญญาณของพวกเขาให้ส่งความโกรธและทองมาให้เรา ขั้นแรก ลงโทษพวกเขาก่อน และขั้นที่สอง ให้พวกเขาช่วยเราสะสมทรัพยากร นี่ไม่ใช่การยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเหรอ?”

ระบบ “โฮสต์ ฉลาดมาก”

ฟางหนิง “ฉันไม่อยากยุ่งเรื่องไร้สาระของแกที่มาจากอินเทอร์เน็ต การทดลองแผนการเติบโตของระบบครั้งแรกนั้นประสบความสำเร็จในขั้นต้น ตอนนี้ฉันอารมณ์ดีขึ้นแล้ว และฉันอยากอ่านนิยายเพื่อพักสมอง รีบรักษาบาดแผลของแกซะ แล้วหยุดอ้วกเสียที ฉันอยากพักแล้ว ดำเนินตามแผนขั้นที่สองได้”

การแจ้งเตือนของระบบ ‘โฮสต์ปลด ‘สถานะปราชญ์’ อารมณ์กำลังฟื้นตัว’

ระบบ “เอาล่ะ ตอนนี้ระบบแน่ใจได้แล้วว่าโฮสต์คนเดิมกลับมาแล้ว…”

…………

วันรุ่งขึ้น ฟางหนิงก็มอบโรเบิร์ตและเฉียงเวยให้กับสำนักสัจธรรม

ในช่วงเวลาของการส่งมอบ เขาถือโอกาสนี้ทำแผนส่วนที่สองให้สำเร็จ โดยช่วยหลงฟานที่เพิ่งฟื้นคืนชีพให้อ้างสิทธิ์ในตัวเอง…

หลังจากทำเสร็จแล้ว เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เห็นว่าหลงฟาน กลายเป็นกองทัพพันธมิตรสีเขียวบนแผนที่ระบบของเขา และความเป็นมิตรก็ดูเหมือนจะมาถึงระดับมาตรฐานแล้ว

ระบบ “ฉันกำลังคิดเกี่ยวกับวิธีใช้เอฟเฟกต์ ‘ความช่วยเหลือพันลี้’ เพื่อฟื้นฟูสัตว์ประหลาดในเกม ตอนที่ฉันจัดการแอนเดอร์สัน ฉันโจมตีร่างกายของเขาโดยตรงได้”

ฟางหนิง “ฮ่าฮ่า ตราบใดที่ฉันอยากคิดเกี่ยวกับมัน แกก็คิดไม่ถึงหรอก…”

ระบบ “เพื่อให้โฮสต์ได้คิดมากขึ้น สงสัยต้องเข้าโหมด ‘สถานะนักปราชญ์’ อีกสักสองสามครั้งถึงจะดี”

ฟางหนิง “… มีหลงฟานเป็นพันธมิตร ไม่ต้องกังวลหรอก”

ระบบ “โฮสต์ ฉลาดมาก”

ฟางหนิง “หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ…”

ระบบ “ไม่ “

หลงฟานไม่เคยคิดว่าเขาจะเป็นที่จดจำของผู้อื่น สิ่งที่เข้าทำมีเพียงฝึกพลังเวทต่อไป

แน่นอนว่ามันไม่ใช่ระดับของ ‘การแปลงร่างมังกร’ หรอก มันเป็นแค่เทคนิคการแปลงร่างที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างของมันได้

ฉันได้ประโยชน์มหาศาลจากผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองอีกแล้ว แต่ไม่เคยตอบแทนท่านได้เลย รู้สึกผิดจริงๆ

ขณะฝึกฝน เขาคิดเช่นนี้

…………

หลังจากจบงานใหญ่ของหลงฟานแล้ว ฟางหนิงก็จำเหตุการณ์ที่เขาเกือบจะลืมไปแล้วได้ขึ้นมา

“เฮ้ เราต้องตามหาพ่อบ้านเจิ้งไม่ใช่เหรอ? เขาอยู่ที่ไหน?”

ขณะที่เขากำลังสงสัยอยู่นั้น QQ ก็มีข้อความให่เข้ามา

เป็นเจิ้งต้าวนั่นเอง “นายท่าน ผมประสบความสำเร็จอย่างมากในการปฏิการครั้งนี้และจะกลับมาในวันพรุ่งนี้”

ฟางหนิงรู้สึกเหมือนอีกาสามตัวบินมาเหนือหัวและส่งเสียงร้อง ‘กา กา กา’ เกิดอะไรขึ้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเจิ้งต้าวเลยเหรอ ไม่มีเรื่องอะไรแม้แต่นิดเดียวเลยเหรอ?

ฟางหนิงพิมพ์ถามกลับไป “ช่วงนี้นายไปไหนมาบ้าง?”

เจิ้งต้าว “เอ๊ะ ทำไมนายท่านถึงถามคำถามนี้? หลังจากที่ผมขอลาก็ไปพบเพื่อนคนหนึ่ง และได้ตกลงเข้าไปในเขาวงกตทางจิต ได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ จากนั้นอาจารย์คนนั้นอยากจะสอนทักษะบางอย่างให้ เงื่อนไขคือต้องตัดขาดกับโลกภายนอก ผมถามผู้อาวุโสทั้งสองเพื่อขอคำแนะนำล่วงหน้าผ่าน QQ แล้ว ตอนนั้นผู้อาวุโสทั้งสองเห็นพ้องต้องกันว่าลูกน้องควรตามอาจารย์ไปปฏิบัติ”

ฟางหนิงแทบจะกระอักเลือด “ผู้อาวุโสเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง? พวกนั้นหลอกลวงคุณด้วยภาพลวงตาอย่างแน่นอน เพราะฉันไม่เห็นข้อความจากคุณเลย ผม… ไม่ สำนักสัจธรรมก็ตรวจสอบประวัติการสนทนา QQ ของคุณแล้ว และบอกผมว่าคุณไม่ได้ส่งข้อมูลใดๆ ให้ผมเลย ไม่อย่างนั้นพวกเราจะไปหาคุณทุกที่ทำไม?”

เจิ้งต้าวหน้าถอดสี “ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นสวมชุดสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า บอกไม่ได้ว่าเป็นชายหรือหญิง นายท่านไม่ได้รับข่าว เป็นไปได้ไหมว่าตอนนี้ผมยังไม่ออกจากเขาวงกตจิต?”

ฟางหนิง “ถ้านายสามารถติดต่อกับฉันตอนนี้ ผู้อาวุโสท่านนั้นก็คงจะปล่อยนายออกมา”

เจิ้งต้าว “เป็นไปได้ไหมที่ผู้อาวุโสทั้งสองท่านนี้กำลังตามหาผมอยู่ข้างนอก? ผมละอายใจจริงๆ ท่านทั้งสองสบายดีไหม?”

ฟางหนิง “เราไม่มีเรื่องใหญ่อะไร แต่ฉันว่านายกำลังเจอกับปัญหาใหญ่เข้าแล้ว”

เจิ้งต้าว “…”

ภายใต้ท้องฟ้าสีครามและเมฆขาว เหนือหลังคาของวิลล่า มังกรขาวและสุนัขสองตัวเกาะอยู่บนรั้ว เฝ้าดูการต่อสู้เบื้องล่าง

“ไม่เลวเลยที่ฉันอยู่ตัวคนเดียวมาจนถึงสองร้อยห้าสิบปี” หมาเหลืองกล่าว

หมาดำตอบกลับ “จู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าผลที่ตามมาจากการโดนกระสุนนั่นก็ไม่ได่น่ากลัวเท่าไหร่…”

ที่ลานชั้นล่าง เจิ้งต้าวต้องเผชิญหน้าผู้หญิงสองคนที่หน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะ เขาคิดหาวิธีไม่ได้

“ติงเซียง ท่านมังกรขาวที่เฝ้ามองจากเบื้องบน แบบนี้ก็ดีเลยสิ? นอกจากนี้ คนที่ปลอมตัวมานั้นเป็นคนของสำนักสัจธรรมสินะ?”

ติงเซียงทั้งสองคนไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ในเวลาเดียวกันก็พิมพ์ข้อความบนโทรศัพท์ หลังจากนั้นพวกเธอก็ยกโทรศัพท์ขึ้นพร้อมกันโดยไม่แสดงอารมณ์ใดใดออกมา

โทรศัพท์หันไปทางหลังคาของอาคาร ฟางหนิงอยู่บนนั้น และด้วยสายตาของเขา เขาสามารถมองเห็นตัวอักษรตัวเล็กๆ บนนั้นได้อย่างชัดเจน

“หืม ใช้เทคโนโลยีที่ด้อยค่าขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะพูด เธอละทิ้งความมืดมิดและหันไปหาความสว่าง ยอมรับการจำกัดสายเลือดโดยสมัครใจ และเข้าร่วมสำนักสัจธรรมเพื่อชดใช้บาปของเธอ คุณไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้

“อย่างไรก็ตาม ท่านมังกรขาวกังวลมากว่าท่านไม่สามารถเห็นความจริงและความเท็จได้ ข้าทำสิ่งนี้โดยได้รับอนุญาตจากเขา เร็วเข้า ให้เวลาคุณยี่สิบนาที คุณแยกแยะไม่ออกหรอก ฉันจะทำให้คุณดูดีขึ้นเอง…”

เจิ้งต้าวทำอะไรไม่ถูก “ติงเซียง คุณบอกความจริงได้ไหม? ผมถูกจับกุมครั้งแรกและได้รับการช่วยเหลือ ผมไม่เคยทำให้คุณโกรธเลยนะ”

หลังจากนั้นไม่นาน ติงเซียงทั้งสองคนก็ยกโทรศัพท์ขึ้นอีกครั้ง

“หืม ถ้าคุณไม่ได้เห็นการปลอมตัวของเธอ คุณก็คงไม่ถูกคนจับไปได้ง่ายๆ หรอก” เธอเพิ่งอธิบายว่าเธอได้รับมอบหมายจากผู้เฒ่าเฟิง และใช้รูปลักษณ์ของฉันเพื่อส่งข้อความวิดีโอถึงคุณ เพื่อที่เธอจะได้เชิญคุณไปยังสถานที่ซึ่งวางกับดักไว้ก่อนหน้านี้ และคุณจะถูกจับโดยผู้เฒ่าเฟิงและเหล่ยเจวี๋ยต้งโดยไร้ซึ่งการต่อต้านใดๆ ฉันควรช่วยฝึกฝนให้คุณไหม เพื่อให้คุณมีความสามารถในการแยกความแตกต่างระหว่างความจริงกับภาพที่สร้างขึ้นมา จะได้ไม่พลาดอีกในอนาคต”

เจิ้งต้าวพูดอะไรไม่ออก

…………

หลังจากที่เห็นฉากนี้แล้ว ฟางหนิงก็ไม่รู้ว่ามันจะจบลงเช่นไร เขารู้เพียงว่าเจิ้งต้าวออกไปพร้อมกับติงเซียงทั้งสอง และหลังจากที่เขากลับมา เขาก็อยู่ใน ‘สถานะปราชญ์’ เสมอ ไม่มีพลังงานใดใดเลย

“เจิ้งต้าว ขึ้นรถคันนี้ไม่ต้องจ่ายค่าตั๋วเหรอ?” ฟางหนิงบินไปที่เจิ้งต้าวและเอ่ยถาม

เจิ้งต้าวทำอะไรไม่ถูก “ท่านมังกรขาว ลูกน้องของท่านเป็นคนแบบนั้นเหรอ? ผมเพิ่งใช้พลังวิญญาณมากเกินไป และเพิ่งไปช่วยติงเซียงทำการรักษาจิตบำบัด”

ฟางหนิงเลิกกังวลเกี่ยวกับการวิ่งระยะไกลของเจิ้งต้าว ท้ายที่สุด พวกเขาจะประสบความสำเร็จในการฝึกฝนและอายุขัยของพวกเขาจะเพิ่มขึ้น

เขาเปิดปากพูดสิ่งที่ร้ายแรงออกมา “คุณไปถามสำนักสัจธรรมดูสิว่าครั้งนี้จะให้รางวัลเป็นอะไร? นอกจากนี้ ตลาดภายในของพวกเขาไม่เปิดให้เราแล้วเหรอ ฉันจะบอกรายการยาและงบประมาณให้นาย นายสามารถซื้อคืนได้ ถึงต้องจ่ายเพิ่มก็ไม่เป็นไร”

เทพแห่งระบบยังคงอาเจียนเป็นเลือดเป็นระยะ และยาที่ใช้รักษาไม่สามารถซื้อจากภายนอกได้

กลุ่มเภสัชกรรมของเมืองเฉิงเริ่มทดลองกับการเพาะปลูกวัตถุดิบยา แต่เพิ่งเริ่มได้ไม่กี่เดือนเท่านั้น ก็ยังเร็วเกินไปที่จะประสบความสำเร็จ ฉันได้ยินประธานจ้าวพูดใน QQ ก่อนหน้านี้ว่าพวกเขาประสบปัญหามากมาย และประธานกลุ่มฉีเยว่ก็วิ่งเต้น มองหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อแก้ปัญหา

ทันทีที่เจิ้งต้าวได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ดูจริงจัง “ผมกำลังจะรายงานเรื่องนี้ต่อนายท่านพอดี สำนักงานสัจธรรมกล่าวว่าการสังหารแอนเดอร์สันและพรรคของเขาในครั้งนี้เป็นการป้องกันไม่ให้ข้อมูลทางเทคนิคที่สำคัญอย่างยิ่งรั่วไหลออกไป รางวัลยังคงอยู่ในการประเมินเบื้องต้น”

เมื่อฟางหนิงได้ยินก็หูผึ่ง ข้อมูลทางเทคนิคที่สำคัญมากคืออะไรกัน? มันจะมีประโยชน์สำหรับแผนการเติบโตของระบบด้วยไหม?

มันเกิดขึ้นตอนที่แอนเดอร์สันถูกขังอยู่ในห้องขัง และเขาไม่ได้ถามคำถามออกไป ถ้าไม่อยากพูด ก็แค่โมโหใส่เขา

ฟางหนิงยื่นใบสั่งยาที่ระบบพิมพ์ออกมาให้เจิ้งต้าวทันที และขอให้ระบบโอนเงินจำนวนหนึ่งให้เขาเพื่อดำเนินการ

จากนั้นเขาก็เข้าสู่พื้นที่ระบบ

…………

ภายในพื้นที่ของระบบ

ฟางหนิงถือหนังสือเกมและเดินช้าๆ ไปบนพื้นหินอ่อน

พื้นที่ของระบบเต็มไปด้วยแสงไฟสว่างจ้า แต่ห้องขังกลับมืดสนิท มีเพียงทางเดินเท่านั้นที่มีแสงสว่าง

เวลานี้ ห้องขังเดี่ยวสองห้องกำลังเผชิญหน้ากัน โดยมีป้ายบอกทางหมายเลข 1 และหมายเลข 2

แอนเดอร์สันอยู่ในห้องขังหมายเลข 1 ซึ่งครั้งสุดท้ายไว้ใช้ขังอสูรฝันร้ายที่ตอนนี้ได้กลายเป็นวัตถุดิบสำหรับอุปกรณ์อวกาศในตำนานไปเรียบร้อยแล้ว

แอนเดอร์สัน “มีคนอยู่ที่นี่ ผู้เฒ่าเฟิง อย่าเพิ่งหลับล่ะ”

ผู้เฒ่าเฟิง “ฉันคงทนต่อไปได้อีกไม่นานแล้ว ขอฉันนอนพักสักหน่อยเถอะก่อนที่ร่างวิญญาณของฉันจะสลายไป ยังไงฉันก็ตายอยู่แล้ว”

ฟางหนิงเอื้อมมือออกไปแล้วโยนหนังสือเกมกระแทกเข้าไปในผนังห้องขังอย่างจัง คนข้างในสะดุ้งโหยง

หลังจากที่หนังสือเกมบินกลับโดยอัตโนมัติ เขาตะโกน “ตื่นได้แล้ว เฟิงเกินเซิง! ที่นี่ไม่ใช่ที่ให้แกมาหลับนะ แกทำเรื่องแย่ๆ มากี่เรื่องแล้ว? บาปหนักหนาขนาดนี้ยังกล้ามานอนหลับสบายใจอยู่อีกเหรอ? ต่อให้ตายไปแล้วก็ช่วยคิดทบทวนให้ดี!”

ระบบแจ้งเตือน ‘ความโกรธของเฟิงเกินเซิงที่มีต่อโฮสต์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว’

ฟางหนิงพยักหน้า “ดี”

……………………………………………………………………..

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

Status: Ongoing

จู่ๆ ก็มีดาวตกพุ่งลงมาที่โลก ทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย

แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นกลับทำให้ 'ฟางหนิง' หัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนสลบไป

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขามีระบบ ขณะที่กำลังจะดีใจว่าในที่สุดก็มีขาทองคำมาให้เกาะ

เจ้าระบบนั่นกลับประเมินว่าเขาเป็นโรคขี้เกียจระยะสุดท้าย ปล่อยไว้ไม่มีทางเจริญก้าวหน้า

และทำการยึดครองร่างของเขาซะงั้น!?

...

จากหนุ่มโอตาคุผู้แสนจะขี้เกียจที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

กลับต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมตนเองเป็นฮีโร่คอยปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย

ปกป้องเมืองที่ตนอยู่อาศัย และฝึกวิทยายุทธ์เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดนิ้วทองคำของระบบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท